เวลาเข้าเว็บแล้วเด้งว่า “เข้าเว็บไม่ได้” นี่อารมณ์ประมาณจะหาข้าวกินแล้วร้านปิดทั้งซอยนั่นแหละ หงุดหงิด และถ้าเว็บนั้นเป็นเว็บของคุณเอง ยิ่งปวดหัวคูณสิบ เพราะมันไม่ใช่แค่ใช้ไม่ได้ แต่คือ “ลูกค้าเข้าไม่ถึงธุรกิจคุณ” ด้วย
เดี๋ยวพวกเรา SEOGURU พามาดูกันแบบเข้าใจง่ายๆ ว่าอาการ เข้าเว็บไซต์ไม่ได้ เกิดจากอะไรบ้าง ทำไมบางทีก็ขึ้นว่า “เข้าเว็บไซต์ไม่ได้ ไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์นี้” บางครั้งขึ้นว่า “เข้าเว็บไซต์ไม่ได้ ไม่ปลอดภัย” และเราจะแก้ยังไงได้บ้าง ทั้งในมุมคนใช้งานทั่วไป และมุมเจ้าของเว็บ
อาการเข้าเว็บไม่ได้มีหลายแบบมาก ตัวอย่างเช่น
- เบราว์เซอร์ขึ้นว่า “ไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์นี้”
- ขึ้นหน้าเตือนสีแดงบอกว่า “การเชื่อมต่อของคุณไม่ปลอดภัย” หรือ “เข้าเว็บไม่ได้ ไม่ปลอดภัย”
- โหลดนานมากแล้วเด้ง error
- เข้าได้จากมือถือแต่เข้าไม่ได้จากคอม (หรือสลับกัน)
แต่ละแบบมีสาเหตุคนละเรื่อง และวิธีแก้ก็ต่างกันไป ไม่ใช่ทุกอย่างจะจบด้วยคำว่า “เน็ตล่ม” เสมอไป
ทำความเข้าใจก่อนว่าเวลาเข้าเว็บ ระบบมันทำอะไรบ้าง
ตอนคุณพิมพ์ชื่อเว็บ เช่น seoguru.one ลงใน Web Browser ระบบจะทำงานประมาณนี้
- Browser ไปถาม DNS ว่าโดเมนนี้ชี้ไป IP ไหน (เหมือนถามทาง)
- เมื่อรู้ IP แล้ว จะเข้าไปคุยกับเซิร์ฟเวอร์ของเว็บนั้น
- ถ้าใช้ HTTPS ก็ต้องเช็กใบรับรองความปลอดภัย (SSL) ว่าโอเคไหม
- ถึงจะโหลดหน้าเว็บกลับมาหาคุณ
เพราะฉะนั้น ถ้า “เข้าเว็บไม่ได้” มันอาจพังตั้งแต่ขั้น DNS, เน็ต, SSL, เซิร์ฟเวอร์ หรือฝั่งเครื่องคุณเองก็ได้
เข้าเว็บไม่ได้ ไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์นี้ มักมาจากอะไร

ข้อความแนว “เข้าเว็บไซต์ไม่ได้ ไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์นี้” มักจะเกี่ยวกับ
- DNS หาโดเมนไม่เจอ
- โดเมนหมดอายุ
- เซิร์ฟเวอร์ล่ม
- Router / เน็ต / Firewall บางอย่างบล็อก
วิธีเช็กแบบง่ายๆ ที่ใช้ได้จริง
- ลองเข้าเว็บอื่น เช่น Google, YouTube
ถ้าเข้าเว็บอื่นไม่ได้เลย ก็เป็นที่เน็ตคุณ แต่ถ้าเข้าเว็บอื่นได้ปกติ แสดงว่าเน็ตไม่น่าผิด - ลองเข้าเว็บเดียวกันจากเน็ตคนละเจ้า หรือใช้ 4G/5G ในมือถือ
ถ้าจากเน็ตบ้านเข้าไม่ได้ แต่มือถือเข้าได้ แสดงว่าอาจเป็นที่ DNS ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (หรือโดนบล็อกระดับเครือข่าย) - เปลี่ยน DNS ดูก่อน
