แนวทางการทำ SEO 2024 กับการเปลี่ยนแปลงใน ปัจจุบันนี้ ที่การทำ SEO ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น เพราะมีการแข่งขันที่สูงขึ้น มีเว็บไซต์เกิดขึ้นใหม่ตลอด แต่ Google ยังคงมีการแสดงผลเป็นแบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือ การแสดงผลหน้าแรกแค่ 10 อันดับเหมือนเดิมนั่นเอง การทำ SEO เพื่อให้อันดับดีขึ้น จึงเป็นเรื่องไม่แน่นอน อันดับจะมีการเปลี่ยนแปลขึ้นลงตลอดเวลา ไม่ว่าจะพยายามทำเนื้อหาให้ดีขนาดไหน โอกาสที่จะอันดับร่วงก็ยังมีโอกาสสูง
การอัพเดทล่าสุดของ Google Core update มีอะไรบ้าง
Google จะมีการอัพเดท อัลกอลิทึ่ม ที่ใช้สำหรับจัดอันดับของเว็บไซต์อยู่ตลอด ดังนั้น เป้าหมายหลักในการทำอันดับที่ดี คือ การทำเนื้อหาให้ดี และเป็นประดยชน์สำหรับผู้อ่าน ซึ่งการวัดผลก็ไม่ได้ตายตัว แต่จะยึด 5 เรื่องหลักๆ ที่มีการอัพเดทเกิดขึ้น ดังนี้
1. Helpful content update (HCU)
เป็นการเปลี่ยนแปลงการค้นหาของ Google ที่เน้นไปในเรื่องของการจัดอันดับเว็บไซต์ ที่มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านมากที่สุด ซึ่ง HCU จะมีองค์ประกอบที่สำคัญ ดังนี้
ประโยชน์ : เนื้อหาที่มีจะต้องมีประโยชน์และเอาไปใช้งานได้จริง การทำหัวข้อที่ดี จะช่วยให้เข้าใจหัวข้อที่ต้องการได้มากขึ้น
ความน่าเชื่อถือ : เนื้อหาในบทความจะต้องเป็นเนื้อหาที่มีความน่าเชื่อถือ โดยจะต้องมีข้อมูลที่มีแหล่งอ้างอิงที่ถูกต้อง
ความจริง : เนื้อหาที่เขียนขึ้นมาจะต้องเป็นเนื้อหาจริง ไม่ได้เขียนมโมขึ้นมา
2. Spam update
Spam update ที่มีการอัพเดทล่าสุด คือ การจับลิงค์สแปม “buying links” ที่ใช้เพื่อ “สร้าง backlink” ปลอมๆ ไปยังเว็บไซต์ ซึ่งการอัพเดทนี้ ไม่ได้ส่งผลเฉพาะภาษาไทยเท่านั้น แต่มีผลกระทบทั่วโลก
3. Scaled content abuse
การอัพเดทครั้งล่าสุด มุ่งเน้นและให้ความสำคัญในการสร้างเนื้อหาอัตโนมัติ (AI-generated content) ที่เป็นเนื้อหาที่เรียกได้ว่าคุณภาพต่ำ ซึ่งจะมีลักษณะดังนี้
สร้างเนื้อหาจำนวนมากโดยอัตโนมัติ : ซึ่งเป็นการสร้างเนื้อหาขึ้นมาด้วย AI โดยไม่มีการตรวจสอบจากคน ทำให้เนื้อหามีคุณภาพต่ำ
สร้างเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาซ้ำๆ : เมื่อสร้างเนื้อหาอัตโนมัติขึ้นมาเยอะ เนื้อหาก็จะมีความคล้ายกัน ซึ่งเว็บเหล่านี้จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ “Link farming” ไปยังเว็บไซต์อื่น
4. Site reputation abuse
Site reputation abuse หมายความว่า “การละเมิดชื่อเสียงของเว็บไซต์” คือ การที่มีบุคคลที่นำเนื้อหาที่มีคุณภาพต่ำ ของเว็บไซต์อื่นมาลงในเนื้อหาของเว็บที่มีความน่าเชื่อถทอ ซึ่งอาศัยพลังของเว็บในการทำอันดับให้ดีขึ้น ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นสแปมอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะถูกลงโทษ โดยการส่งผลให้อันดับเว็บตก
5. Expired domain abuse
