ปัจจุบัน การค้นหาผ่าน Google หรือเครื่องมือค้นหาอื่นๆ กลายเป็นพฤติกรรมที่ติดตัวเราไปทุกวัน ทั้งค้นหาข่าวสาร สินค้า บริการ หรือแม้กระทั่งวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ความไว้วางใจที่เรามีต่อผลการค้นหานั้น อาจถูก “ผู้ไม่หวังดี” ใช้เป็นช่องทางโจมตีผ่านกระบวนการที่เรียกว่า SEO Poisoning
SEO Poisoning คือหนึ่งใน ภัยออนไลน์ (เตือนภัยออนไลน์) ที่หลายคนอาจยังไม่รู้จัก แต่กำลังแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านการใช้เทคนิค SEO สายเทา ที่เจาะกลไกของ Google เพื่อดันเว็บไซต์อันตรายขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว
บทความนี้ SEOGURU จะพาคุณมาทำความรู้จัก SEO Poisoning แบบละเอียด พร้อมวิธีป้องกันและสัญญาณเตือนที่ทุกธุรกิจต้องรู้
SEO Poisoning คืออะไร?

SEO Poisoning คือ เทคนิคการโจมตีผ่านการทำ SEO แบบไม่ปลอดภัย โดยใช้วิธีหลอกกลไกของเครื่องมือค้นหาให้ดันเว็บไซต์ปลอม หรือเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่เป็นอันตรายขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆ เพื่อหลอกให้ผู้ใช้งานคลิกเข้าไป
เป้าหมายของ SEO Poisoning ส่วนใหญ่ คือ
- กระจายมัลแวร์
- ขโมยข้อมูลส่วนตัว
- หลอกลวงการเงิน
- ทำลายชื่อเสียง
- ดึงทราฟฟิกออกจากเว็บไซต์จริง
- กระจายข้อมูลเท็จ
SEO Poisoning เป็นเทคนิคที่ถือว่าเป็น SEO สายเทา หรือ Black Hat SEO ที่อาศัยการปั่นอันดับผ่านวิธีผิดกฎ ไม่ได้ทำ SEO อย่างปลอดภัยเหมือนที่บริษัทมืออาชีพใช้
SEO Poisoning ส่งผลกระทบต่อใครบ้าง?
- ผู้ใช้งานทั่วไป: อาจโดนหลอกให้เข้าเว็บไซต์ปลอม ดาวน์โหลดไวรัส หรือเผยข้อมูลสำคัญโดยไม่รู้ตัว
- เจ้าของเว็บไซต์/ธุรกิจ: อันดับใน Google อาจถูกแย่ง ลูกค้าอาจถูกดึงไปยังเว็บไซต์ปลอม หรือเว็บไซต์อาจถูกเจาะระบบเพื่อนำไปใช้เป็นช่องทางโจมตี
- ชื่อเสียงของ Search Engine: เมื่อเว็บไซต์อันตรายติดอันดับได้ง่าย ความน่าเชื่อถือของเครื่องมือค้นหาอาจลดลง
SEO Poisoning ทำงานอย่างไร?
การโจมตี SEO Poisoning ส่วนใหญ่มักเริ่มจาก การเลือกคีย์เวิร์ดยอดนิยม ที่คนกำลังค้นหาจำนวนมาก เช่น ข่าวด่วน, เทรนด์สุขภาพ, ซอฟต์แวร์ฟรี, หรือสินค้าราคาถูก
จากนั้นผู้โจมตีจะใช้วิธีต่างๆ เช่น
- สร้างเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนเว็บจริง
- เจาะช่องโหว่ของเว็บที่มีอยู่และฝังลิงก์อันตราย
- ใช้เทคนิค SEO สายเทา เพื่อดันเว็บไซต์อันตรายขึ้นอันดับสูง
เมื่อผู้ใช้งานคลิกเข้าไป อาจโดน
- ติดตั้งมัลแวร์หรือไวรัสทันที
- โดนขโมยข้อมูล เช่น รหัสผ่าน บัตรเครดิต
- ถูก Redirect ไปยังเว็บหลอกลวงที่ขายของปลอม
- ถูกหลอกให้ดาวน์โหลดไฟล์ปลอมที่เป็นไวรัส
5 เทคนิค SEO Poisoning ที่พบได้บ่อย