วิธีแก้ยอดฮิตเวลาขึ้น “ไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์นี้” คือเปลี่ยน DNS จากของผู้ให้บริการไปใช้ DNS สาธารณะ เช่นของ Google หรือเจ้าอื่นๆ
หลักการคือ DNS ใหม่จะช่วย “แปลชื่อเว็บเป็น IP” ได้ดีขึ้น ไม่ค้างหรือพังตามของผู้ให้บริการเดิม - ลองเข้าด้วย IP โดยตรง
ถ้าคุณรู้ IP ของเซิร์ฟเวอร์เว็บนั้น ลองพิมพ์ IP ตรงๆ ใน Browser ถ้าเข้าได้ด้วย IP แต่ออกจากชื่อโดเมนไม่ได้ แสดงว่า DNS หรือโดเมนมีปัญหา ไม่ใช่เซิร์ฟเวอร์ล่ม
เข้าเว็บไซต์ไม่ได้ ไม่ปลอดภัย เกี่ยวอะไรกับ SSL และ HTTPS

อาการ “เข้าเว็บไซต์ไม่ได้ ไม่ปลอดภัย” มักเป็นเรื่อง SSL/HTTPS ตรงๆ เช่น
- ใบรับรอง SSL หมดอายุ
- ใช้ใบรับรองที่เบราว์เซอร์ไม่เชื่อถือ
- โดเมนในใบรับรองไม่ตรงกับโดเมนที่เข้า
ฝั่งผู้ใช้
- ถ้าเป็นเว็บที่คุณไม่รู้จักมาก่อน และเบราว์เซอร์เตือนว่า “ไม่ปลอดภัย” แนะนำให้เลี่ยงก่อน เว้นแต่ว่าคุณจำเป็นและรู้ว่าเว็บนั้นเชื่อถือได้
- อัปเดต Browser ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด เพราะบางที Browser เก่าจะงอแงกับมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ๆ
ฝั่งเจ้าของเว็บ
- เช็กเลยว่า SSL หมดอายุหรือยัง
- ถ้าใช้บริการออก SSL ฟรี (เช่น Let’s Encrypt) ต้องตรวจระบบต่ออายุอัตโนมัติว่าทำงานปกติ
- ถ้าเพิ่งย้ายโฮสต์หรือเปลี่ยนโดเมน ต้องเช็กว่า SSL ออกให้โดเมนที่ถูกต้อง
ใช้ VPN ช่วยอะไรเวลาเข้าเว็บไซต์ไม่ได้บ้าง

บางเคสที่คุณ “เข้าเว็บไซต์ไม่ได้” จริงๆ แล้วเว็บไม่ได้ล่ม แต่อาจ
- ถูกบล็อกตามภูมิภาคหรือเครือข่าย
- ถูกบล็อกโดยหน่วยงาน/องค์กร
- หรือเส้นทางจากเน็ตคุณไปหาเซิร์ฟเวอร์นั้นมีปัญหา
กรณีนี้ VPN ช่วยได้ เพราะมันทำให้คุณเหมือนไปใช้อินเทอร์เน็ตจากจุดอื่น เช่น อีกประเทศ หรืออีกโหนดเครือข่ายหนึ่ง
ตัวอย่างเคสที่ใช้ VPN แล้วช่วยได้
- บางเว็บข่าว / เว็บคอนเทนต์ถูกบล็อกในบางประเทศ
- สาย Dev/SEO ต้องเช็กว่าเว็บแสดงผลจากต่างประเทศยังโอเคไหม
- เส้นทางจาก ISP เดิมมีปัญหา ทำให้เข้าเว็บบางเว็บไม่ได้ ทั้งที่เว็บยังออนไลน์อยู่
แต่ก็มีข้อควรระวัง
- VPN ฟรีบางเจ้าอาจมีโฆษณา แทร็กข้อมูล หรือช้า
- ใช้ VPN แล้วบางเว็บอาจมองว่าการเข้าใช้งานดู “แปลก” เช่น ระบบธนาคาร หรือบริการที่ล็อกพื้นที่
สรุปคือ VPN เป็นตัวช่วยหนึ่งเวลาคุณเข้าเว็บไซต์ไม่ได้ แต่ไม่ใช่ยาวิเศษสำหรับทุกปัญหา
วิธีอื่นๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาเข้าเว็บไซต์ไม่ได้
