เอเจนซี่การตลาด ตัวช่วยในการทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น

เอเจนซี่การตลาด

ทุกวันนี้การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อยๆ เอเจนซี่การตลาด คือตัวช่วยสำคัญในการกระตุ้นยอดขายให้กับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นในทางออฟไลน์ หรือออนไลน์ การได้ เอเจนซี่ เข้ามาช่วยเหลือในด้านนี้ จะทำให้ท่านทำงานง่ายขึ้น เพราะบางท่านที่เปิดธุรกิจ อาจจะไม่ได้ถนัดในด้านของการทำตรงนี้ ถ้าได้มืออาชีพมาช่วย เพิ่มกลยุทธ์ทางการตลาด จะช่วยให้ธุรกิจของท่านก้าวกระโดดอย่างแน่นอน

หรือบางบริษัทใหญ่ๆที่มีฝ่ายการตลาดอยู่แล้ว หรือที่เรียกกันว่า In-house Marketing แต่อาจจะไม่คุ้นเคยกับเทคนิคการตลาดแบบนี้ ธุรกิจหลายแห่งที่จึงพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่าง เอเจนซี่ การตลาด หรือที่เรียกอีกอย่างว่า เอเจนซี่โฆษณา โดยจะเป็นคนที่เข้ามาวางแผน กลยุทธ์ ดำเนินการ และวิเคราะห์ผลลัพธ์ทางด้านการตลาดต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มยอดขาย Brand Awareness และการขยายฐานลูกค้า

Table of Contents

เอเจนซี่การตลาด (Marketing Agency) คืออะไร?

เอเจนซี่การตลาด

คือตัวแทนที่จะเข้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ถ้าให้ SEOGURU อธิบาย จากคำถามที่พอจะตอบแล้วทำให้เข้าใจง่ายๆคือ บริษัทมีฝ่ายการตลาดอยู่แล้ว ทำไมถึงยังต้องจ้าง เอเจนซี่ อีก เป็นเพราะการตลาดส่วนมากจะจัดการในส่วนออฟไลน์ แต่ในด้านออนไลน์ ถ้าไม่ใช่มืออาชีพถือเป็นเรื่องยาก เพราะกลยุทธ์ในการใช้ทำการตลาดมีความแตกต่างกันมากเลยทีเดียว หลายๆบริษัทจึงจำเป็นต้องจ่าย บริษัทนอกเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้แทน

ในส่วนของความแตกต่างนั้นที่ทำให้ธุรกิจจำเป็นต้องลงทุนจ้าง เอเจนซี่ มาทำทางด้านออนไลน์ให้ หรือที่เรียกกันว่า digital agency เพราะความชำนาญที่บุคคลเหล่านั้นต้องมีคือ การทำ SEO ที่จะต่อยอดให้ธุรกิจมีความก้าวหน้าได้ดี และนอกจากนี้ยังมีการทำเว็บไซต์ โฆษณาผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อเป็นการทำให้สินค้าเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่า โดยธุรกิจขนาดเล็กอย่าง (SMEs) ที่อาจจะไม่ได้มีตำแหน่งการตลาดอยู่ในบริษัทด้วย การจ้าง digital agency เป็นเรื่องที่คุ้มค่ามาก

digital agency คือ องค์กรที่จะเข้ามาช่วยเหลือในการทำ Digital Marketing ก็คือการทำโฆษณาในพาร์ทออนไลน์ให้กับธุรกิจของท่าน จะเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับสินค้า มุ่งเป้าไปที่การทำให้ลูกค้าจำสินค้าได้ว่าเป็นของแบรนด์ไหน ถือเป็นรากฐานที่มั่นคงในการทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักและสามารถดึงลูกค้าให้ได้นานที่สุด รวมไปถึงการให้คำแนะนำด้านการตลาดให้กับเจ้าของธุรกิจ เพื่อทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตมากยิ่งขึ้น

Digital Agency มีองค์ประกอบอะไรบ้าง

เอเจนซี่การตลาด

Digital Marketing เป็นการมุ่งเน้นไปที่การตลาดออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว หน้าที่หลักๆของ Digital Agency คือวางกลยุทธ์การตลาดเพื่อให้สินค้าสามารถไปถึงลูกค้าได้แบบง่ายยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากท่านต้องการจะซื้อสินค้าชนิดนึง เมื่อเปิดแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Google และ Tiktok ก็สามารถพบเจอกับสินค้าเหล่านั้นได้ผ่านหน้าจอโทรศัพท์ของท่าน โดยวิธีการดังต่อไปนี้