1. Keyword Stuffing และการซ่อนคีย์เวิร์ด
โจมตีด้วยการยัดคีย์เวิร์ดจำนวนมากในหน้าเพจ รวมถึงใช้ข้อความสีเดียวกับพื้นหลังเพื่อให้ Google อ่านเจอแต่คนมองไม่เห็น
2. Cloaking (โชว์คนละหน้า)
แสดงเนื้อหาหนึ่งให้ Google และอีกเนื้อหาหนึ่งให้ผู้ใช้งาน ตัวอย่างเช่น Google เห็นหน้าเว็บข่าว แต่ผู้ใช้งานเห็นหน้าเว็บดาวน์โหลดมัลแวร์
3. Link Farms
สร้างเครือข่ายเว็บไซต์ปลอมจำนวนมากเชื่อมโยงกัน เพื่อปั่น Backlink ปลอม ทำให้ Google เข้าใจผิดว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูง
4. Scraper Sites
ขโมยเนื้อหาจากเว็บไซต์จริงไปวางในเว็บปลอม แล้วทำ SEO เพื่อแย่งอันดับเว็บต้นฉบับ
5. Malicious Redirects
ฝังโค้ดในเว็บไซต์ที่ถูกแฮ็กให้ Redirect ผู้ใช้งานไปยังเว็บไซต์ปลอม โดยที่เจ้าของเว็บไซต์ไม่รู้ตัว
สัญญาณเตือน SEO Poisoning
- เจอหน้าเว็บแปลกๆ ในผลการค้นหา: เว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องแต่ติดอันดับสูงจนน่าสงสัย
- เว็บไซต์ของคุณถูก Google แจ้งเตือน: อาจมีมัลแวร์ หรือเนื้อหาไม่ปลอดภัย
- พบลิงก์แปลกๆ ในเว็บไซต์ของคุณ: ลิงก์ที่คุณไม่ได้ใส่เอง อาจถูกแฮ็ก
- ทราฟฟิกลดผิดปกติ: อาจมีคน Redirect ทราฟฟิกออกไปจากเว็บของคุณ
- มีคนพบเว็บปลอมที่ใช้ชื่อแบรนด์ของคุณ: อาจเป็นการสร้างเว็บเพื่อหลอกผู้ใช้งาน
ตัวอย่างผลกระทบของ SEO Poisoning ที่เกิดขึ้นจริง
ในปี 2022 มีรายงานว่าเว็บไซต์กว่า 15,000 แห่งทั่วโลกถูกโจมตีผ่าน Google SEO Poisoning โดยโจรไซเบอร์สร้างเว็บไซต์ปลอมให้ติดอันดับ และล่อให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดไวรัส สร้างความเสียหายทั้งต่อผู้ใช้งานและธุรกิจมหาศาล
ความเกี่ยวข้องของ SEO Poisoning กับ SEO สายเทา
SEO Poisoning ถือเป็นส่วนหนึ่งของ SEO สายเทา ที่ใช้เทคนิคหลอกลวง ไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่ Google แนะนำ ซึ่งแตกต่างจาก White Hat SEO ที่เน้นสร้างคุณภาพและอันดับอย่างปลอดภัย
SEO สายเทาสามารถสร้างผลลัพธ์เร็ว แต่มีความเสี่ยงสูงมาก และอาจทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกแบนจาก Google ถาวร
หากคุณใช้บริการจากบริษัทที่ไม่โปร่งใส อาจเผลอใช้เทคนิค SEO Poisoning โดยไม่รู้ตัว จึงควรเลือกทำ SEO กับบริษัทที่เชื่อถือได้เท่านั้น
วิธีป้องกัน SEO Poisoning

สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
- ตรวจสอบ URL ก่อนคลิก ว่าถูกต้องหรือไม่
- อย่าโหลดไฟล์จากเว็บที่ไม่น่าเชื่อถือ
- ใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ทันสมัย
- อัปเดต Browser และระบบปฏิบัติการอยู่เสมอ
สำหรับเจ้าของเว็บไซต์
- ตรวจสอบเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ ว่ามีลิงก์แปลกๆ หรือไม่
- ใช้ระบบรักษาความปลอดภัย เช่น HTTPS, ป้องกัน XSS, ตรวจสอบ Open Redirect
- สำรองข้อมูลเว็บไซต์เป็นประจำ
- ใช้ Google Search Console เพื่อตรวจสอบปัญหา SEO และความปลอดภัย
สำหรับธุรกิจ
- ทำ SEO กับ บริษัท SEO ที่น่าเชื่อถือ เท่านั้น
- ตรวจสอบว่าบริษัท SEO ใช้เทคนิค White Hat SEO หรือไม่
- ปฏิเสธวิธีที่รับประกันอันดับในเวลาอันสั้นเกินจริง
บทสรุป
SEO Poisoning คือภัยออนไลน์ที่ใกล้ตัวและร้ายแรงกว่าที่คิด เพราะมันซ่อนตัวอยู่ในผลการค้นหาที่เราวางใจที่สุด การทำ SEO ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเสมอ หลีกเลี่ยง SEO สายเทา และต้องรู้เท่าทันกลยุทธ์ SEO Poisoning ที่อาจส่งผลเสียต่อทั้งผู้ใช้งานและธุรกิจ
หากคุณกำลังมองหาบริษัทที่ทำ SEO อย่างปลอดภัยและยั่งยืน ทักหา SEOGURU พวกเราคือพาร์ตเนอร์ที่คุณวางใจได้ เราทำ SEO แบบ White Hat รับทำ seo สายขาว 100% ไม่ใช้เทคนิคหลอกลวง พร้อมช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเติบโตอย่างมั่นคงในโลกออนไลน์