นอกจาก DNS, IP และ VPN ยังมีอีกหลายอย่างที่ลองเช็กได้เอง
- ล้าง cache / cookie ของ Browser
บางที Browser จำข้อมูลเก่าหรือ session พังๆ เอาไว้ ทำให้เข้าเว็บเดิมไม่ได้ ทั้งที่เว็บปกติ ลองเข้าโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito) หรือใช้ Browser คนละตัวทดสอบดู - ปิดส่วนขยาย (Extension) แปลกๆ
บาง Extension เช่นตัวบล็อกโฆษณา หรือ Proxy ป่วนๆ อาจทำให้เว็บบางเว็บโหลดไม่ขึ้น ลองปิดทั้งหมดแล้วเปิดทีละตัวดูว่าตัวไหนเป็นตัวปัญหา - เช็ก Firewall / Antivirus
โปรแกรมป้องกันบางตัวบล็อกเว็บแบบ “overprotective” ไปหน่อย พอเห็นสคริปต์หรือพฤติกรรมบางอย่างในเว็บ ก็เลยกันไม่ให้เข้าเลย ถ้าคุณมั่นใจว่าเว็บนั้นปลอดภัย ลองปรับการตั้งค่า หรือปิดทดสอบชั่วคราว (แต่ห้ามปิดยาวแล้วลืมเปิดนะ) - ถ้าเป็นเจ้าของเว็บ – เช็กฝั่งโฮสต์และโดเมนให้ครบ
ในมุมคนทำเว็บ/ทำ SEO อย่าง SEOGURU มักจะเช็กเพิ่มว่า - เซิร์ฟเวอร์ล่มหรือเปล่า (ลอง ping / ใช้เครื่องมือ monitor)
- โดเมนหมดอายุหรือยัง
- มีการเปลี่ยน DNS เมื่อไม่นานมานี้ไหม (เพราะ DNS propagation อาจยังไม่เสร็จ ทำให้เข้าเว็บไม่ได้จากบางเครือข่าย)
- เผลอตั้งค่า redirect วนลูปหรือไม่ (เข้าแล้วเด้งไปมาไม่จบ)
ถ้าเว็บล่มบ่อย ไม่ใช่แค่ผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ไม่ได้ แต่ Google Bot ก็เข้าเว็บไม่ได้เหมือนกัน ซึ่งสุดท้ายมีผลกับ SEO และอันดับโดยตรง
สรุป เข้าเว็บไม่ได้ อย่าเพิ่งโทษเน็ตอย่างเดียว
อาการ “เข้าเว็บไม่ได้” มีตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่าง Browser งอแง DNS งอแง ไปจนถึงเรื่องใหญ่ระดับเซิร์ฟเวอร์ล่ม โดเมนหมดอายุ หรือ SSL พัง เวลาเจอปัญหา ลองไล่เช็กทีละชั้น
- เช็กก่อนว่าเน็ตตัวเองปกติไหม
- ลองเปลี่ยนเครื่อง / เปลี่ยนเน็ต / เปลี่ยน DNS / ล้าง cache
- ลองใช้ VPN เพื่อดูว่าปัญหาเกิดจากเครือข่ายเราหรือเว็บถูกจำกัดพื้นที่
- ถ้าเป็นเจ้าของเว็บ อย่าลืมเช็กโฮสต์ โดเมน และ SSL ให้ครบ
ส่วนถ้าคุณเป็นเจ้าของเว็บที่ทำธุรกิจจริงจังและเริ่มรู้สึกว่า “ฉันไม่ได้อยากเป็นช่างเน็ต แค่อยากให้เว็บมันทำงานปกติและติดอันดับ” ตรงนี้แหละคือจุดที่ SEOGURU เข้ามาช่วยเก็บหลังบ้านให้

เราช่วยดูทั้งโครงสร้างเว็บ ความเสถียร โอกาสที่เว็บล่มมีผลกับ SEO แค่ไหน วางระบบให้เว็บพร้อมให้ทั้งคนเข้าและบอทของ Google เข้าได้แบบไม่งอแง แล้วค่อยต่อยอดไปสู่การทำ SEO ให้ติดหน้าแรกต่อไป