Search engine optimization หรือที่เรียกสั้นๆว่า SEO คือการทำให้เว็บไซต์ของธุรกิจติดหน้าแรกเวลาค้นหาข้อมูล Google โดยจะใช้คีย์เวิร์ดเป็นหลัก ซึ่งวิธีนี้ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการตลาด เพราะจะทำให้ผู้คนเข้าถึงสินค้าของเราได้มากขึ้น และจะส่งผลต่อยอดขายได้ดีที่สุด

Search Engine Marketing หรือ SEM มีหลักการเหมือนกับ SEO เวลาที่เราค้นหาบน Google ระบบจะแสดงผลออกมาให้  2 แบบ คือแบบ  Organic Search เป็นการได้มาจากการทำ SEO เพียวๆ และแบบ Paid Search คือการซื้อโฆษณาผ่านทางกูเกิ้ล สังเกตง่ายๆจะมีตัวอักษร Ad ที่ด้านหน้าของเว็บไซต์ โดยตำแหน่งของ Paid Search จะอยู่อันดับบนสุด จะมีอันดับดีกว่าแบบ Organic นั่นเอง

Influencer Marketing เป็นการใช้คนดังหรือผู้ที่มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ทำโฆษณาให้กับสินค้า โดยปกติเจ้าของธุรกิจจะดีลผ่านทาง Digital Agency ไม่จำเป็นต้องหาเอง เพราะเอเจนซี่ จะมีรายชื่อคนดังเหล่านั้นอยู่ในมือ และสามารถเลือกคนที่เหมาะกับสินค้าของคุณได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงเรทราคาที่น่าจะถูกกว่าที่เจ้าของธุรกิจไปติดต่อเอง

Streaming Platform คือการส่งสัญญาณภาพวีดีโอลงไปในแพตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ หรือ แอปพลิเคชั่น ที่ผู้ชมสามารถรับชมได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งวิธีนี้ถือเป็นการสร้างโอกาสให้ธุรกิจได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเข้าได้ถึงทุกกลุ่มคนและทั่วถึง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเห็นได้

LINE Marketing เป็นการทำโฆษณาผ่านทางแอปพลิเคชั่น LINE ที่มีผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลก ทำให้ Digital Agency หลายๆเจ้า ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับทางไลน์ ไม่ว่าจะเป็น LINE Ads Platform หรือ LINE OA โดยการใช้ เอเจนซี่การตลาด ทำให้การลงโฆษณาในหลายๆส่วนได้มากกว่าบุคคลทั่วไป

Email Marketing การใช้ E-mail  ในการทำการตลาด โดย เอเจนซี่โฆษณาจะเข้ามาจัดการระบบในการส่ง อีเมล จำนวนมาก ที่ต้องออกไปในเวลาเดียวกันให้มีประสิทธิภาพที่สุด

3 ข้อดีในการใช้ Digital Agency

เอเจนซี่การตลาด

1.เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Digital Marketing โดยตรง

ถ้าหากท่านเป็นผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ แน่นอนว่าอาจจะไม่มีความรู้โดยตรงในด้านการทำการตลาดออนไลน์ ดิจิทัล เอเจนซี่ จึงถือเป็นบุคคลสำคัญที่จะเข้ามาช่วยเหลือท่านในด้านนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเอเจนซี่จะมีบุคลากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทั้งในเรื่องการวางแผนการได้ตลาดได้อย่างแม่นยำ วิเคราะห์ผู้บริโภคแบบเชิงลึก และที่สำคัญที่สุดคือการเปรียบเทียบคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันได้

2.เป็นที่ปรึกษาให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี

ในมุมมองของเจ้าของธุรกิจอาจจะมองไม่เห็นในทุกภาคส่วน การได้ Digital Agency มาช่วยให้คำปรึกษาและแนะนำแนวทางต่างๆในการทำการตลาดจะช่วยให้การปรับปรุงแก้ไขทุกครั้งประสบผลสำเร็จมากขึ้น เพราะ เอเจนซี่ ก็ถือเป็นบุคคลภายนอก อาจจะมองเห็นความแตกต่างมากกว่า การได้รับคำติชมจากพาร์ทเนอร์อื่นๆ จะให้ทำธุรกิจมีคุณภาพมากขึ้น

