หนึ่งอาชีพที่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมการตลาดออนไลน์คือ SEO specialist ท่านอาจจะสงสัยว่า แล้ว SEO คืออะไร ทำไมถึงมีบทบาทกับธุรกิจต่างๆ ซึ่ง เอสอีโอ ก็คือการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกของ Google ให้ได้ และตำแหน่งงานนี้ก็เป็นผู้ที่ทำหน้าที่สำคัญนั้น จึงทำให้กลายเป็นตำแหน่งงานที่นักธุรกิจต้องการตัวกันเป็นอย่างมาก เพราะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของพวกเขาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ทำให้เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและการบริการ รวมไปถึงยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้อีกด้วย
งาน seo เป็นอาชีพที่คนน้อยมักจะเข้าใจอย่างแท้จริงว่าเกี่ยวกับอะไร ซึ่งในวันนี้ SEOGURU ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้และมีทีมงานที่มีประสบการณ์เฉพาะทางมากกว่า 10 ปี เราถือเป็นผู้ที่มีทักษะทางด้านนี้จึงอยากนำอาชีพที่เราทำอยู่มาถ่ายทอดให้ทุกคนได้รู้จักว่าจริงๆแล้วสายอาชีพที่หลายธุรกิจต้องการตัว เกี่ยวกับอะไร มีความสำคัญแค่ไหนกับการทำการตลาดออนไลน์ และต้องมีทักษะทางไหนบ้างหากอยากทำงานนี้
SEO specialist คืออะไร?
SEO Specialist คือ ผู้เชี่ยวชาญ SEO (Search Engine Optimization) ที่มีทักษะและความรู้เฉพาะด้านในการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์นั้นมีโอกาสติดอันดับสูงขึ้น ในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาอย่าง Google โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ผ่านทางการค้นหาแบบธรรมชาติ (organic search) ซึ่งจะเป็นการทำการตลาดแบบยั่งยืน จะทำงานทั้งในส่วนของการปรับปรุง On-page และการสร้างลิงก์จาก Off-page ด้วย
หน้าที่และบทบาทของ SEO Specialist
1. ทำ Keyword Research
จะเริ่มต้นด้วยการค้นหาคำสำคัญที่ผู้ใช้งานทั่วไป นิยมค้นหาเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่เว็บไซต์นั้นเสนอ พวกเขาจะใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อค้นหา คำที่มีความเกี่ยวข้อง และมีโอกาสในการสร้าง traffic ให้กับเว็บไซต์
2. ปรับ On-Page SEO
หลังจากได้คำค้นหาที่สำคัญแล้ว จะทำการปรับปรุงและแก้ไขเนื้อหาของเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับคำค้นหาเหล่านั้น ซึ่งรวมถึงการใช้คำสำคัญในหัวข้อหลัก (title tags) คำอธิบายหน้าเว็บ (meta descriptions) ส่วนหัว (headings) และเนื้อหาหลักของหน้าเว็บ
3. ปรับ Off-Page SEO
การปรับปรุงโครงสร้างของเว็บไซต์ให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายและมีการเชื่อมโยงภายในที่ดี จะช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถเข้ามาสำรวจและจัดอันดับหน้าเว็บได้ง่ายขึ้น จะตรวจสอบโครงสร้างของ URL, การเชื่อมโยงภายใน, และการใช้งานไฟล์ robots.txt
4. เช็คและแก้ไข Technical SEO
จะตรวจสอบและแก้ไขปัญหาทางเทคนิค ที่อาจทำให้เว็บไซต์ไม่สามารถติดอันดับได้ดี เช่น ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ, การใช้งานบนมือถือ, การจัดการการเปลี่ยนแปลง URL และการใช้ SSL เพื่อความปลอดภัย
5. การสร้าง Link Building
การสร้างลิงก์ที่มีคุณภาพจากเว็บไซต์อื่นๆ เป็นส่วนสำคัญของการเพิ่มความน่าเชื่อถือ และอำนาจของเว็บไซต์ในสายตา ของเครื่องมือค้นหา SEO จะสร้างกลยุทธ์ในการขอรับลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องและมีคุณภาพ
