วิธีแก้ Duplicate Content ปัญหาคอนเทนต์ซ้ำที่ทำให้เว็บคุณติดอันดับยาก

Duplicate Content

หากคุณกำลังอยากทำ SEO ให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับของ Search Engines สิ่งที่คุณควรจะทราบอีกหนึ่งเรื่องก็คือ เรื่องของ Duplicate Content หรือ คอนเทนต์ที่ซ้ำกัน ซึ่งส่งผลทำให้คะแนนของการทำ SEO ตกลง และเป็นผลเสียต่อการทำเว็บไซต์ ซึ่งหากคุณยังเป็นมือใหม่ในวงการของการทำ SEO หรือไม่ได้มาในสายนี้โดยตรงอาจยังงงๆอยู่ คุณอาจยังไม่เข้าใจหรือรู้จัก DuplicateContent ดีพอ

ซึ่งการที่มีข้อมูลในหน้าเว็บ ทั้ง Post , Page หรือหน้าบทความ ที่ข้อมูลรายละเอียดภายใน เหมือนหรือคล้ายกันมากๆ ไม่ใช่เรื่องดี เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Google มองว่าเว็บเรามีการ Copy ข้อมูลมาวางไว้ในเว็บ และ ทำให้คะแนนของการ ทำ SEO ร่วงเอาง่ายๆ โดยการซ้ำกันของเนื้อหานั้นเกิดขึ้นได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการซ้ำกันของเว็บไซต์เดียวกัน หรือ การซ้ำกันแบบ Copy ของมูลของเว็บไซต์อื่นมาวางเอาไว้ในเว็บของตนเอง

ทำความรู้จัก Duplicate Content

ทำความรู้จัก Duplicate Content

Duplicate Content หมายถึงการที่หน้าเว็บเกินกว่า 2 หน้าที่มี URL แตกต่างกัน มีข้อมูลที่ซ้ำกัน หรือ คล้ายกันมากจนเกินไปโดยนับรวมทั้ง URL ที่อยู่ในโดเมนเดียวกัน และ URL ในโดเมนที่แตกต่างกัน หากนึงภาพไม่ออกให้คุณลองนึกถึงเว็บไซต์ที่ไป Copy เนื้อหาจากเว็บของคนอื่นมาลงในเว็บของตนเอง ซึ่งคัดลอกมาและทำการแก้ไขเพียงเล็กน้อยซึ่งอย่างที่เรารู้กันว่า algorithm ของ Google นั้นมีความฉลาดและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการทำลักษณะนั้นไม่สามารถตบตาการทำงานของบอท Google ได้อย่างแน่นอน

ด้วยประสิทธิภาพของบอท Google ที่มีอัลกอริทึมที่เปลี่ยนแปลง และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ทำให้ Google Bot นั้นสามารถอ่านประโยค และ เข้าใจ จับผิดได้เก่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์จากภาษาใดก็ตาม ไม่ยากเลยที่ Google จะรู้ ถ้า Copy Content มาจากหน้าเว็บอื่น หรือ คัดลอกมาทำการปรับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ส่งผลร้ายต่อการทำ SEO ทำให้มองว่าเว็บของเราไม่ดี และ เป็นการคัดลอกเนื้อหาของหน้าอื่นมาลง แต่หากเป็นเนื้อหาที่ ทำการแปลมาจากหน้าเว็บที่เป็นภาษาอื่นเอามาลงเว็บของตนเอง มักไม่เกิดปัญหานี้ขึ้น เพราะการแปลภาษาส่วนมาก การใช้คำ หรือ ใช้วัยกรต่างๆ มักไม่สามารถแปลให้เหมือนกันได้ มักมีการใส่สำนวนของผู้แปลที่แตกต่างกัน การทำแบบนี้ไม่เรียกว่าการทำ DuplicateContent เพราะยากมากที่การแปลบทความจากภาษาอื่น จะทำได้เหมือนกันตรงจนเป็นการ Copy

4 สาเหตุที่ทำให้เกิด Duplicate Content

การเกิดคอนเทนต์ที่ซ้ำกัน และ ส่งผลเสียต้อการทำ SEO นั้นเกิดขึ้นได้หลายกรณี ทั้งแบบที่ตั่งใจ และ ไม่ได้ตั้งใจ โดยพวกเรานำมาให้ทุกท่านดูที่พบเจอได้บ่อยๆ 5 กรณีดังนี้