3.เป็นทำให้รู้ถึงผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ง่ายขึ้น

เมื่อเราเริ่มทำการตลาด ก็ต้องการรู้ว่าผลลัพธ์ของการทำไปแล้วประสบผลสำเร็จมากน้อยเพียงใด เอเจนซี่ จะเป็นผู้ที่มีเครื่องมือวัดผล KPI ในการทำรายงานแจ้งต่อเจ้าของธุรกิจในความคืบหน้า เพื่อให้นำไปต่อยอดและพัฒนาการตลาดในด้านอื่นๆเพิ่มเติมได้ด้วย

เทรนด์การตลาดดิจิทัลปี 2025 เอเจนซี่ต้องปรับตัวยังไง

ในปี 2025 โลกของการตลาดออนไลน์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทรนด์ที่เห็นชัดที่สุดคือ “การใช้ข้อมูล (Data-Driven Marketing)” และ “การตลาดเชิงประสบการณ์ (Experience Marketing)” เจ้าของธุรกิจที่ร่วมงานกับเอเจนซี่การตลาดยุคใหม่จะได้รับกลยุทธ์ที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น การนำ AI และ Machine Learning มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ เพื่อให้การโฆษณาเจาะกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เอเจนซี่การตลาดชั้นนำยังเน้นใช้ระบบ Automation เช่น การส่งอีเมลอัตโนมัติ (Email Automation) และระบบจัดการแคมเปญบนหลายแพลตฟอร์มพร้อมกัน เช่น Google Ads, Meta Ads และ TikTok Ads เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร ลดต้นทุน และวัดผลได้อย่างแม่นยำ ซึ่งแนวทางนี้ทำให้ธุรกิจไม่เพียง “ขายได้” แต่ยัง “สร้างความสัมพันธ์” กับลูกค้าได้ในระยะยาว

การทำงานร่วมกันระหว่าง “เอเจนซี่” และ “ธุรกิจ” ให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด

หลายธุรกิจที่จ้างเอเจนซี่แล้วไม่เห็นผล มักเกิดจากการขาดการสื่อสารหรือเป้าหมายไม่ชัดเจน ในยุค 2025 การทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าของธุรกิจและเอเจนซี่จึงต้องเปลี่ยนไปในลักษณะ “Partnership” มากกว่า “การว่าจ้าง” โดยมีแนวทางสำคัญดังนี้

  1. ตั้งเป้าหมายร่วมกันอย่างชัดเจน – ก่อนเริ่มงาน ต้องกำหนด KPI ที่วัดผลได้ เช่น เพิ่มยอดขาย 30% ภายใน 3 เดือน หรือเพิ่มผู้ติดตามบนโซเชียล 50,000 คน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายทำงานในทิศทางเดียวกัน
  2. สื่อสารอย่างสม่ำเสมอ – เจ้าของธุรกิจควรติดตามรายงานผลทุกสัปดาห์ หรืออย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อเข้าใจกลยุทธ์ที่กำลังดำเนินอยู่ และปรับทิศทางให้ทันกับสถานการณ์ตลาด
  3. เปิดรับไอเดียใหม่จากเอเจนซี่ – เอเจนซี่การตลาดมักมีข้อมูลและเทคนิคที่อัปเดตอยู่เสมอ การเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ทดลองแนวคิดใหม่ๆ เช่น แคมเปญอินฟลูเอนเซอร์เฉพาะกลุ่ม (Micro-Influencer) หรือการตลาดผ่านเสียง (Voice Search Optimization) อาจสร้างโอกาสเติบโตที่คุณไม่คาดคิด

การทำงานแบบนี้จะทำให้ธุรกิจของคุณได้ “คู่คิดทางการตลาด” ที่ช่วยผลักดันแบรนด์ให้ก้าวขึ้นไปอีกระดับ ไม่ใช่แค่ผู้รับจ้างทั่วไป

5 ช่องทางที่เอเจนซี่การตลาดยุคใหม่ต้องมีให้ครบ

เอเจนซี่การตลาดในปี 2025 ไม่ได้เน้นแค่การซื้อโฆษณาอีกต่อไป แต่ต้องทำงานแบบ Omni-Channel คือเชื่อมโยงทุกช่องทางการสื่อสารเข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้ารับรู้แบรนด์ได้ทุกจุดสัมผัส ตัวอย่างช่องทางสำคัญที่เอเจนซี่ต้องมีคือ

