การทำ SEO รูปภาพ ที่จะทำให้เห็นผล ไม่ได้มีแค่การปรับแต่งเว็บไซต์ และ คอนเท้นในบทความเท่านั้น การทำให้รูปภาพ ติดอันดับ หรือ การทำ SEO รูปภาพ คืออีกหนึ่งสิ่งที่มีความสำคัญ ที่จะช่วยให้อันดับเว็บดีขึ้นได้
การทำ Seo รูปภาพ คือ การทำให้รูปภาพของเราที่อยู่บนเว็บไซต์ไปอยู่ในหน้า 1 ของ Google หรือใน Google Image Search ซึ่งจะช่วยให้มีคนเข้ามาชมเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้น
โดยมีสถิติจาก mdgadvertising.com พบว่าลูกค้า 60% จะตัดสินใจซื้อสินค้า จากรูปภาพที่น่าเชื่อถือ และสวยงาม สอดคล้องกับการขายสินค้าออนไลน์ ที่หากว่ารูปภาพไหนที่ไปอยู่บนหน้า 1 ของ Google สินค้านั้นจะมีคนเข้ามาชมเยอะมากเป็นพิเศษ
สำหรับบทความนี้ SEOGURU จะมาแชร์ประสบการณ์ ในการทำให้ รูปภาพไปอยู่ในหน้า 1 ของ Google เมื่ออ่านจบแล้วเชื่อว่า จะสามารถนำความรู้ในบทความนี้ไปใช้เป็นประโยชน์ได้อย่างแน่นอน
ขั้นตอนการทำ SEO รูปภาพ
วิธีทำ SEO รูปภาพ มีขั้นตอนดังนี้
- Submit Sitemap
- ปรับแต่งรูปภาพ
- ตรวจสอบรูปภาพใน Google
1. Submit Sitemap
แนวทางการทำ Seo รูปภาพ ขั้นตอนแรก คือ การทำให้ Google ทราบว่าภายในเว็บไซต์ของเรานั้นมีรูปภาพแบบไหนบ้าง เพราะการที่จะแสดง Google Image Search นั้น Google จะต้องทราบก่อนว่า ในเว็บไซต์มีรูปภาพเยอะไหม จำนวนเท่าไหร่ และเป็นรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับอะไร
ซึ่งวิธีการที่จะทำให้ Google รู้ได้ นั่นก็คือ การทำ Submit Sitemap To Google นั่นเอง
Sitemap คือ การเก็บข้อมูลว่า เว็บไซต์ของเรามี URL อะไรบ้าง คล้ายๆกับสารบัญที่จะบอกว่า ในเว็บไซต์นั้นมีเนื้อหาอะไรบ้าง
ในส่วนของการ Submit Sitemap ก็คือการส่งสารบัญที่กล่าวถึง ออกไปให้กับ Google เพื่อที่จะให้ Bot ของ Google เข้ามาตรวจสอบเนื้อหา ว่ามีรูปภาพอะไรบ้าง
โดยชนิดของ Sitemap ของเราจะมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ Default และ Extension
Default Sitemap ก็คือ จะมีแค่เพียงแค่ข้อมูล URL ของเว็บไซต์เท่านั้น
Extension Sitemap ก็จะมีข้อมูลเพิ่มเข้ามา โดยจะมีรายละเอียดให้ด้วยว่า แต่ละ URL มีไฟล์รูปภาพและวิดีโออะไรบ้าง
ซึ่งถ้าหากว่ามีการ Submit Default Sitemap แบบใดแบบหนึ่งเพียงแบบเดียว บอท ของ Google จะต้องมาแยกเองว่า แต่ละ URL นั้นจะมีรูปภาพจำนวนเท่าไหร่ และเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง
ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน บอทของ Google จะสามารถระบุได้เองว่า รูปภาพมีแบบไหนบ้าง แต่บางเว็บไซต์ข้อมูลก็อาจจะคลาดเคลื่อนได้ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีข้อมูลเยอะ มี URL เยอะ มีภาพเยอะ เช่น เว็บไซต์ประเภท อีคอมเมิร์ช ที่จะมีรูปสินค้าเป็นจำนวนมาก ทำให้ Image Portfolio มีขนาดใหญ่
ดังนั้นเมื่อมีข้อมูลรูปภาพเยอะ การเก็บข้อมูลก็จะมีความลำบากมากขึ้น ส่งผลให้ Google Bot เก็บข้อมูลตกหล่นไม่สามารถแสดงผลที่ครบถ้วนลงใน Google Image Search ได้ ดังนั้นการทำ Submit Extensions Image Sitemap จะช่วยให้เก็บข้อมูลได้ง่ายและครบถ้วนมากขึ้น
คำถามคือ
จำเป็นที่จะต้องทำทั้ง 2 แบบ คือทั้ง Default & Extensions ให้ Google เลยใช่หรือไม่ ซึ่งคำตอบก็คือ ไม่จำเป็น สำหรับเว็บไซต์ที่ไม่ใหญ่มาก Submit Default Sitemap เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว
เครื่องมือสร้าง Sitemap
www.xml-sitemaps.com คือเว็บไซต์ ที่ให้บริการสร้าง Sitemap รายแรกๆ และยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีคุณสมบัติที่โดดเด่น ดังนี้
- รองรับ CMS และโปรแกรมสร้างเว็บไซต์เกือบทุกแบบบนโลก
- สร้าง Sitemap ที่มีข้อมูล URL ได้ถึง 1.5 ล้าน URL
- รองรับการสร้าง Images, Videos, News sitemaps and RSS feed
- ใช้งานง่ายและราคาไม่แพง
โดยสามารถศึกษาและดูวิธีการสร้าง Sitemap ได้ที่ www.xml-sitemaps.com
WordPress plugin sitemap
สำหรับใครที่ใช้ wordpress สามารถสร้าง Sitemap อย่างง่ายดาย เพราะมี Plugin ช่วยจัดการให้ โดย Plugin ที่แนะนำ มีดังนี้
- Google XML Sitemaps
- Yoast SEO
- Udinra All Image Sitemap
วิธี Submit Sitemap
ขั้นตอนต่อไปคือ การ Submit Sitemap โดยมีขั้นตอน ดังนี้
- สมัครใช้งาน Google Search Console
- ไปที่เมนู แผนผังเว็บไซต์
- กดปุ่ม เพิ่ม หรือ ทดสอบแผนผังเว็บไซต์
- กรอกตัวอักษร sitemap.xml จากนั้น กดปุ่มส่ง
โดยสามารถดูขั้นตอนอย่างละเอียดตามคลิปวิดีโอด้านล่าง
2. การปรับแต่งรูปภาพ
หลังจากที่ Google ได้ทราบแล้วว่าเว็บไซต์ของเรามีภาพอะไรบ้าง ขั้นตอนการทำ SEO ขั้นต่อไป คือ จากนั้นจะต้องทำให้รูปภาพเหล่านั้น ไปปรากฏที่ Google Image Search ซึ่งขั้นตอนนี้จะมีปัญหาก็คือ รูปที่ปรากฏจะเป็นรูปที่ไม่สวยงาม และไม่ตรงกับเนื้อหา วิธีการแก้ไขก็คือ ต้องปรับแต่งรูปภาพตามวิธีการดังนี้
ปรับ ALT TAG
คือ คำอธิบายรูปภาพที่ Google จะทราบว่ารูปภาพนี้เกี่ยวกับอะไร โดยวิธีการใส่ ALT TAG ให้ได้ผลดี
ควรทำดังนี้
- ใส่เป็น Keyword ตัวอย่างเช่น ต้องการให้รูปภาพนั้นขึ้นในคำค้นหาคำว่า หมูเด้ง ก็ให้ใส่ Alt tag ว่า หมูเด้ง