4 สาเหตุที่ทำให้เกิด Duplicate Content
  1. คุณเขียนเนื้อหา หรือ บทความ SEO ลงในเว็บไซต์ของคุณที่มีโดเมนเดียวกัน ซึ่งในเว็บนั้นสามารถทำบทความใน Post หรือ Blog  ได้มากกว่า 1 ชุด จุดประสงค์คือเพื่อขยายโครงสร้างของเว็บให้ใหญ่ขึ้น ทำให้มี URL ที่มากกว่า 1 ภายในเว็บเดียว ซึ่งหากคุณเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเดียวกัน โดยมีเนื้อหาที่เหมือนหรือคล้ายกันมากเกินไป นั้นก็ถือว่าเป็นการ Duplicate เช่นเดียวกัน
  2. อีกกรณีหนึ่งก็คือคุณเขียนเนื้อหาลงใน โดเมนเว็บไซต์ของคุณเองตามปกติ และ นำเอาเนื้อหาเดิมจากเว็บตัวเองลงไปโพสยังเว็บของคนอื่น เพื่อส่งต่อกลับมาที่เว็บไซต์ของตนเอง หรือ ที่สายงาน SEO เรียกว่าการทำ Backlink นั้นเอง การทำแบล็คลิงก์ นั้นถือว่าดี แต่ทางที่ดีไม่ควร Copy เนื้อหาบนเว็บของตนเองไปลงยัง โดเมนอื่น
  3. สำหรับ นักทำ SEO มือใหม่ หรือ นักเขียนบทความ มือใหม่ ที่ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับการทำ SEO มากนักอาจคิดว่าการ Copy เนื้อหาของเว็บอื่นมาลงเว็บตนเองนั้นไม่ได้ส่งผลเสียอะไร ทำให้เกิดเป็น คอนเทนต์ที่ซ้ำกันมากขึ้น
  4. อีกหนึ่งแบบที่เกิดขึ้น แต่แบบนี้ไม่ค่อยส่งผลเสียต่อการทำเว็บของเราเท่าไหร่ ก็คือการที่ถูกเว็บอื่นคัดลอกข้อมูลของเราไปเพื่อลงในหน้าโดเมนของตนเอง การทำแบบนี้ไม่ส่งผลเสียเพราะว่า Google จะมองว่าเว็บของเราเป็นต้นฉบับอยู่แล้วนั้นเอง

ผลที่ตามมาหากมี คอนเทนต์ที่ซ้ำกัน ในเว็บของคุณ

คอนเทนต์ซ้ำกัน

การทำเว็บไซต์ที่มีการลงเนื้อหาซ้ำกันบนหน้าเว็บที่มี URL แตกต่างกันถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี แน่นอนว่า บอทของ Google ก็มองแบบนี้เช่นเดียวกัน ทำให้เว็บถูกมองว่าไปลอกข้อมูลของหน้าอื่นมา และ มองว่าเว็บมีคุณภาพต่ำ เราจึงควรหลีกเลี่ยงการนำเนื้อหาของเว็บไซต์อื่นมา ลงในเว็บของเรา หรือ ปรับเพียงเล็กน้อยก็ไม่ได้เช่นกัน ซึ่งผลที่จะตามมาหากเว็บของคุณมีเนื้อหาที่ซ้ำกัน หรือคัดลอกมาจากเว็บอื่นก็คือ

คะแนน SEO ตกลงส่งผลให้อันดับใน Search Engines ของคุณลดลง

ด้วยความฉลาดของ Algorithm Google ไม่ใช้เรื่องยากเลยที่จะตรวจเจอเนื้อหาที่ซ้ำซ้อนกันไม่ว่าจะเป็นจาก โดเมนเดียวกัน หรือ โดเมนอื่น การมีเนื้อหาที่ซ้ำกันเยอะ ยิ่งถูกมองว่าเว็บไม่มีคุณภาพ ทำให้การจัดอันดับถูกลดทอนลงส่งผลตรงกับ Organic Traffic หรือยอดผู้ชมที่เข้ามายังเว็บไซต์ เป็นที่หนักใจมากหากธุรกิจของคุณ ได้รายได้หลักมาจากช่องทางนี้ เพราะเมื่ออันดับลดลง การเข้าถึงก็ยากยิ่งขึ้น