6. การติดตามและวิเคราะห์ผล (Analytics and Reporting)
จะใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น Google Analytics และ Google Search Console ในการติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการปรับปรุง SEO พวกเขาจะรายงานผลการทำงานและปรับปรุงกลยุทธ์ตามข้อมูลที่ได้รับให้กับผู้ว่าจ้าง
ซึ่งเราจะมาเน้นย้ำว่า เอสอีโอ Specialist ไม่ใช่คนทำเว็บไซต์ ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ ไม่ใช่คนทำกราฟฟิก ไม่ใช่คนเขียนบทความ และไม่ใช่คนที่ทำ social Media Marketing แต่จะเป็นผู้ที่อยู่ในตำแหน่งที่สำคัญในการทำสิ่งที่กล่าวไปข้างต้น เรียกได้ว่าต้องมีทักษะและ Skill หลายด้าน เพราะต้องเป็นคนของวางแผนด้านการทำ SEO เป็นผู้สั่งการ ประสานกับทีมงานต่างๆ รวมไปถึงคอยตรวจความเรียบร้อยที่ได้ทำลงไปบนเว็บว่ามีต้องส่วนไหนที่ต้องเพิ่มเติมหรือแก้ไขหรือไม่
ทักษะที่ควรมี
- มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการทำงานของ Google และต้องรู้จักและเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริธึมที่ใช้ในการจัดอันดับและการปรับปรุงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
- สามารถค้นหาคำค้นหาที่มีความเกี่ยวข้องและมีโอกาสสูงในการดึงดูดการเข้าชมมาเว็บไซต์ การใช้เครื่องมือ Keyword Research เช่น Google Keyword Planner, Ahrefs, SEMrush เป็นต้น
- มีทักษะการเขียนเนื้อหาที่น่าสนใจและเหมาะสมกับคำค้นหา และสามารถปรับปรุงเนื้อหาที่มีอยู่แล้วให้เหมาะสมกับ SEO เพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับ
- มีความรู้เกี่ยวกับ HTML, CSS, JavaScript และวิธีการปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ ต้องสามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับ
- สามารถสร้างกลยุทธ์ในการสร้างลิงก์ที่มีคุณภาพจากเว็บไซต์อื่นๆ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและอำนาจของเว็บไซต์
- วิเคราะห์ข้อมูลและต้องมีความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือเช่น Google Analytics, Google Search Console เพื่อวัดผลการทำงานและปรับปรุงกลยุทธ์
- ทักษะการใช้เครื่องมือ SEO เช่น Ahrefs, SEMrush, Moz, Screaming Frog เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน
- มีความเข้าใจเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์และกลยุทธ์การตลาดเพื่อให้การทำ SEO เป็นไปอย่างยั่งยืน
- สามารถสื่อสารกับทีมงานฝ่ายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำงานร่วมกับทีมพัฒนาเนื้อหา, ทีมเทคนิค, และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ
- มีความกระตือรือร้นในการติดตามการเปลี่ยนแปลงและการปรับปรุงเพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ เสมอ
แนวโน้มของอาชีพ SEO Specialist ในปี 2025
ปัจจุบันโลกของการตลาดออนไลน์หมุนเร็วกว่าที่เคย และ Google เองก็อัปเดตอัลกอริทึมแทบทุกเดือน ทำให้บทบาทของ SEO Specialist ในปี 2025 ขยับจากการ “ทำให้ติดอันดับ” ไปสู่การ “สร้างความน่าเชื่อถือในระยะยาว” มากขึ้น SEO จึงไม่ใช่เพียงงานเทคนิค แต่กลายเป็น กลยุทธ์ธุรกิจแบบองค์รวม (Holistic Marketing Strategy)