Expired domain abuse หรือ เรียกว่า การละเมิด โดนเมนที่หมดอายุ ซึ่งการอัพเดทล่าสุดของ Google นั้น คือ การใช้โดเมนที่หมดอายุมาทำ SEO ในทางที่ผิด เช่น
การซื้อโดเมนที่หมดอายุมาใช้ใหม่ : โดยเมนที่หมดอายุอาจจะมี Backlink ที่มีคุณภาพสูงอยู่แล้ว การนำโดเมนเหล่านี้มาสร้างเนื้อหาเว็บขึ้นมาใหม่ ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาเดิมที่มีอยู่ เพื่อใช้ประโยชน์จาก Backlink เดิมนั่นเอง
การเปลี่ยนเส้นทางโดเมนที่หมดอายุ : คือ การเอาโดเมนที่หมดอายุแล้ว มาทำ redirect 301 เพื่อเปลี่ยนเส้นทางของเว็บ เพื่อเพิ่มพลังในขั้นตอนการทำ SEO
ตัวอย่างของเว็บที่มีอันดับขึ้น-ลง
การอัพเดทของ Google มีเป้าหมายที่ดี แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ได้ดีเสมอไป ซึ่งกลายเป็นว่าตอนนี้เหมือน Google จะให้ค่ากับความน่าเชื่อถือของโดเมนมากกว่า คุณภาพของเนื้อหาในบทความ ซึ่งเว็บที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เช่น เว็บข่าว เว็บสื่อ ต่าง อันดับจะขึ้นไวมาก ส่วนเว็บเล็กๆ ที่แม้ว่าจะมีความเชี่ยวชาญและประโยชน์มากกว่า กับอันดับร่วงลง
ตัวอย่างเว็บที่อันดับขึ้น
ตัวอย่างเว็บที่อันดับร่วง
ตอนนี้ Google ชอบเว็บแบบไหนมากที่สุด
จากข้อมูลที่ Seo Guru ได้รวบรวมมา Google กำลังพยายามอัพเดทผลลัพธ์ของเว็บที่ติดอันดับจริงๆ ซึ่งมองว่ายังมีความย้อนแย้งอยู่ เพราะแทนที่จะให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่มีคุณภาพเป็นหลัก กลับให้ความสำคัญกับ โดเมนแทน หมายความว่า หากมีโดเมนที่มีความน่าเชื่อถือ และเป็นชื่อที่มีชื่อเสียงเนื้อหาในนั้น อาจจะไม่ต้องทำให้ดีมาก ก็สามารถทำให้อันดับขึ้นได้
สรุปแล้ว เว็บไซต์ที่มีองค์ประกอบหลายอย่าง มักจะมีอันดับที่ดีขึ้น และมี ทราฟฟิค เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสรุปได้ ดังนี้
- เว็บที่มีอายุเยอะ
- นามสกุลโดยเมน ที่มีชื่อประเทศด้วย เช่น .co.th
- เว็บที่มีชื่อเสียง คนรู้จักเยอะ
- เว็บที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
- เว็บที่มีการอัพเดทอยู่ตลอดเวลา
- เว็บที่มี Traffic เยอะ
- เว็บที่มี Blacklink มาจากเว็บใหญ่ๆ
สรุปแนวทาง การทำ SEO ในปี 2024
เมื่อทราบแล้วว่า Google Core update มีการอัพเดทอะไรบ้าง แล้วพบว่าสิ่งที่ Google ต้องการนั้นมีความย้อนแย้งและมีความสวนทางกัน อาจจะทำให้บางคนมองไม่ออกว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป จะวางแผนการทำ SEO แบบไหนดี สามารถทำตามคำแนะนำ ของ Seo guru ได้ดังนี้
1. มีวัตถุประสงค์ของเว็บอย่างชัดเจน
การวางแผนทำเว็บไซต์ จะต้องตั้งเป้าหมายก่อนว่า โมเดลลูกค้า หรือ การขายสินค้าหรือบริการ จะขายให้ใคร การหาเงินของเว็บมุ่งเน้นไปที่เรื่องอะไรเช่น การรีวิวสินค้า จาก sponsored หรือ การรีวิวสินค้าแบบ Affiliate
ตัวอย่างเช่น การทำเว็บขายสินค้า หรือ การบริการ ให้เลือกทำบทความที่มี Keyword เกี่ยวกับสินค้าของเราให้เสร็จก่อน แล้วค่อยไปทำเนื้อหาหรือบทความเกี่ยวกับการให้ความรู้ต่างๆ
