วิธีสร้าง Backlink คุณภาพสูง (7 กลยุทธ์ยอดนิยม)

วิธีสร้าง-backlink

วันนี้คุณจะได้เรียนรู้วิธีการสร้าง Backlink ในปี 2024

7 กลยุทธ์ ที่นำมาแบ่งปันในวันนี้ มันช่วยให้เว็บไซต์ของฉันมี Backlink รวมกันทั้งหมดถึง 2.4 ล้านลิงก์ มาดูเทคนิคเหล่านี้กันได้เลย

1

1. เป็นแหล่งข้อมูลให้กับสำนักข่าว และ บล็อกเกอร์

2. เผยแพร่เนื้อหาที่ดีกว่าเนื้อหาเดิมที่มีอยู่

3. สร้างลิงก์จากเว็บไซต์ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว

4. ใช้เนื้อหาที่มีคุณภาพในเพื่อสร้างลิงก์

5. ทำเนื้อหาที่ครอบคลุม

6. ใช้กลยุทธ์และเทคนิคในการสร้างแบรนด์

7. หน้าแหล่งข้อมูลที่มีอำนาจ

กลยุทธ์โบนัส #1: เปลี่ยนการกล่าวถึงแบรนด์ให้เป็น Backlink คุณภาพสูง

กลยุทธ์โบนัส #2: ส่งอีเมล “ทดลอง”

Table of Contents

1. เป็นแหล่งข้อมูลให้กับสำนักข่าว และ บล็อกเกอร์

นี่คือ ข้อตกลง

ถ้าคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับหน้าแรกของ Google คุณต้องสร้าง Backlinks จากเว็บไซต์ข่าว หรือ Blogs ที่มีชื่อเสียง

(หมายถึง Link สายขาว หรือ White Hat จากสำนักข่าวหรือ Blogs ที่มีความน่าเชื่อถือ)

จริงๆ แล้ว มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด

สิ่งที่คุณต้องทำคือ การใช้บริการ Help a B2B Writer (ฟรี 100%) และ Featured.com

B2B Writer

Help a B2B Writer และ Featured.com จะคล้ายๆ กับ Tinder

ที่เชื่อมต่อระหว่างคุณและคนที่ต้องการแหล่งข้อมูลอย่าง นักข่าว และ Bloggers

และจะได้  Links White Hat จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือเหล่านั้น

identiflying

และนั่นทำให้ฉันได้รับ E-Mail จากผู้อ่าน Backlinko ตลอดเวลา  ( Backlinko  เป็นเว็บไซต์และแบรนด์ที่มุ่งเน้นไปที่การสอนกลยุทธ์ SEO)

blacklink

ชัดเจนแล้วว่า กลยุทธ์ข้อนี้ไม่ได้ง่ายเสมอไป เพราะต้องใช้ความพยายามมาก

แต่จากประสบการณ์ของฉัน นี่คือหนึ่งวิธี ในการสร้าง Backlink คุณภาพสูงได้ดีที่สุด

เพราะฉะนั้น เรามาดูไปทีละขั้นตอนกันเลย

ขั้นตอนแรก ลงทะเบียน

register

ขั้นตอนต่อไป เลือกว่าจะใช้แบบ ฟรี หรือ แบบมีค่าใช้จ่าย

plan

จากนั้นดูว่า คุณสามารถตอบรับการมีส่วนร่วมในข้อไหนได้บ้าง

keep an eye out for requests

ข้อสุดท้าย ส่ง E-mail แนะนำตัวและข้อเสนอสั้นๆ ไปให้กับสำนักข่าว

ตัวอย่าง เช่น

เมื่อสักครู่ฉันเห็นคำขอมาจาก HARO (ซึ่งตอนนี้ปิดตัวไปแล้ว) ที่มีใครบางคนถามว่า ความแตกต่างระหว่างการออกแบบกราฟิกและการออกแบบเว็บไซต์ คืออะไร ?  