Google ไม่ Index หน้าของคุณ

ปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยกับ เว็บไซต์ที่มีหน้าเยอะ หรือ ทำบทความเยอะๆ เพราะ Search Engines จะเลือกแสดงเนื้อหาที่ดีที่สุดเพียง 1 หรือ 2 หน้าเท่านั้นเนื่องจากไม่อยากเสียพื้นที่หรือทรัพยากรณ์ในจการแสดงผลไปนั้นเอง ผลเสียก็คือที่เราลงแรงทำ บทความทั้ง Post หรือ Blog ไปหลายหน้าหาก เนื้อหาในหน้าเหมือนหรือคล้ายกัน อีกหน้าจะไม่ถูก Index นั้นเอง

ถูกซ่อนจากการค้นหาของ Search Engines

Google จะเลือกซ่อนหน้าที่มีการ Duplicate Content เนื่องจากว่า ข้อมูลที่แสดงนั้นไม่มีความแตกต่างกัน แต่ก็มีด้วยกันหลายกรณีที่ Google เลือกโชว์ หน้าที่มีข้อมูลเหมือนกันเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าการซ่อนเนื้อหาที่เหมือนกันเอาไว้ เพราะว่า ประสบการณ์ของผู้ค้นหา คงไม่ดีแน่หากพบเนื้อหาที่เหมือนกัน ในแต่ละหน้าที่เลือกเข้าไปอ่าน

หากเว็บของคุณลงเนื้อหาก่อน แต่ถูกมองว่าคัดลอกต้องทำอย่างไร ?

รายงานข้อกล่าวหาการละเมิดลิขสิทธิ์

ในกรณีที่เว็บของเราลงเนื้อหานี้ก่อน แต่ถูก Google มองว่าคัดลอกเนื้อหามาคุณสามารถ แจ้งผู้ดูแลของ Google เรื่องโดน DuplicateContent  ได้ผ่านทางเข้านี้

วิธีเช็กและป้องกัน Duplicate Content (อัปเดต 2025)

ก่อนแก้ ต้องรู้ว่าซ้ำ “ที่ไหนและอย่างไร” ให้เริ่มจากเครื่องมือที่มีอยู่แล้ว

  • Google Search Console: ดูรายงาน Indexing → Pages จะพบสถานะอย่าง “Duplicate, Google chose different canonical” หรือ “Alternate page with proper canonical” ช่วยชี้จุดหน้าที่เสี่ยง
  • site: คำสั่งค้นหา เช่น site:yourdomain.com "ประโยคสำคัญ" เพื่อไล่ดูว่ามีหลายหน้าใช้ข้อความเดียวกันหรือไม่
  • เครื่องมือตรวจซ้ำ: ใช้ตัวตรวจความซ้ำของข้อความ (เช่น plagiarism checker) สำหรับบทความยาว ๆ เพื่อคัดกรองก่อนเผยแพร่
  • นโยบายคอนเทนต์: วางกติกาเนื้อหาให้ทีม—ทุกบทความต้องมีมุมมอง/ข้อมูลเฉพาะ (E-E-A-T), อ้างอิงที่มา, และสรุป/อินไซต์ใหม่ ไม่ใช่แค่เรียบเรียง

ทิปส์เชิงป้องกัน:

  • เขียน Brief ที่เจาะจงคีย์เวิร์ด+เจตนาค้นหาให้ต่างกันแต่ละหน้า
  • ใช้ Content Hub รวมแกนความรู้ไว้หน้าเดียวและแตกหัวข้อย่อย ไม่ทำบทความชนกันเอง
  • อัปเดตบทความเก่าให้ “ลึกขึ้น” แทนการโพสต์บทความใหม่หัวข้อซ้ำ

กรณีซ้ำที่มักพลาดใน CMS/E-commerce

หลายเว็บไม่ได้ตั้งใจซ้ำ แต่ซ้ำจากระบบและโครงสร้าง URL:

  1. URL หลายรูปแบบชี้ไปคอนเทนต์เดียว
  • http/https, www/ไม่-www, มี/ไม่มี / ท้าย, ตัวพิมพ์เล็ก-ใหญ่ → ควรบังคับรูปแบบเดียวด้วย 301 Redirect และตั้ง rel=“canonical” ให้ชัด
  1. พารามิเตอร์/ฟิลเตอร์ (faceted navigation)
  • เช่น ?color=red&sort=price สร้างหน้าจำนวนมากที่เนื้อหาเหมือนกัน → ให้ canonical ชี้กลับหน้าหลักของสินค้า/หมวด และ noindex บางพารามิเตอร์ที่ไม่ต้องการจัดอันดับ (ห้ามบล็อกด้วย robots.txt ถ้าต้องการให้ Google เห็น canonical)
  1. หน้า Printer-friendly / AMP เก่า / เวอร์ชัน Mobile แยกโดเมน
  • คอนเทนต์ซ้ำกับหน้าหลัก ควร canonical ไปยังเวอร์ชันที่ต้องการจัดอันดับ และรวมเวอร์ชันที่ไม่ใช้แล้วด้วย 301
  1. แท็ก/หมวดหมู่เกินจำเป็น
  • หน้ารวมบทความ (archive) ที่คัดลอกย่อหน้าจากบทความเต็มจำนวนมาก → จำกัด excerpt, canonical ไปยังบทความเต็ม, หรือใช้ noindex สำหรับหน้า archive บางชนิด
  1. สินค้าคล้ายกันต่างกันเพียงสี/ไซซ์
  • รวมเป็นหน้าหลักเดียว มีตัวเลือก variant แทนการสร้างหลายหน้า หรือใช้ canonical ชี้กลับตัวหลัก

แนวทางแก้ไขแบบเป็นขั้นตอน

  1. เลือกหน้า “ตัวจริง” (Canonical Version)
    กำหนดให้ชัดว่าหน้าไหนคือเวอร์ชันที่ต้องการจัดอันดับ แล้วใส่ rel=“canonical” ในทุกหน้าที่ซ้ำให้ชี้กลับมาหน้านั้น พร้อมปรับ Internal Link ทั้งหมดให้พุ่งเข้าหน้าตัวจริง
  2. รวม/ยุบคอนเทนต์ (Content Consolidation)
    หากมีบทความหัวข้อใกล้กัน 2–3 หน้า ให้รวมเป็นหน้าเดียวที่ “ครบกว่า” แล้วทำ 301 Redirect จากหน้าที่ถูกยุบ เพื่อโอนพลังอันดับและหลีกเลี่ยงการแก่งแย่งคีย์เวิร์ดกันเอง (keyword cannibalization)
  3. ใช้ Noindex อย่างถูกที่
    สำหรับหน้า utility เช่น พารามิเตอร์กรองสินค้า, หน้า Search ภายใน, หน้า pagination ที่ไม่ต้องการจัดอันดับ ใช้ <meta name="robots" content="noindex,follow"> เพื่อยังคงให้บอทตามลิงก์ต่อได้
  4. ทำสคีมา & ข้อมูลกำกับ
    ใช้ Article/Product Schema ช่วยบอกเอนทิตีให้ชัด ลดความสับสนเมื่อมีหน้าที่คล้ายกัน และช่วยได้ในกรณี syndication (เผยแพร่คอนเทนต์ไปเว็บพาร์ทเนอร์) โดยให้พาร์ทเนอร์ใส่ rel=“canonical” กลับมาที่ต้นฉบับของคุณ
  5. เวอร์ชันภาษา/ประเทศ
    ถ้ามีหลายภาษา/ประเทศ ใช้ hreflang คู่กับ canonical อย่างถูกต้อง—canonical ชี้ภายในแต่ละภาษา, ส่วน hreflang ชี้หากันข้ามภาษา ลดความเสี่ยง “ดูเหมือนซ้ำ” ข้ามโดเมน
  6. รีวิวคอนเทนต์ที่สร้างด้วย AI
    หากใช้ AI ช่วยร่าง ให้ใส่ประสบการณ์จริง ข้อมูลเฉพาะธุรกิจ ภาพ/ตารางที่ทำเอง และแหล่งอ้างอิง เพิ่มสัดส่วน “ของแท้” ให้มากที่สุด—ช่วยหลีกเลี่ยงการซ้ำเชิงแนวคิดและยกระดับ E-E-A-T

บทสรุป

แน่นอนว่าหากคุณกำลังอยากทำ SEO ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ ที่อยากทำให้เว็บของตนเอง หรือ ผู้เชี่ยวชาญ หนึ่งสิ่งที่ต้องรู้เลยก็คือเรื่องเกี่ยวกับการ Duplicate Content เพราะมันส่งผลทั้งทางตรง และ ทางอ้อมต่อการจัดอันดับ ของ Google

เป็นอีกเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง หากต้องการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ หากต้องการแก้ปัญหา หรือ ปรับเปลี่ยนเว็บของคุณให้เป็น เว็บที่ดีและมอบประสบการณ์ให้กับผู้ใช้ สามารถติดต่อพวกเรา SEOGURU ได้ตลอดเวลาทาง LINE