หากสินค้ามีหลายประเภท ก็ควรแยกเว็บ หรือ ถ้าต้องการทำเว็บเกี่ยวกับ สื่อ ข่าว หรือ วาไรตี้ต่างๆ ก็จะต้องสร้างแบรนด์ให้ดัง และมีความน่าเชื่อถือก่อน เพราะฉะนั้นชื่อโดเมนจึงมีความสำคัญมาก ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้เป็นเรื่องทั่วไป ชื่อโดเมนจะสำคัญมากกว่า
หรือ หากเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการรีวิวสินค้า ก็จะต้องรีวิวสินค้าไปในทิศทางเดี่ยวกัน ไม่ใช่รีวิวทุกอย่าง ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย
2. เลือก Niche เฉพาะทางเพื่อคุมโทนเนื้อหา
หลังจากที่มีการอัพเดท เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Google core update ได้มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทำให้เว็บเล็กๆ อันดับพุ่งขึ้นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเว็บที่มีความรู้เฉพาะทางในด้านใดด้านหนึ่ง หากคุณเป็นเว็บเล็ก แต่มีคู่แข่งเป็นเว็บใหญ่ๆ ไม่ควรสร้างเป็นหมวดหมู่ แต่ควรสร้างเป็นเว็บใหม่ขึ้นมา ที่มีสินค้าหรือบริการนั้นๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นั่นแสดงว่า จะต้องมีการวางแผนทำเว็บไซต์มากกว่า 1 เว็บ โดยอาจจะมีเว็บหลัก เป็นเว็บแบรนด์ ซึ่งสามารถมีข้อมูลของทุกอย่างในนั้นได้ และจะต้องสร้างเว็บขึ้นมาอีกเพื่อแยกตามสินค้าหรือบริการที่มี แต่ไม่จำเป็นต้องใส่บทความเยอะ มีเพียง 30-50 บทความก็เพียงพอแล้ว
ตัวอย่างเว็บที่มีเนื้อหาเฉพาะทาง
- dogster.com
- cakesbymk.com
- torpvc.com
3. วางแผน Keyword ที่ต้องการทำ
การวางแผนหรือคัดเลือก Keyword หรือ Keyword Mapping ที่จะต้องทำนั้น จะต้องมีการวางแผนให้ดี เพราะ Google ใช้ประเมิณภาพรวมทั้งหมดของเว็บไซต์ แม้ว่าเนื้อหาหน้าหลักจะดี แต่ถ้าเนื้อหาหน้าอื่นไม่ดีมากกว่า คะแนนคุณภาพเว็บก็จะลดลงส่งผลเสียต่ออันดับ รวมถึงการทำเนื้อหาที่มีความคล้ายกันมาก Google จะสับสน และจัดอันดับให้ผิดหน้าได้
เทคนิคสำคัญคือ ให้เลือกทำ Keyword ที่ทำเงินให้ก่อน และค่อยทำบทความอื่น ซึ่งก็คือ จะต้องทำ Keyword แบรนด์สินค้าหรือบริการขึ้นมาก่อนนั่นเอง
หลายคนทำผิดพลาด โดยการเลือกไปททำบทความที่เกี่ยวกับการให้ความรู้ก่อน พอถึงเวลาที่จะต้องทำหน้าสินค้า ข้อมูลจึงมีความคล้ายกันหรือบางทีซ้ำกัน ทำให้ไม่ติดอันดับสักที
4. ทำเนื้อหาให้มีความเหมาะสมกับสิ่งที่คนอยากรู้จริงๆ
ตอนนี้ไม่มีกฎตายตัวว่า เนื้อหาของคุณจะต้องมีความยาวเท่าไหร่ ซึ่งจะไม่มีผลต่อการจัดอันดับ สิ่งที่ควรวิเคราะห์และให้ความสำคัญคือ Search intent ว่าคนๆนั้นค้นหาอะไร ต้องการอะไร อยากหาคำตอบในเรื่องไหน ซึ่งแต่ละ Keyword ก็จะมีการนำเสนอข้อมูลที่แตกต่างกัน เช่น บาง Keyword คนที่ค้นหาอาจจะอยากได้ข้อมูล แต่ไม่ได้สนใจว่าเนื้อหานั้นจะมีรูปประกอบที่สวยงามหรือไม่
สำหรับเนื้อหาที่มีความยาวมากเกินไป เช่น 3000 คำ ก็ไม่ได้แย่อะไร แต่ก็ต้องเป็นสิ่งที่ควรระมัดระวัง เพราะหากทำเนื้อหายาวเกินไปแล้วไม่มีคนเลื่อนอ่าน Google จะมองว่า เป็นเนื้อหาสแปม
5. เรื่องการใส่ลิงก์
ไม่ว่าจะเป็น ลิงก์ภายใน หรือ ภายนอก จะต้องมีความระมัดระวังว่า ดูไม่ตั้งใจมากเกินไป เพราะลิงก์ที่เยอะเกินความพอดี จะทำให้ Google มองเป็นสแปม ซึ่งหน้าที่หลักของลิงก์เหล่านี้ ก็คือ การเชื่อมโยงไปยังหน้าที่เกี่ยวข้องเพื่อให้คนอ่านไปยังเรื่องที่น่าสนใจ และอ่านในข้อมูลที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์มากที่สุด
ซึ่งการใส่ลิงก์ไม่เกี่ยวกับการจัดอันดับ การใส่ลิงก์เยอะ จะดูไม่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะเว็บที่มีการทำแบบ เว็บรีวิวสินค้าทำแบบมี sponsored / แบบ affiliate ยิ่งต้องระวังมากเป็นพิเศษ โดยลิงก์จะแบ่งออกเป็น 4 แบบดังนี้
- Dofollow link
- Nofollow link
- Sponsored link
- UGC link
โดนเมนหมดอายุจะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น (เฉพาะเวลานี้)
ในการอัพเดทครั้งนี้ จะจัดการเว็บที่ใช้กลยุทธ์ Expired Domain คือ การใช้โดเมนที่หมดอายุแล้ว แต่มีคุณภาพ มาทำ SEO เพิ่มพลังให้เว็บไซต์
ซึ่งตอนนี้ สามารถใช้กุลยุทธ์นี้ในการทำอันดับ SEO ให้ดีขึ้นได้ โดยเราสามารถทำเว็บเพิ่ม โดยการใช้โดเมนหมดอายุได้ หากเรามีเนื้อหาที่มีคุณภาพและโดเมนที่ดี การทำอันดับให้ดีขึ้น สามารถเกิดขึ้นได้ ภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์เท่านั้น
Brand+ SEO ที่มีคุณภาพ คือความยั่งยืน
การทำเนื้อหาที่ดี และการสร้างแบรนด์ให้มีความน่าเชื่อถือ และการทำ SEO ที่มีคุณภาพ นั้นยังคงเป็นสิ่งที่ยั่งยืนอยู่ แต่การเปลี่ยนแปลงและการอัพเดทของ Google ล่าสุดนั้น เว็บก็ได้รับผลกระทบทั่วหน้า นั่นเกิดจากความไม่สมบูรณ์ของ Google เอง นั่นแสดงให้เห็นว่า แม้ว่าจะทำเนื้อหาออกมาดีแค่ไหน เว็บก็มีสิทธิอันดับตกได้
สิ่งที่สามารถทำให้ดี ควบคู่ไปกับการทำ SEO นั้นก็คือ การสร้างแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Personal brand, CEO brand, Business brand หรือ Product brand เช่น หากสร้างแบรนด์ที่มีชื่อเสียงขึ้นมา การที่ลูกค้าจะนึกถึงสินค้าหรือบริการนี้จะต้องนึกถึงที่นี่เท่านั้น
สรุป แนวทางการทำ SEO 2024
การทำ Seo ไม่มีอะไรที่แน่นอน หรือตายตัว ไม่ว่าเนื้อหาจะดีขนาดไหน อันดับก็ตกได้อยู่ดี ซึ่ง Google เป็นสิ่งที่ตัดสินใจและ Google เองก็ไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นอะไรที่ไม่ใช่มนุษย์ก็จะมีการ error เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะไม่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนมนุษย์ นั่นก็คือ หัวใจ เมื่อมีการอัพเดทระบบผิดพลาด เราไม่สามารถไปเรียกร้องความเห็นใจได้ สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียวคือการยอมรับความจริง และการปรับวิธีการทำ Seo ให้ทันต่อการอัพเดทล่าสุดอยู่เสมอนั่นเอง
หากต้องการความรู้เพิ่มเติม หรือ ปรึกษาการทำ Seo ให้มีคุณภาพ สามารถติดต่อได้ที่ ไลน์ Seo Guru