ดังนั้นฉันจึงส่งข้อเสนอนี้ไป

pitch

และฉันก็ได้ลิงก์คุณภาพสูง จากเว็บไซต์มหาวิทยาลัย และได้ค่า DR76 มา

dr76

มันเป็นเรื่องที่น่าพอใจ

2. เผยแพร่เนื้อหาที่ดีกว่าเนื้อหาเดิมที่มีอยู่ (Skyscraper)

ฉันได้เผยแพร่เนื้อหาแบบ Skyscraper มาสร้าง Backlink จากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น เว็บ Entrepreneur.com

seo tool

HubSpot

HubSpot

และฉันยังเคยได้ลิงค์จาก Godaddy ด้วย

godaddy

ใช่แล้ว คุณอาจจะสังเกตว่า ลิงค์ทั้งหมดไปยังเนื้อหาเดียวกันคือ SEO Tools : The Complete List.

backlinko

เนื้อหา รายการเครื่องมือ SEO ของฉัน เป็นเนื้อหาที่ดีกว่าของเดิมที่มีเผยแพร่อยู่ ก็คือ เป็นเนื้อหาแบบ Skyscraper นั่นเอง

และหน้านั้นได้มี Backlinks ทั้งหมด 10,200 ลิงก์

backlinks

แต่สำคัญไปกว่านั้นคือ ลิงก์เหล่านั้นเป็น Backlink มาจากเว็บที่มีคุณภาพสูง ที่มาจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ

คำถามคือ

คุณจะทำแบบนี้ได้อย่างไร ?

นี่คือขั้นตอนอย่างละเอียด

ขั้นตอนแรก ให้ค้นหาเนื้อหาที่เกี่ยวกับเรื่องที่สนใจที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว (ในแง่ของ Backlink Seo )

วิธีที่ง่ายที่สุดคือ

ค้นหาจาก Google

และค้นหาจาก Keyword

seo tool1

และดูผลลัพธ์ในหน้าแรก

seo-tools

อย่างที่ทราบกันว่า Backlink เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการจัดอันดับของ Google

result

ดังนั้น หากเว็บติดหน้าแรก แสดงว่า มีคนสร้างลิงค์ไปที่หน้านั้นจำนวนมาก

นั่นคือ ขั้นตอนที่ 1

ขั้นตอนต่อไป

สร้างเนื้อหาขึ้นมาให้ดีกว่าที่คุณค้นเจอ 5-10 เท่า

ตัวอย่างเช่น ฉันสังเกตว่า เนื้อหาบทความเกี่ยวกับรายการเครื่องมือ SEO (Seo Tool) ที่มีอยู่นั้น ค่อนข้างสั้นและมีข้อมูลน้อย

ดังนั้นจึงสร้างบทความใหม่ขึ้นมาให้ดีกว่าเดิมถึง 10 เท่า

แตกต่างจากเนื้อหาอื่นๆ ที่มี โพสต์ของฉันมีเนื้อหาเกี่ยวกับเครื่องมือ SEO  มากกว่า 170 แบบ

170 tool

การสร้างเนื้อหานี้ขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย

แต่มันก็คุ้มค่ามาก เพราะบทความนี้ถูกแชร์ออกไปทางโซเชียลมีเดียถึง 20,777 ครั้ง

20777 share

และมี Backlink ที่ไม่ซ้ำกันถึง 1,080 โดเมน

และสุดท้าย คุณควรจะจะทำการโปรโมทเนื้อหาแบบ “Skyscraper” ของคุณด้วย

นี่คือกุญแจสำคัญ

ใช่แล้ว เนื้อหาแบบ “Skyscraper” จะทำให้คุณเหนือกว่าคู่แข่ง

แต่เพื่อให้ได้ผลสูงสุด คุณจะต้องทำการโปรโมทมัน

ปัจจุบันนี้ การโปรโมทมีด้วยกันหลายวิธี

ฉันจะแสดงให้เห็นกลยุทธ์แบบรวดเร็วที่ได้ผลดีมากสำหรับเนื้อหาแบบ Skyscraper

โปรโมทให้กับคนที่กำลังพูดถึงโพสต์ของคุณ

ตัวอย่างเช่น ฉันส่ง E-mail ไปยัง ทุกเครื่องมือที่ฉันได้พูดถึงในบทความ Skyscraper ของฉัน  

promote post

เพราะฉันไม่ได้ยัดข้อมูลจนเหมือนเป็นการสแปม คนส่วนใหญ่จึง ยินดีที่จะแชร์บทความนี้ออกไป (บางคนถึงกับแชร์ลิงก์เนื้อหาออกไปให้ด้วย)

not spam

3. สร้างลิงก์จากเว็บไซต์ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว

สามารถทำลิงก์จาก…

เว็บไซต์.edu ซึ่งเป็นโดเมนคุณภาพระดับสูง

3 1 edu site backlink 640x529 1

หน้าที่มีเนื้อหาที่ได้รับความนิยม

3 2 resource page backlink 640x618 1

ลิงก์เชิงบริบทจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการทำ SEO และการตลาดออนไลน์

