ในโลกของการทำเว็บไซต์ มีหลายระบบที่คนเลือกใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เช่น WordPress, Joomla, Drupal หรือ Magento แต่ถ้าพูดถึงระบบที่อยู่ตรงกลางระหว่างความง่ายและความยืดหยุ่น Joomla คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ
แม้ในปัจจุบัน WordPress จะได้รับความนิยมสูงสุด แต่ Joomla ก็ยังเป็นระบบจัดการเว็บไซต์ (CMS) ที่มีผู้ใช้งานอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มองค์กรหรือผู้ที่ต้องการเว็บไซต์ที่ปรับแต่งได้หลากหลายมากขึ้น
วันนี้ SEOGURU จะพาคุณมาทำความรู้จัก Joomla ว่าคืออะไร? เหมาะกับใคร? พร้อมเจาะลึกเรื่อง joomla seo ว่าทำ SEO ได้ดีแค่ไหน และเปรียบเทียบกับ WordPress แบบชัดๆ
Joomla คืออะไร ?

Joomla คือระบบ CMS (Content Management System) แบบ Open Source ที่ใช้สำหรับสร้างและจัดการเว็บไซต์ โดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะการเขียนโค้ด Joomla เปิดตัวครั้งแรกในปี 2005 และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
จุดเด่นของ Joomla คือความยืดหยุ่นสูง สามารถสร้างเว็บไซต์ได้หลากหลายประเภท เช่น
- เว็บไซต์องค์กร
- เว็บไซต์ข่าว
- เว็บขายของออนไลน์
- เว็บชุมชนออนไลน์ (Forum)
Joomla มีโครงสร้างหลังบ้านที่สามารถจัดการเนื้อหาได้ละเอียด และยังรองรับเว็บไซต์ที่มีหลายภาษาในตัวอีกด้วย
การทำเว็บไซต์ด้วย Joomla ดีไหม?

หลายคนที่กำลังจะทำเว็บไซต์ อาจสงสัยว่า Joomla ใช้งานง่ายหรือเปล่า? คำตอบคือ Joomla มีความซับซ้อนกว่าการใช้งาน WordPress เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป
จุดเด่นของ Joomla
- รองรับเว็บไซต์หลายภาษาในตัว ไม่ต้องติดตั้งปลั๊กอินเพิ่ม
- ระบบจัดการสิทธิ์ผู้ใช้งาน (User Access Control) มีความยืดหยุ่นสูง
- ปรับแต่งเมนูและหมวดหมู่ได้ละเอียด
- มีระบบโมดูล (Module) ที่จัดวางหน้าเว็บได้อิสระ
จุดด้อยของ Joomla
- การติดตั้งและตั้งค่าหลังบ้านซับซ้อนกว่าบาง CMS
- จำนวนปลั๊กอิน (Extension) น้อยกว่า WordPress
- ชุมชนผู้ใช้งานในไทยน้อยกว่า WordPress
เหมาะสำหรับใคร?
- ธุรกิจที่ต้องการเว็บองค์กรหลายภาษา
- เว็บไซต์ที่ต้องจัดการสิทธิ์ผู้ใช้งานหลายระดับ
- คนที่ต้องการเว็บไซต์ที่ปรับโครงสร้างได้ละเอียดมากกว่า WordPress
การทำ SEO กับ Joomla
การทำ joomla seo นั้นทำได้ดีถ้าคุณเข้าใจโครงสร้างของ Joomla และใช้เครื่องมือให้ถูกต้อง
จุดแข็งของ Joomla SEO
- ปรับโครงสร้าง URL ได้เอง (SEO-Friendly URL)
- รองรับ Meta Title, Meta Description ในแต่ละหน้า
- สามารถตั้ง Canonical URL ได้
- มี Extension สำหรับ SEO เช่น sh404SEF, EFSEO ที่ช่วยปรับ SEO ได้ง่ายขึ้น
สิ่งที่ต้องระวังในการทำ Joomla SEO
- ต้องตั้งค่า URL ให้เป็นแบบ SEF (Search Engine Friendly) ตั้งแต่แรก
- การจัดการ Sitemap ต้องติดตั้งปลั๊กอินเสริม เช่น OSMap
- Joomla ไม่มีปลั๊กอิน SEO แบบครบวงจรเหมือน Yoast SEO ใน WordPress ต้องใช้หลาย Extension ร่วมกัน
สรุปเรื่อง SEO กับ Joomla
ถ้าตั้งค่าถูกตั้งแต่เริ่ม Joomla สามารถทำ SEO ได้ดีไม่แพ้ WordPress แต่ต้องอาศัยความเข้าใจระบบ Joomla มากกว่า WordPress เพราะ WordPress มีเครื่องมือสำเร็จรูปที่ใช้งานง่ายกว่า
เปรียบเทียบ Joomla กับ WordPress แบบชัดเจน