SEO Specialist ยุคใหม่ต้องเข้าใจทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค เทรนด์คอนเทนต์ และเทคโนโลยี AI เพื่อใช้วิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์อย่างแม่นยำ ยกตัวอย่างเช่น การใช้ AI Keyword Analysis เพื่อคาดการณ์เทรนด์การค้นหาล่วงหน้า หรือการใช้เครื่องมืออย่าง Google Search Console Insights เพื่อดูว่าเนื้อหาประเภทใดดึงดูดผู้ใช้ได้จริง
นอกจากนี้ SEO Specialist ยังต้องมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงการตลาดระหว่างทีม เช่น ทีมคอนเทนต์ ทีมเทคนิค และทีมโฆษณาออนไลน์ เพื่อให้การสื่อสารของแบรนด์สอดคล้องกันในทุกช่องทาง ทั้ง SEO, Google Ads และ Social Media ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO กลายเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่ “องค์กรดิจิทัลยุคใหม่” ขาดไม่ได้
SEO Specialist กับการใช้ AI และ Automation Tools
หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในปี 2025 คือ SEO ไม่ได้ทำด้วยมือเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่มีการใช้เครื่องมือ Automation และ AI มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล เช่น การสแกนเว็บไซต์หาปัญหา On-page, การวิเคราะห์ Backlink คุณภาพ หรือแม้แต่การเขียน Outline ของบทความเบื้องต้น
ตัวอย่างเครื่องมือที่ SEO Specialist นิยมใช้ เช่น
- Surfer SEO สำหรับวิเคราะห์โครงสร้างเนื้อหาให้เหมาะกับคีย์เวิร์ด
- Ahrefs / SEMrush / Moz Pro สำหรับวัดคุณภาพลิงก์และติดตามคู่แข่ง
- ChatGPT / Gemini สำหรับวางไอเดียหรือสรุปหัวข้อเนื้อหาก่อนลงมือเขียน
อย่างไรก็ตาม แม้ AI จะช่วยได้มาก แต่ SEO Specialist ที่ดีจะไม่ใช้แบบ “คัดลอกมาทั้งดุ้น” เพราะ Google ให้ความสำคัญกับ E-E-A-T (Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness) ซึ่งเนื้อหาที่มาจากความเชี่ยวชาญของมนุษย์จริง ๆ จะได้รับคะแนนมากกว่า ดังนั้น การใช้ AI ต้องอยู่บนพื้นฐานของ “การควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญ” เพื่อให้ผลงานออกมาทั้งเร็วและมีคุณภาพ
เส้นทางการเติบโตของอาชีพ SEO Specialist
จากอาชีพที่เคยอยู่หลังบ้าน ปัจจุบัน SEO Specialist กลายเป็นหนึ่งในสายงานที่เติบโตเร็วที่สุดในวงการดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่ต้องการเพิ่มทราฟฟิกแบบยั่งยืนโดยไม่พึ่งค่าโฆษณามากเกินไป
ผู้ที่เริ่มต้นในสายนี้อาจเริ่มจากตำแหน่ง SEO Executive หรือ SEO Content Writer ก่อนจะไต่ระดับขึ้นเป็น SEO Specialist, SEO Strategist, และสุดท้ายคือ SEO Manager หรือ Head of Organic Marketing ที่ดูแลกลยุทธ์ภาพรวมทั้งหมด
สิ่งที่ทำให้อาชีพนี้มีเสน่ห์คือ การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด เพราะทุกครั้งที่ Google อัปเดตอัลกอริทึม นักทำ SEO ต้องเรียนรู้ใหม่ ปรับตัวใหม่ และทดลองแนวทางใหม่ ๆ อยู่เสมอ คนที่รักการวิเคราะห์ สนุกกับข้อมูล และอยากเห็นผลลัพธ์จากการพัฒนาเว็บไซต์ — อาชีพนี้คือเส้นทางที่เหมาะที่สุด
บทสรุป
อาชีพ SEO Specialist ในปี 2025 ไม่ได้หมายถึงการ “ทำให้เว็บติดหน้าแรก” อย่างเดียวอีกต่อไป แต่เป็นคนที่เข้าใจทั้ง กลยุทธ์ธุรกิจ + เทคโนโลยี + พฤติกรรมผู้ใช้ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่อยากเพิ่มยอดผู้เข้าชมแบบไม่ต้องพึ่งโฆษณา ติดต่อ SEOGURU เพื่อปรึกษาฟรี ได้เลย รับประกันว่าธุรกิจของคุณจะก้าวกระโดดหากให้เราเป็นคนจัดการในส่วนนี้ให้