3 3 editoral site backlink 640x275 1

ลิงก์จากเว็บไซต์ด้านบรรณาธิการ

3 4

ขั้นตอนแรก : การค้นหาเว็บไซต์

  1. เว็บไซต์ที่เปลี่ยนชื่อไปเรียบร้อยแล้ว
  2. เว็บไซต์ย้ายไปที่ URL ใหม่
  3. เว็บไซต์หยุดให้บริการ
  4. หยุดอัปเดตข้อมูล
  5. เว็บไซต์ปิดตัวลง

ตัวอย่าง เว็บไซต์ SEOMoz เปลี่ยนชื่อเป็น Moz และย้ายเว็บไซต์จาก SEOmoz.org ไปยัง Moz.com

moz-changes-names-768x468

ขั้นตอนที่สอง : การค้นหาลิงค์ที่มายังเว็บไซต์

หากเว็บไซต์ที่คุณต้องการค้นหา ได้เปลี่ยนชื่อหรือย้ายเว็บไปเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถนำลิงค์ที่มายังเว็บไซต์มาใช้งาน

เพียงแค่คัดลอก URL ใส่ลงในเครื่องมือเช็คลิงก์ จากนั้นคุณจะได้พบกับลิงก์ที่มายังเว็บไซต์แห่งนั้นในทันที

semrush-seomoz

(ตัวอย่างการค้นหาลิงก์โดยใช้ Semrush)

จากนั้นตรวจสอบเว็บไซต์ทั้งหมดที่ทำลิงก์ไปยัง URL เก่า ไม่ว่าเว็บไซต์เหล่านั้นจะเป็นแบบไหน หากต้องการสร้างแบล็คลิงก์ที่มีคุณภาพให้กับเว็บไซต์ ควรเลือกเว็บไซต์ที่มีค่า Domain Authority (DA) สูงๆมาใช้งาน

ขั้นตอนสุดท้าย : ติดต่อเว็บไซต์เพื่อขอใส่ลิงก์ของคุณ

ติดต่อกับเจ้าของเว็บไซต์เพื่อทำการติดลิงก์เว็บไซต์ของคุณ ควรต้องแนะนำตัว พร้อมใช้ถ้อยคำที่สุภาพ แจ้งสาเหตุที่ต้องการติดลิงก์ รวมถึงสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการขอติดลิงก์เว็บไซต์ของคุณ

เมื่อได้รายละเอียดเกี่ยวกับการติดลิงก์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการติดลิงก์ เมื่อการเจรจาจบลง

brian-outreach-email-blueglass

การติดลิงก์จากเว็บไซต์อื่น ก็เสร็จเรียบร้อย🙂

outreach-email-reply-blueglass

4. ใช้เนื้อหาที่มีคุณภาพในเพื่อสร้างลิงก์

เมื่อไม่นานมานี้ BuzzSumo ได้ทำการศึกษาบล็อกโพสต์และบทความจำนวน 912 ล้านบทความ แล้วพบว่าคอนเทนต์ส่วนใหญ่ไม่ได้รับลิงก์เลย โดยคิดเป็น 94% ของเนื้อหาทั้งหมด

backlinko-content-study

แต่ยังมีข่าวดีเพราะมีการพบว่าการทำคอนเทนต์บางประเภททำลิงก์ได้เป็นอย่างดี เพียงแค่ทำเนื้อหาที่มีหัวข้อเหล่านี้

94-percent-of-content-published-get-zero-links

รวมถึงเมื่อคุณทำลิงก์วนภายในเนื้อหา มันจะส่งผลดีต่อเว็บไซต์ของคุณในอนาคต

why-posts-what-posts-infographics-are-heavility-linked-to

นั่นเพราะจะทำให้กูเกิ้ลเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายยิ่งขึ้น

5. ทำเนื้อหาที่ครอบคลุม

คุณคงรู้แล้วว่า วิธีเดียวที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นไปอยู่ที่อันดับต้นๆ บนการค้นหาของ Google คือการสร้างลิงก์คุณภาพสูง (และมีจำนวนมาก)

แต่จะทำอย่างไรให้เว็บไซต์อื่นลิงก์มาที่คุณจริงๆ ?

ยกตัวอย่างเช่น นี่คือคู่มือขั้นสูงสุดเกี่ยวกับการสร้างลิงก์ที่ถูกเผยแพร่เมื่อหลายปีที่แล้ว

 backlinko-link-building-2021

แม้ว่าคู่มือดังกล่าวจะถูกเผยแพร่มาเป็นเวลานานก็ตาม แต่ยังคงสร้างลิงก์ได้จนถึงวันนี้

link-building-guide-backlink

ทำไมการสร้างเนื้อหาแบบนี้ถึงได้ผลดี ?

อันดับแรก การทำเนื้อหาแบบนี้จะมีเนื้อหาที่ครอบคลุมในหน้าเดียว จากตัวอย่างเนื้อหานี้มีความยาวถึง 4,834 คำ

ตามการศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยการจัดอันดับ SEO บน Google เนื้อหายาวมักจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเนื้อหาสั้นๆ

average-content-word-count-of-the-10-results-is-evenly-distributed

นอกจากนี้การทำเนื้อหารูปแบบนี้ ยังรวมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไว้ในหน้าเดียว

และเนื่องจากเนื้อหาแบบนี้เป็นเหมือนกับแหล่งข้อมูล การส่งลิงก์ไปยังบทความอื่นๆ ทำให้ผู้อ่านได้ข้อมูลหลายต่อ แถมยังส่งผลต่อการดีการทำงานของบอท ที่สามารถเข้าถึงหน้าต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

link-to-guide

นี่คือวิธีการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพอย่างละเอียด

1 ขั้นตอนแรกคือการหาหัวข้อสำหรับสร้างเนื้อหา

สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ

คุณต้องหาหัวข้อที่กำลังได้รับนิยมและยังมีเนื้อหาที่ยังไม่ครอบคลุม

ตัวอย่างเช่น เมื่อสร้างเนื้อหาคู่มือการสร้างลิงก์ และสังเกตว่าหน้าแรกของ Google มีบทความที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการสร้างลิงก์…

link-building-posts

…แต่ในเนื้อหากลับไม่มีคำแนะนำในเชิงลึก

ดูเหมือนว่าคำแนะนำการทำ SEO ในเชิงลึก มีผู้ทำบทความเป็นจำนวนมากแล้ว

seo-guides

ดังนั้น การเลือกทำเนื้อหาเกี่ยวกับการสร้างลิงก์จึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า

2. ร่างโครงสร้าง

เรื่องนี้ง่ายมาก

แค่ระบุหัวข้อย่อยที่ประกอบเป็นหัวข้อใหญ่ของคุณ

ตัวอย่างเช่น คู่มือการสร้างลิงก์

  • การสร้างลิงก์คืออะไร ?
  • การทำ SEO แบบ Black Hat
  • การทำ SEO แบบ White Hat
  • Anchor text การทำข้อความเป็นลิงก์เชื่อมโยง
  • เนื้อหา
  • การเข้าถึงผ่านอีเมล
  • เคล็ดลับในการทำ

หลายหัวข้อย่อยเหล่านี้ จะกลายเป็นเนื้อหาที่มีคุณภาพรวมถึงยังเป็นที่สร้างลิงก์วนที่มีคุณภาพด้วยเช่นกัน

contents

3 สุดท้ายเริ่มการสร้างเนื้อหา

จำไว้ว่าไม่ต้องกลัวว่าหัวข้อของคุณ จะไม่ครอบคลุมสิ่งที่เกี่ยวข้อง เพียงทำในสิ่งที่เข้าใจ เพียงเท่านี้เนื้อหาของคุณก็จะมีประสิทธิภาพที่มากพอ

การสร้างเนื้อหาในแบบของคุณ จะถูกมองว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์

(ตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ เนื้อหายาวมักมีโอกาสอยู่ในลำดับแรกๆของการค้นหาบน Google)

6. ใช้กลยุทธ์และเทคนิคในการสร้างแบรนด์

จำกลยุทธ์ที่ 3 จากคู่มือนี้ได้ไหม?

build-links-from-outdated-resources-step

คุณอาจสังเกตเห็นว่าฉันไม่ได้แค่อธิบายกลยุทธ์เท่านั้น… ฉันยังตั้งชื่อให้มันด้วย

moving-man-method-named-strategy

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันพูดถึง ‘กระบวนการความคิดโดยมนุษย์’ ในบล็อกโพสต์

ที่จริงแล้ว การตั้งชื่อกลยุทธ์ของฉัน ทำให้ผู้คนเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาของฉันที่เกี่ยวกับ กระบวนการความคิดโดยมนุษย์

backlink

(มีคนถึงกับเขียนบทความบล็อกทั้งบทเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยทีเดียว)

blog-post-about-named-strategy

และลิงค์เหล่านั้นเกิดขึ้นเพียงเพราะฉันตั้งชื่อกลยุทธ์ของฉันให้จดจำง่าย

ยกตัวอย่างให้ดูสักอัน

รามิต เซธี ได้ทำการสร้างกลยุทธ์เพื่อจะทำให้ดูเหมือนเป็นมือโปรในที่ประชุมที่ หรือที่เรียกว่า เทคนิคกระเป๋าเอกสาร (The Briefcase Technique)

ramit-sethi-the-briefcase-technique

และเพราะว่า รามิต ตั้งชื่อให้กับกลยุทธ์ของเขา เขาจึงได้รับลิงค์ที่ยอดเยี่ยมมากมาย

editorial-link

ตอนนี้เมื่อคุณเห็นแล้วว่ามันสามารถทำงานได้ดีเพียงใด ก็ถึงเวลาที่จะพูดถึงขั้นตอนเฉพาะแล้ว

ขั้นตอนที่ 1 : พัฒนากลยุทธ์ เคล็ดลับ หรือเทคนิคที่ไม่เหมือนใคร

ฟังดูเหมือนยาก แต่จริงๆ แล้วไม่ยากอย่างที่คิด

สิ่งที่คุณต้องทำคือคิดค้นกลยุทธ์ที่มีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนใคร

(กล่าวคือ กลยุทธ์ทั้งหมดไม่จำเป็นต้องไม่ซ้ำใคร)

เดเรค ฮัลเปิร์น กล่าวเอาไว้ว่า

คุณอาจไม่มีส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์ แต่คุณมีสูตรที่ไม่เหมือนใคร

และสูตรที่ไม่เหมือนใครนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นเอง

ตัวอย่างเช่น กระบวนการความคิดโดยมนุษย์

ผู้คนมักจะใช้การสร้างลิงค์เสียเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญการสร้างลิงค์มาหลายปีแล้ว

ดังนั้นอะไรที่ทำให้กลยุทธ์ของฉันแตกต่าง?

สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของฉันคือ ลิงค์ที่ใช้ไม่จำเป็นต้องเสีย (เช่น ไม่แสดงข้อผิดพลาด 404)

ลิงค์ที่ฉันใช้ใน กระบวนการความคิดโดยมนุษย์ ยังทำงานได้จริง … แต่พวกมันแค่ล้าสมัยเท่านั้น

outdated-link

และนั่นก็เพียงพอที่จะไม่เหมือนใคร

ขั้นตอนที่ 2 : ตั้งชื่อให้กลยุทธ์ของคุณ

ฉันตั้งชื่อกลยุทธ์ของฉันว่า กระบวนการความคิดโดยมนุษย์ เพราะคุณกำลังช่วยเจ้าของเว็บไซต์ ย้าย ลิงค์ของพวกเขา

ไม่ใช่ชื่อที่สร้างสรรค์ที่สุด แต่ก็ทำให้การทำงานสำเร็จ

ดังนั้น ใช่ เพียงแค่ต้องมั่นใจว่าชื่อจะอธิบายสิ่งที่กลยุทธ์ของคุณทำได้นั่นเอง

นอกจากนั้น ให้ลองใช้คำเหล่านี้ในชื่อกลยุทธ์ของคุณ:

  • วิธี
  • เทคนิค
  • แนวทาง
  • ระบบ
  • แบบแผน

คุณเข้าใจความหมายแล้ว 🙂

ขั้นตอนที่ 3 : เผยแพร่กลยุทธ์เป็นส่วนหนึ่งของบทความบล็อก

ขั้นตอนสุดท้ายของคุณคือแสดงให้ผู้คนเห็นว่ากลยุทธ์ใหม่ของคุณใช้งานได้จริง

ทำอย่างไร ?

เผยแพร่กลยุทธ์ของคุณในรูปแบบของบทความบล็อก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นกรณีศึกษา

(ทำให้ผู้คนจะมีอะไรบางอย่างให้ลิงค์ไปเมื่อพวกเขาอ้างอิงเทคนิคของคุณ)

ตัวอย่างเช่น นี่คือบทความที่ฉันใช้เพื่อประกาศ กระบวนการความคิดโดยมนุษย์ ให้โลกรู้

backlinko-post

ในโพสต์นี้ ฉันไม่ได้แค่พูดว่า ‘ดูที่กลยุทธ์ใหม่ของฉัน มันอาจจะใช้งานได้

แต่ฉันได้แสดงให้ผู้คนเห็นหลักฐานว่ากลยุทธ์ กระบวนการความคิดโดยมนุษย์ ใช้งานได้จริง

contextual-backlink

และการรวมกันนี้ (กลยุทธ์ที่มีแบรนด์ + หลักฐาน) เป็นทรัพย์สินที่สามารถนำไปสู่การได้รับลิงค์ย้อนกลับจำนวนมาก

7. หน้าแหล่งข้อมูลที่มีอำนาจ

หน้าแหล่งข้อมูลเป็นความฝันของผู้สร้างลิงค์

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? เพราะคืหน้าที่อยู่เพื่อเชื่อมโยงออกไปยังเว็บไซต์อื่นๆ

นี่คือตัวอย่าง

resource-page-example

และนี่คือตัวอย่างของลิงค์ที่ฉันสร้างจากหน้าแหล่งข้อมูลเมื่อนานมาแล้ว

resource-page-backlink

คุณอาจสงสัยว่า

โอเค นั่นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันจะได้รับลิงค์จากหน้าแหล่งข้อมูลได้อย่างไร

เหมือนกับกลยุทธ์อื่นๆ ในโพสต์นี้ ฉันจะพาคุณไปยังขั้นตอนทีละขั้นตอน

ก่อนอื่น คุณต้องค้นหาหน้าแหล่งข้อมูล

การค้นหาอาจทำได้ยาก เพราะคนไม่กี่คนเรียกหน้าแหล่งข้อมูลของพวกเขาว่า ‘หน้าแหล่งข้อมูล’

แทนที่จะแสดงให้เห็นว่า หน้านั้นคือหน้าแหล่งข้อมูล แต่ผู้คนส่วนใหญ่กับใช้คำอื่นๆเช่น

“แหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์”

“ทรัพยากรที่เป็นประโยชน์”

“การอ่านเพิ่มเติม”

“แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม”

ดังนั้นในการค้นหาหน้าเหล่านี้ คุณแค่ต้องค้นหาคำเหล่านี้… พร้อมกับคำหลัก

ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณเพิ่งเผยแพร่บทความเกี่ยวกับการสร้างลิงค์

จริงๆแล้ว เราได้เผยแพร่คู่มือรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการทำการตรวจสอบลิงค์ย้อนกลับได้อย่างง่ายดาย เพื่อช่วยดึงดูดและสร้างหน้าแหล่งข้อมูลที่มีอำนาจ

คุณจะทำการค้นหาใน Google โดยใช้คำหลักนี้

search-string

และภายใน 5 วินาที ฉันก็พบรายการแหล่งข้อมูลการสร้างลิงก์ขนาดใหญ่ฉบับนี้

link-building-page

ประการที่สอง ตอนนี้ที่คุณพบหน้าแหล่งข้อมูลแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะติดต่อและขอลิงก์ (อย่างสุภาพ)

นี่คือสคริปต์อีเมลที่ฉันแนะนำ

สวัสดี (ชื่อ),

วันนี้ฉันกำลังมองหาบทความเกี่ยว (หัวข้อของคุณ) เมื่อได้พบกับ (ชื่อหน้าแหล่งข้อมูล)

น่าทึ่งมาก

ยังไงก็ตาม ฉันสังเกตว่าคุณมีส่วนหนึ่งในหน้าแหล่งข้อมูลของคุณที่จัดทำขึ้นสำหรับ (หัวข้อของคุณ) ฉันเพิ่งเผยแพร่คู่มือขนาดใหญ่เกี่ยวกับหัวข้อเดียวกันนี้ไป และอาจจะมีประโยชน์มากขึ้น ถ้าหากเพิ่มมันเข้าไปในหน้าเว็บไซต์ของคุณ

ขอบคุณและขอให้คุณมีวันที่ดี!

