E-E-A-T อัลกอริทึมแบบใหม่ ที่คนทำ SEO ห้ามพลาด

E-E-A-T

ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันสูงขึ้นในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการค้าขายสินค้าและบริการ ในส่วนของ การทำ SEO ก็เช่นเดียวกันที่มีการแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน และสิ่งสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับที่ดีในผลการค้นหาของ Google ซึ่งมีการอัพเดทและปรับอัลกอริทึมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตอนนี้มีการปรับ E-E-A-T ซึ่งเป็นอัลกอริทึมแบบใหม่ ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์คือ E-A-T Factor ซึ่งย่อมาจาก Expertise (ความเชี่ยวชาญ), Authoritativeness (ความน่าเชื่อถือ), และ Trustworthiness (ความน่าไว้วางใจ) แต่ล่าสุด Google ได้เพิ่มตัว E อีกตัวเข้าไปเป็น EE-A-T โดยเพิ่ม Experience (ประสบการณ์) เข้าไปด้วย และเดียวพวกเรา SEOGURU จะพาไปดูกันว่า มันคืออะไร

E-A-T Factor เทียบกับ E-E-A-T Factor

E-A-T เทียบกับ E-E-A-T

ก่อนที่เราจะเจาะลึกถึง E-E-A-T เราควรเข้าใจถึง E-A-T ซึ่งเป็นแนวคิดดั้งเดิมของ Google ในการประเมินคุณภาพของเนื้อหา

E-A-T Factor คืออะไร?

E-A-T เป็นปัจจัยที่ Google ใช้ในการประเมินคุณภาพของเนื้อหาและเว็บไซต์ ประกอบด้วย:

  1. Expertise (ความเชี่ยวชาญ) ความเชี่ยวชาญของผู้เขียน เกี่ยวกับเนื้อหาในบทความ
  2. Authoritativeness (ความมีอิทธิพล) เว็บไซต์เป็นที่น่าเชื่อถือ และ เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
  3. Trustworthiness (ความน่าไว้วางใจ) เนื้อหาและเว็บไซต์มีความปลอดภัยและน่าไว้วางใจ

E-E-A-T Factor คืออะไร?

EEAT เป็นการพัฒนาเพิ่มเติมจาก E-A-T โดยเพิ่มตัวหน้า ตัวที่ 4 ไปอีกตัวคือตัว E- Experience (ประสบการณ์)

  1. Experience (ประสบการณ์) ผู้เขียนหรือผู้ให้ข้อมูลมีประสบการณ์ตรงในเรื่องที่กำลังเขียนถึงหรือไม่ ประสบการณ์ตรง นี้จะช่วยในการประเมินคุรภาพของบทความ
  2. Expertise (ความเชี่ยวชาญ) ความเชี่ยวชาญในหัวข้อที่นำเสนอ
  3. Authoritativeness (ความมีอิทธิพล) ความน่าเชื่อถือในวงการหรือชุมชน
  4. Trustworthiness (ความน่าไว้วางใจ) ความน่าไว้วางใจของเนื้อหาและเว็บไซต์

ทำไม EEAT ถึงสำคัญ?

E-E-A-T เป็นเครื่องมือที่ Google ใช้ในการกรองและจัดอันดับเนื้อหา โดยหากเว็บของคุณ ทำ Content ที่รองรับรูปแบบอัลกอริทึม แบบใหม่นี้ แน่นอนว่าจะเป็น บทความที่บอทของ google ให้ความสนใจ และ ได้รับการประเมินที่ดีตาม EEAT จะช่วยเพิ่มโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหาที่สูงขึ้น ช่วยให้เว็บของคุณติดอันดับได้ง่าย และ รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำมาซึ่งการเพิ่มการเข้าชม รวมไปถึง การเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจคุณ

เนื้อหาแบบไหนที่ไม่เข้าเกณฑ์ EEAT

การที่เนื้อหาของคุณไม่ผ่านเกณฑ์ EE-A-T อาจส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับที่ต่ำลงในผลการค้นหา นี่คือลักษณะของเนื้อหาที่ไม่เข้าเกณฑ์ EEAT

  • ขาดประสบการณ์ตรง เนื้อหาที่ไม่มีประสงการณ์ ที่เกิดขึ้นจริง
  • ขาดความเชี่ยวชาญ ผู้เขียนไม่มีความเชี่ยวชาญในหัวข้อที่นำเสนอ ขาเความรู้ในเนื้อหาที่เขียน เช่นการให้ข้อมูลแบบผิดๆ
  • ขาดความน่าเชื่อถือ ใช้แหล่งข้อความ ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือในวงการนั้นๆ
  • ขาดความน่าไว้วางใจ เว็บไซต์ไม่มีความปลอดภัย หรือไม่มีข้อมูลติดต่อที่ชัดเจน

วิธีการปรับบทความให้รองรับ EEAT

การปรับบทความให้รองรับ EEAT จะช่วยเพิ่มโอกาสในการ ทำ SEO ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี นี่คือขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้

วิธีปรับบทความให้รองรับ eeat
  • แสดงประสบการณ์ของผู้เขียน โดยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ตรงของเช่นการ รีวิวการใช้งาน หรือ ประสบการณ์ที่เจอมาเองกับตัว
  • เพิ่มความเชี่ยวชาญ ให้ความเห็นแบบผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีข้อมูลมาประกอบการเขียน
  • สร้างความน่าเชื่อถือจากแหล่งอ้างอิง แหล่งข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับในวงการของ สิ่งที่เขียนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ
  • สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ เขียนเพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ช่วยแก้ปัญหาให้ผู้อ่านได้จริง
  • การอัปเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ หากไม่รู้ว่าควรเขียนบทความกี่บทต่อเดือนดี พวกเรามี อีกบทความแนะนำเกี่ยวกับ ต้องทำบทความลงเว็บเท่าไหร่ดี ? พวกเราทำแยกเอาไว้เป็นความยากของ คำค้นหา

บทสรุป

EE-A-T เป็นอัลกอริทึมใหม่ที่ Google ใช้ในการประเมินคุณภาพของเนื้อหาและเว็บไซต์ การให้ความสำคัญกับ EEAT Factor จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำ SEO ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และ หากคุณ ต้องการปรึกษา ข้อมูลต่างๆ ทุกเรื่องเกี่ยวกับการทำ SEO

สามารถติดต่อหาพวกเรา SEOGURU ได้ตลอดเวลาผ่านทาง LINE ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO ประสบการณ์กว่า 10 ปี เคยทำ Keyword ติดหน้าแรกมาแล้ว มากกว่า 2,000 คำ งานดีแน่นอน