  1. SEO & Content Marketing – ยังคงเป็นรากฐานของการตลาดระยะยาว เพราะการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับและเพิ่มการเข้าถึงโดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา
  2. Social Media Marketing – การบริหารเพจ Facebook, TikTok, Instagram และ LinkedIn อย่างเป็นระบบ พร้อมวิเคราะห์อินไซต์ผู้ติดตาม เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่โดนใจแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
  3. Performance Ads – การยิงโฆษณาแบบวัดผลได้ (เช่น Conversion Ads) เพื่อให้มั่นใจว่างบประมาณแต่ละบาทใช้ไปอย่างคุ้มค่า
  4. Influencer & KOL Management – เอเจนซี่ต้องมีฐานข้อมูลอินฟลูเอนเซอร์หลายระดับ ตั้งแต่ Nano จนถึง Macro เพื่อเลือกคนที่เหมาะสมกับแบรนด์และงบประมาณของลูกค้า
  5. Analytics & Report System – การวิเคราะห์ผลแบบละเอียดผ่านเครื่องมืออย่าง Google Analytics 4 (GA4) และ Tag Manager เพื่อรายงานผลลัพธ์อย่างโปร่งใส

3 วิธีเลือก digital agency เจ้าไหนดี ให้เข้ามาทำการตลาด

เอเจนซี่การตลาด

1.ดูผลงานและลูกค้าที่เคยร่วมงานด้วย

ความน่าเชื่อถือของ digital agency มีความสำคัญอย่างมากในการเลือกเข้ามาทำการตลาดให้กับบริษัท อย่างแรกให้ดูที่ผลงานว่า เอเจนซี่ เจ้านั้นเคยทำงานกับองค์กรใดมาบ้าง มีผลงานแบบไหน และผลตอบรับทางการตลาดดีมากน้อยเพียงใด จะเป็นตัวช่วยในการเลือกของท่านได้ดี แต่ในด้านของสไตล์ว่าเหมาะกับธุรกิจของคุณแค่ไหน ถือเป็นเรื่องรองของการพิจารณาหา เอเจนซี่ นอกจากนี้ การดูรีวิวจากลูกค้าเก่าที่เอเจนซี่รวบรวมไว้บนหน้าเว็บไซต์ ก็ช่วยตัดสินได้ดีอีกระดับหนึ่ง

2. เว็บไซต์ของเอเจนซี่การตลาด

เป็นการบ่งชี้ว่าสไตล์งานของเอเจนซี่นั้นๆจะเข้ากันกับธุรกิจของคุณหรือไม่ ยิ่งหน้าเว็บไซต์ที่ดึงดูดใจลูกค้าได้ดี มีความน่าสนใจ มีการอัพเดทสดใหม่อยู่เสมอๆ รวมไปถึงมีช่องทางการติดต่อแบบครบถ้วน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เข้ามาใช้บริการมากที่สุด ถ้าหากติดต่อได้ยาก ควรตัดเจ้านั้นออกไปทันที เพราะอาจจะมีปัญหาตามในภายหลังได้ หากได้ร่วมงานกันแล้ว

3. ประสบการณ์ของบุคลากรในองค์กร

ตามปกติแล้ว เอเจนซี่การตลาด จะลงข้อมูลของบุคลากรในองค์กรไว้อย่างครบถ้วน เพื่อเป็นการแนะนำว่าใครเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านใด รวมไปถึงผลงานใหญ่ๆที่เคยทำมา ซึ่งจะเพิ่มความน่าเชื่อถือและไว้างใจในการจะตัดสินให้เจ้านั้นมาทำการตลาดให้กับธุรกิจของเราได้เป็นอย่างดี

สรุป

เอเจนซี่การตลาดไม่ใช่แค่ผู้ทำโฆษณา แต่คือ “ทีมกลยุทธ์เบื้องหลัง” ที่ช่วยวางแผนและพาธุรกิจเข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างยั่งยืน การเลือกเอเจนซี่ที่เข้าใจแบรนด์ของคุณจริงๆ จะช่วยประหยัดเวลา เพิ่มผลตอบแทน และต่อยอดยอดขายในทุกมิติ

หากคุณกำลังมองหา Digital Marketing Agency ที่เข้าใจ SEO, Performance Ads และ Content Marketing อย่างครบวงจร ทีมงาน SEOGURU พร้อมช่วยผลักดันให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคงและแตกต่างในตลาดที่แข่งขันสูงของปี 2025