- หลีกเลี่ยงการทำ Keyword stuffing ไม่ควรใส่ Keyword หลายๆคำลงไปภายในภาพเดียว เช่น หมูเด้ง / ฮิปโปหมูเด้ง / ฮิปโปแคระ เป็นต้น เพราะ Google จะมองไม่ออกว่ารูปภาพนั้นคืออะไร และจะจัดอันดับไว้ในลำดับท้ายๆ
วางตำแหน่งรูปให้ถูก
Google Image best practices แนะนำว่า การที่ Google จะมองว่ารูปนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร คือ การดูว่ารูปนั้นแวดล้อมไปด้วยคำว่าอะไรบ้าง เช่น เนื้อหาที่อยู่ในบทความที่มีรูปภาพประกอบ จะต้องมี Keyword เดียวกับรูป หรือ เกี่ยวข้องกับรูปด้วย ดังตัวอย่างในภาพ รูปภาพของเราก็จะไปปรากฏใน Google Image Search อย่างที่ตั้งใจ
3. ตรวจสอบรูปภาพใน Google
หลังจากที่ทำตาม 2 ขั้นตอนแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือ การตรวจสอบรูปภาพใน Google Image Search โดยมีขั้นตอนการตรวจสอบ ดังนี้
1. ตรวจสอบใน Google Search Console
ขั้นตอนแรก เข้าไปที่ Google Search Console > แผนผังไซต์ จากนั้นให้ดูว่า รูปภาพจำนวนที่ส่งไปทำดัชนีเท่าไหร่ หากมีจำนวนเยอะพอสมควรแสดงว่า Google เก็บข้อมูลรูปภาพได้เยอะ
แต่ถ้าหากเจอว่าตัวเลขนั้น น้อยเกินไป หรือไม่มีเลย แสดงว่า เกิดปัญหาในการจัดเก็บข้อมูลของ Google ก็จะต้องหาแนวทางแก้ปัญหาต่อไป
2. ตรวจสอบใน Google Image Search
หลังจากที่มีการตรวจสอบแล้ว ก็จะต้องมาตรวจสอบใน Google Image Search ต่อ โดยการไปที่ Google > ค้นรูป จากนั้นพิมพ์คำสั่งว่า site:domainname.com เช่นอยากทราบว่าในเว็บของ Seoguru มีรูปภาพอะไรบ้างก็ให้พิมพ์ว่า site:https://seoguru.one/ แล้วก็จะปรากฎตามรูปด้านล่าง
หากปรากฏรูปภาพจำนวนมาก แสดงว่า ทำถูกต้องแล้ว แต่ถ้าหากว่าไม่แสดงรูปภาพอะไรเลย แสดงว่าต้องมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
สรุป วิธีทำ SEO รูปภาพให้ติดอันดับ
1. การทำ Submit Sitemap ส่งไปที่ Google เพื่อให้ทราบว่า เว็บของเรามีรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับอะไร
2. การปรับแต่งรูปภาพ คือ การเพิ่ม Alt tag อย่างถูกต้อง
3. ตรวจสอบรูปภาพใน Google ให้เข้าไปตรวจสอบใน Google Search Console และ Google Image Search ว่าเจอรูปภาพของเว็บไซต์เราหรือไม่
ทั้งหมดนี้คือ วิธีการทำ SEO รูปภาพที่ ทาง Seoguru ใช้ สำหรับใครที่อ่านมาจนจบแล้ว หวังว่าจะนำวิธีดีๆ ที่ทางเราได้นำมาฝาก ไปใช้ให้ได้ผลดี และติดอันดับดีๆกันทุกเว็บ
หากสนใจปรึกษา และ สนใจทำ Seo ให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกได้ง่ายๆ ปรึกษา Seoguru ได้ที่ LINE SEO GURU ฟรี