หัวข้อ | Joomla | WordPress |
ความง่ายในการใช้งาน | ปานกลาง | ง่ายที่สุด |
ความยืดหยุ่น | สูง | สูงกว่า |
จำนวนปลั๊กอิน SEO | น้อยกว่า | มากกว่า |
ระบบจัดการหลายภาษา | มีในตัว | ต้องใช้ปลั๊กอินเสริม |
ชุมชนผู้ใช้งาน | น้อยกว่า | ใหญ่ที่สุด |
เหมาะกับเว็บแบบไหน | เว็บองค์กร, เว็บหลายภาษา, เว็บที่ต้องการจัดการสิทธิ์ | เว็บทุกประเภท โดยเฉพาะเว็บที่ต้องการสร้างเร็ว |
สรุปการเปรียบเทียบ
- WordPress เหมาะกับคนที่เริ่มต้นหรืออยากทำเว็บเร็ว มีปลั๊กอิน SEO ที่ใช้งานง่าย เช่น Yoast SEO หรือ Rank Math
- Joomla เหมาะกับคนที่อยากควบคุมโครงสร้างเว็บไซต์อย่างละเอียด รองรับการจัดการผู้ใช้งานหลายระดับ และต้องการสร้างเว็บที่รองรับหลายภาษาโดยไม่ต้องติดตั้งปลั๊กอินเพิ่ม
Joomla SEO ทำให้ติดหน้าแรก Google ได้จริงไหม?
ตอบได้เลยว่า ทำได้แน่นอน ถ้าคุณวางโครงสร้างเว็บไซต์และจัดการเนื้อหาให้ดี SEO ของ Joomla สามารถแข่งขันในผลการค้นหาได้ไม่แพ้ WordPress เลย
สิ่งที่ควรทำสำหรับ Joomla SEO
- เปิดใช้งาน SEF URL (Search Engine Friendly URL)
- ติดตั้งปลั๊กอิน SEO ที่เหมาะสม
- สร้าง Sitemap และส่งให้ Google Search Console
- ตั้งค่า Meta Title, Meta Description ในแต่ละหน้า
- สร้าง Content ที่ตอบโจทย์การค้นหา
- ปรับเว็บไซต์ให้โหลดเร็ว
Joomla vs WordPress เลือกอันไหนดี ?
เลือก Joomla ถ้า
- ต้องการเว็บหลายภาษาในระบบเดียว
- ต้องการระบบจัดการสิทธิ์ผู้ใช้งานที่ละเอียด
- มีทีมที่สามารถดูแลเว็บไซต์ได้ในระยะยาว
เลือก WordPress ถ้า
- ต้องการทำเว็บเร็ว ใช้งานง่าย
- อยากได้ปลั๊กอิน SEO ที่ช่วยทุกอย่างจบในที่เดียว
- มีผู้ให้บริการและชุมชนในไทยเยอะ
Joomla ในปี 2025 ยังน่าใช้ไหม?
แม้ WordPress จะครองตลาด CMS ส่วนใหญ่ แต่ Joomla ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับบางกลุ่มที่ต้องการความยืดหยุ่นและการจัดการหลังบ้านที่ลึกกว่า WordPress
Joomla อัปเดตเวอร์ชันอยู่ตลอดเวลา มี Extension ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยังเป็น CMS ที่มีความปลอดภัยสูง
ถ้าคุณมีทีมที่เชี่ยวชาญหรือพร้อมจะเรียนรู้ Joomla ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ทำเว็บได้แข็งแรงและ SEO ได้ดี
บทสรุป
Joomla คืออีกหนึ่ง CMS ที่ทำ SEO ได้ดีและมีความยืดหยุ่นสูง ถึงแม้จะไม่ใช่ระบบที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทย แต่ Joomla ก็มีความสามารถที่เหนือกว่า WordPress ในบางด้าน เช่น การรองรับหลายภาษาและการจัดการสิทธิ์ผู้ใช้งานอย่างละเอียด
การทำ joomla seo อาจไม่ง่ายเท่า WordPress แต่ถ้าคุณวางโครงสร้างดี ตั้งค่าถูกตั้งแต่แรก และใช้ Extension เสริมที่เหมาะสม Joomla ก็สามารถทำให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรก Google ได้อย่างสบาย
หากคุณต้องการคำแนะนำในการทำ SEO ไม่ว่าจะเป็น Joomla หรือ WordPress ติดต่อ SEOGURU ทีมงานมืออาชัพของเราพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยคุณวางแผน SEO อย่างถูกหลัก เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณเติบโตในระยะยาว