ในโลกออนไลน์ การที่เว็บไซต์ของคุณ “ติดหน้าแรก Google” ไม่ได้เป็นแค่ความเท่ แต่คือหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจ เพราะตำแหน่งในผลการค้นหาคือช่องทางที่ลูกค้าเจอคุณก่อนคู่แข่ง หลายคนจึงเริ่มหันมาเรียนรู้ วิธีทำ SEO ด้วยตัวเอง เพื่อไม่ต้องพึ่งงบโฆษณาและสร้างทราฟฟิกระยะยาวอย่างยั่งยืน
แต่หลายคนก็อาจยังไม่เข้าใจว่า “ทำ SEO ยังไง?” หรือ “เริ่มจากตรงไหนก่อนดี?” บทความนี้จาก SEOGURU จะมาช่วยสอนทุกขั้นตอนแบบง่ายๆ ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงเทคนิคที่มืออาชีพใช้จริง
ทำ SEO ยังไง ?
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า SEO (Search Engine Optimization) คือการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ Google เข้าใจและจัดอันดับได้ง่ายขึ้น โดยเป้าหมายคือให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงในผลการค้นหาแบบธรรมชาติ (ไม่เสียค่าโฆษณา)
SEO ที่ดีไม่ได้มีแค่การใส่คีย์เวิร์ด แต่ต้องคำนึงถึง “ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน” ด้วย เช่น เว็บโหลดเร็ว โครงสร้างอ่านง่าย มีบทความคุณภาพ และลิงก์ภายในเชื่อมโยงกันอย่างถูกต้อง ทั้งหมดนี้คือองค์ประกอบที่ Google ใช้ประเมินว่าเว็บไซต์ของคุณ “มีคุณค่า” มากพอจะขึ้นอันดับหรือไม่
7 ขั้นตอน วิธีทำ SEO ด้วยตัวเอง
1. ทำหน้าเว็บให้ใช้งานง่าย และใช้รูปภาพสวยๆ
หน้าเว็บคือสิ่งแรกที่ลูกค้าเห็น การออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายคือจุดเริ่มต้นของ SEO ที่ดี เพราะ Google ให้ความสำคัญกับ “User Experience” (UX) หากหน้าเว็บดูรก ใช้ยาก หรือไม่รองรับมือถือ อันดับก็จะตกทันที
สิ่งที่ควรตรวจสอบคือ
- เว็บไซต์ต้องเป็น Responsive Design รองรับทั้งมือถือและคอมพิวเตอร์
- ใช้รูปภาพคุณภาพสูง แต่ขนาดไฟล์ไม่ใหญ่เกินไป
- เมนูควรเข้าใจง่าย มีปุ่ม Call to Action ชัดเจน
เว็บไซต์ที่ดูดีไม่เพียงเพิ่มความน่าเชื่อถือ แต่ยังทำให้ผู้ใช้ใช้เวลาอยู่ในหน้านานขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกต่อ SEO
อ่านเพิ่มเติม : วิธีทําเว็บไซต์ ให้เป็นมิตรกับผู้เข้าชม และ เหมาะกับการทำ SEO
2. ปรับความเร็วในการโหลดเว็บไซต์
ความเร็วคือปัจจัยสำคัญที่ Google ใช้จัดอันดับเว็บไซต์ เว็บไซต์ที่โหลดช้าไม่เพียงทำให้คนออกเร็ว (Bounce Rate สูง) แต่ยังทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ไม่เหมาะกับผู้ใช้
เครื่องมือยอดนิยมในการตรวจสอบคือ Google PageSpeed Insights ซึ่งจะให้คะแนนความเร็วของเว็บพร้อมคำแนะนำการปรับปรุง เช่น
- บีบอัดรูปภาพ
- เปิดใช้งาน Cache
- ลดการใช้ Script ที่ไม่จำเป็น
การทำให้เว็บโหลดเร็วไม่ใช่เรื่องเทคนิคยากอีกต่อไป เพราะคุณสามารถใช้ปลั๊กอินหรือ Extension ฟรีช่วยได้หลายตัว เช่น Lighthouse หรือ NitroPack
อ่านเพิ่มเติม : page speed ความเร็วเว็บ
3. คิดว่าจะทำ Keyword อะไร
คีย์เวิร์ดคือหัวใจของ SEO การเลือกคีย์เวิร์ดที่ดีคือการเข้าใจว่า “ลูกค้าค้นหาคำว่าอะไร” แล้วสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์คำนั้น
ใช้เครื่องมืออย่าง Google Keyword Planner, Ahrefs, หรือ Keywordtool.io เพื่อค้นหาคำที่มีการค้นหาสูงแต่แข่งขันไม่สูงเกินไป
ตัวอย่างเช่น หากคุณขายกาแฟ อาจเลือกคำว่า “กาแฟดริป ราคาถูก” แทนคำว่า “กาแฟ” ที่กว้างเกินไป
อย่าลืมจัดกลุ่มคีย์เวิร์ดหลัก (Main Keyword) และคีย์เวิร์ดย่อย (Long-tail Keyword) เพื่อสร้างบทความที่เจาะจงและมีโอกาสติดอันดับง่ายกว่า
4. ตรวจสอบ Tag Title และ Meta Description
Tag Title และ Meta Description คือข้อความที่แสดงในผลการค้นหาของ Google หากเขียนดีจะช่วยเพิ่ม CTR (Click Through Rate) หรืออัตราการคลิกเข้าเว็บได้ทันที
เทคนิคเขียน Title Tag และ Meta ที่ดีคือ
- Title ไม่เกิน 60 ตัวอักษร และใส่คีย์เวิร์ดไว้ต้นประโยค
- Meta Description ไม่เกิน 155 ตัวอักษร สรุปเนื้อหาสั้น กระชับ และชวนคลิก
- แต่ละหน้าควรมี Title และ Meta เฉพาะของตัวเอง
สามารถใช้ Extension อย่าง Meta in 1 Click เพื่อตรวจสอบได้รวดเร็วโดยไม่ต้องเปิดโค้ด
5. เชื่อมโยงลิงก์ทั้งในและนอกเว็บไซต์
ลิงก์ภายใน (Internal Links) ช่วยให้ผู้ใช้และ Google เข้าใจโครงสร้างเว็บได้ดีขึ้น เช่น ลิงก์จากบทความหนึ่งไปอีกบทความหนึ่ง ส่วนลิงก์ภายนอก (Backlink) คือการเชื่อมโยงจากเว็บไซต์อื่นมายังเว็บของคุณ ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญของความน่าเชื่อถือ
อย่าลืมเชื่อมโยงลิงก์อย่างเป็นธรรมชาติ เช่น แทรกในเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง และไม่ควรสแปมลิงก์หรือซื้อ Backlink ปลอม เพราะอาจโดน Google Penalty
6. ติด Tag GA4 และ GSC
SEO ที่ดีต้องมาพร้อมกับข้อมูลที่วัดผลได้ เครื่องมือสองตัวที่สำคัญที่สุดคือ
- GA4 (Google Analytics 4) ใช้วัดพฤติกรรมผู้เข้าชม เช่น แหล่งที่มาทราฟฟิก หน้าที่คนเข้าเยอะ เวลาที่อยู่ในเว็บ
- Google Search Console (GSC) ใช้วิเคราะห์การค้นหาจริง เช่น คีย์เวิร์ดที่ติดอันดับ หน้าที่มีปัญหา หรือ Index ของเว็บไซต์
คุณสามารถติดตั้งผ่าน Google Tag Manager ได้ง่าย และใช้ Tag Assistant เพื่อตรวจสอบว่าโค้ด GA4 หรือ GSC ทำงานถูกต้องหรือไม่
7. ส่ง Sitemap ให้ Google
หลังจากปรับโครงสร้างเว็บไซต์แล้ว อย่าลืมสร้าง Sitemap เพื่อบอก Google ว่าหน้าไหนคือส่วนสำคัญของเว็บไซต์ และควรเข้ามาเก็บข้อมูลบ่อยแค่ไหน
สามารถสร้าง Sitemap ได้ฟรีผ่านปลั๊กอินอย่าง Yoast SEO (WordPress) หรือเครื่องมือออนไลน์อื่น ๆ จากนั้นนำลิงก์ไปส่งใน Google Search Console เพื่อให้ Google เข้ามาเก็บข้อมูลเร็วขึ้น
8. ทำบทความอย่างสม่ำเสมอ
เนื้อหาคือพลังของ SEO เว็บไซต์ที่มีบทความคุณภาพและอัปเดตบ่อยจะมีโอกาสติดอันดับสูงกว่า เพราะ Google ชอบ “เว็บที่มีชีวิต”
เนื้อหาที่ดีควรมีทั้ง
- Educational Content (ให้ความรู้)
- Problem Solving Content (ตอบคำถามลูกค้า)
- Trend Content (เนื้อหาตามกระแส)
อย่าลืมแทรกคีย์เวิร์ดตามธรรมชาติ และทำ Internal Link ไปบทความอื่นในเว็บเสมอ
อ่านเพิ่มเติม : ความถี่ในการลงบทความ ลงบ่อยแค่ไหนดี ถึงจะติดอันดับ
9. ทำ Off-page SEO เพื่อเพิ่ม Traffic
Off-page SEO คือการโปรโมตเว็บไซต์นอกเหนือจากหน้าเว็บ เช่น
- สร้าง Backlink คุณภาพจากเว็บที่เกี่ยวข้อง
- แชร์บทความผ่าน Social Media
- เขียน Guest Post บนเว็บพันธมิตร
- ลงชื่อใน Directory ที่น่าเชื่อถือ
อย่ามองข้ามการโปรโมตผ่าน Facebook, X, หรือ LinkedIn เพราะการแชร์ลิงก์จากโซเชียลยังคงช่วยให้ Google มองว่าเว็บไซต์คุณ “เป็นที่พูดถึง” มากขึ้น
เปรียบเทียบ ทำ SEO ด้วยตัวเอง VS จ้างมืออาชีพ
การทำ SEO ด้วยตัวเองช่วยให้คุณเข้าใจกลไกทั้งหมดและประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ต้องใช้เวลาเรียนรู้เยอะ และผลลัพธ์อาจช้าหากขาดประสบการณ์ ส่วนการจ้างมืออาชีพอย่าง SEOGURU จะช่วยวางแผน SEO อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่โครงสร้างเว็บ คีย์เวิร์ด ไปจนถึงคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง
ประเด็น | ทำ SEO เอง | จ้างมืออาชีพ |
ค่าใช้จ่าย | ต่ำ (ฟรีหรือใช้เครื่องมือฟรี) | มีค่าใช้จ่ายรายเดือน |
ระยะเวลาเห็นผล | ช้า หรือ อาจไม่เกิดผล | เร็วกว่าด้วยกลยุทธ์เฉพาะ |
ความแม่นยำ | ต้องลองผิดลองถูก | วิเคราะห์จากประสบการณ์จริง |
การติดตามผล | ต้องวัดเองผ่าน GA4/GSC | มีรายงานผลและปรับกลยุทธ์ต่อเนื่อง |
เหมาะกับใคร | ธุรกิจเล็ก / ผู้เริ่มต้น | บริษัทที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน |
ทำ SEO มืออาชีพกับ SEOGURU
SEOGURU คือทีมผู้เชี่ยวชาญที่รวมสายเทคนิคและคอนเทนต์ไว้ในที่เดียว เราช่วยวางกลยุทธ์ SEO แบบครบวงจร ตั้งแต่
- วิเคราะห์โครงสร้างเว็บไซต์
- วางคีย์เวิร์ดเป้าหมาย
- เขียนคอนเทนต์ SEO คุณภาพ
- สร้าง Backlink เชิงกลยุทธ์
- รายงานผลผ่าน Dashboard แบบเรียลไทม์
ไม่ว่าคุณจะมีเว็บไซต์เล็กหรือใหญ่ ทีมงานเราสามารถออกแบบแผนการทำ SEO ให้เหมาะกับงบประมาณ และเป้าหมายทางธุรกิจ เพื่อผลลัพธ์ที่เห็นจริงบนหน้าแรก Google
บทส่งท้าย วิธีทำ SEO ด้วยตัวเอง
การทำ SEO ด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด แต่อาศัยความเข้าใจและความสม่ำเสมอในการลงมือทำ หากคุณเริ่มจากการปรับโครงสร้างเว็บให้ดี ใส่ใจคีย์เวิร์ด เขียนเนื้อหามีคุณภาพ และเชื่อมโยงลิงก์อย่างถูกต้อง คุณก็สามารถดันเว็บไซต์ขึ้นหน้าแรก Google ได้ด้วยตัวเอง
แต่ถ้าต้องการย่นเวลา และได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมากกว่าเดิม ติดต่อให้ SEOGURU ช่วยดูแลเว็บไซต์ของคุณ เราพร้อม “ปั้นเว็บให้ติดหน้าแรก” ด้วยกลยุทธ์ SEO ที่มืออาชีพใช้จริง