ด้วยความเคารพ,

(ชื่อของคุณ)

เพื่อให้ชัดเจน

สคริปต์นี้เป็นเพียง จุดเริ่มต้น

ยิ่งคุณปรับแต่งอีเมลการติดต่อของคุณมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งได้รับลิงก์มากขึ้นเท่านั้น

แต่สคริปต์ที่ได้รับการพิสูจน์นี้เป็นโครงร่างที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ว่าคุณสามารถเริ่มต้นได้

กลยุทธ์โบนัส #1: เปลี่ยนการกล่าวถึงแบรนด์ให้เป็น Backlink คุณภาพสูง

บางครั้งจะมีคนพูดถึงคุณใน Blogpost แต่จะไม่มีการอ้างอิงไปถึงลิงค์เว็บไซต์ของคุณ

นี่คือตัวอย่าง

bonus 1

เห็นไหมว่า มีคนกล่าวถึงเว็บของฉัน แต่ไม่ได้อ้างถึงหรือกล่าวถึงลิงค์เว็บ

นั่นหมายความว่ามีการกล่าวถึงแบรนด์ แต่ไม่ได้ให้เครดิตโดยการกล่าวถึงลิงค์เพื่ออ้างอิง

ในกรณีนี้ การขอให้เปลี่ยนจากการกล่าวถึงแบรนด์มาเป็นลิงค์แทนค่อนข้างง่าย

เหตุผลคืออะไร ?

เพราะที่ผู้เขียนได้กล่าวถึงคุณ นั่นแสดงว่า พวกเขาชื่นชอบในตัวคุณ

ดังนั้น เพียงแค่ส่ง E-Mail ไปแจ้ง

สวัสดี (ชื่อ)

ฉันเพิ่งได้อ่านบทความล่าสุดของคุณ (ชื่อบทความ)

มันยอดเยี่ยมมาก

ฉันอยากจะแจ้งให้ทราบว่า ขอบคุณสำหรับการกล่าวถึง (ชื่อแบรนด์) ในเนื้อหาของคุณ ฉันรู้สึกขอบคุณมาก

นอกจากนี้ ถ้าหากคุณมีเวลา ฉันรบกวนอยากให้เพิ่มลิงค์ไปยังเว็บไซต์ของเราด้วย

ผู้อ่านจะได้หาโพสต์ของเราในบล็อกได้ง่ายขึ้น

ขอบคุณอีกครั้งที่ได้กล่าวถึงเราในบทความของคุณ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี

ขอให้คุณโชคดี

(ชื่อเล่นของคุณ)

ขั้นตอนก็มีเพียงเท่านี้

กลยุทธ์โบนัส #2: ส่งอีเมล “ทดลอง”

เมื่อพูดถึงการติดต่อผ่านอีเมล คุณจะมีสองทางเลือก

ตัวเลือกที่ 1 : ขอลิงค์จากผู้คนในการส่งอีเมลแรกของคุณ

ตัวเลือกที่ 2 : ใช้อีเมล “ทดลอง”

จากการดำเนินการแคมเปญการสร้างลิงค์หลายร้อยครั้ง ก็พบว่าทั้งสองวิธีนั้นสามารถใช้งานได้จริง

แต่ฉันก็พบว่าอีเมล “ทดลอง” นั้นสามารถเพิ่มอัตราการแปลงได้มากกว่า 40%

ดังนั้น: อีเมล “ทดลอง” คืออะไร?

อีเมล “ทดลอง” คือข้อความที่คุณส่งไปยังผู้ที่มีโอกาสจะส่ง โดยไม่ขอลิงค์

(คุณกำลัง “ทดสอบ” ว่าพวกเขายอมรับการติดต่อของคุณหรือไม่… ก่อนที่คุณจะเสนอขอลิงค์)

นี่คือตัวอย่างในชีวิตจริง

mike-outreach-email

เห็นไหมว่าไมค์ไม่ได้ขอลิงค์? แต่เขาถามอีกฝ่ายก่อนว่าพวกเขาอยากดูมันหรือไม่

ถ้าพวกเขาพูดว่า “ใช่” คุณค่อยทำการส่งข้อเสนอของคุณไปให้กับพวกเขา

mike-outreach-email-reply

ในกรณีของไมค์ อีเมล “ทดลอง” ได้รับการตอบกลับมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับการขอลิงก์ในอีเมลแรก

outreach-reply-stats

เยี่ยมมาก