Google Indexing คืออะไร เช็คยังไง หากใครยังสงสัยอยู่เรามีคำตอบให้

Google Indexing

หนึ่งกระบวนการช่วยให้เว็บมีอันดับไวมากขึ้นและแสดงผลการค้นหา นั้นคือ Google Indexing วันนี้ใครที่ยังสงสัยกันอยู่ มารวมตัวกันตรงนี้ได้เลย บทความนี้กันเลยที่เราจะมีคำตอบให้คุณได้รู้จักมากขึ้น โดยในยุคเทคโนโลยีที่ได้เข้ามีบทบาทการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น การหาข้อมูลออนไลน์ ได้กลายเป็นสิ่งประจำวัน ยิ่งการซื้อของผ่านแพลตฟอร์มมากยิ่งขึ้น นี่ก็คือ การตลาดออนไลน์จึงเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น

การเข้ามาค้นหาทุกอย่างผ่าน Google ของผู้ใช้งานมีบทบาทมากยิ่งขึ้น แน่นอนสิ่งสำคัญของคนทำ SEO ก็คือ จะทำอย่างไรให้หน้าเว็บไซต์นั้นแสดงผลมากยิ่งขึ้น โดยมีผลการค้นหาผ่าน ดัชนีของกูเกิล เอาละกริ่นมานานแล้วมาเริ่มกันเลย Google Indexing นั้นคืออะไร สำคัญอย่างไรกันบ้าง มีวิธีเช็คอย่างไร กันได้ในบทความนี้

ทำความรู้จักกับ Google Indexing

หลายคนมักจะมีคำถามกันอยู่บ่อยครั้ง ” หน้านี้ถูกกูเกิลทำ Indexing ไปแล้วหรือยังนะ? ” โดยก่อนอื่นจะต้องบอกก่อนว่า อัลกอริทึมของ Search Engine การที่จะหาเว็บไม่เจอนั้นมีลายละเอียดที่ซับซ้อนอย่างมาก แต่ถ้าจะให้อธิบายกันแล้วจะต้องยาวๆ เรียกได้ว่า อ่านจนเปลื่อย ซึ่งวันนี้ทาง SEOGURU จะมาอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คืออะไร และมีวิธีการตรวจอย่างไร หน้าเว็บไซต์นั้นถูก กูเกิลทำ Indexing ไว้แล้วหรือยัง? และถ้ายังไม่ถูก กูเกิลทำ Indexing จะต้องมีวิธีการไหนแจ้งให้ทราบกันบ้าง หากพร้อมแล้วมาลุยกันต่อ

อ่านเพิ่มเติม : Noindex คืออะไร แก้ไขอย่างไร เมื่อเว็บของคุณไม่ถูก index

Google Indexing คืออะไร

Indexing คืออะไร ทำไมหล่านัก SEO ต้องรู้ เพราะ..?

Indexing ในประเทศไทยแล้วมักจะเห็นตามบริษัทเฟอร์นิเจอร์ ชื่อดังคล้ายกับ ไทวัสดุ แต่สำหรับนัก SEO แล้วนั้นคนละความหมายแบบ Google ซึ่งได้ถูกนิยามกันไว้ตามบริบทของ Search Engine โดยได้ปล่อยให้ Google Bot ให้มาเก็บข้อมูล index google search เพื่อนำไปแสดงผลอยู่ และได้จัดเรียงฐานข้อมูลเพื่อเอาไว้ สำหรับผู้ใช้งานผ่านหน้า Google Search ทั่วไป

Google Indexing คือกระบวนการที่ Google ทำการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลจากหน้าเว็บต่างๆ ทั่วโลก เพื่อนำมาใช้ในการแสดงผลการค้นหา เมื่อ Googlebot หรือ Spider ของ Google เข้าถึงเว็บไซต์ของคุณ มันจะทำการ “Crawl” หรือสำรวจหน้าเว็บของคุณ จากนั้นจึงทำการจัดเก็บข้อมูลเหล่านั้นลงในฐานข้อมูล หรือที่เรียกว่า “Index” การทำ Indexing ทำให้ Google สามารถแสดงผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาของผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

และนี่นั้นเอง ถ้าเว็บไหนไม่ถูกเก็บ Indexing บนหน้าเว็บไซต์ index google search คือยังไม่ถูกทำดัชนีเข้าฐานข้อมูล ซึ่งจะไม่แสดงผลในหน้าค้นหา ผ่าน Google Search ถ้าพูดเป็นภาษาบ้านๆ ก็ ผู้ใช้งาน อยากค้นหาอะไรแล้วไม่เจอ นั้นก็คือคำว่า Indexing

ทำไม Google Indexing ถึงสำคัญ?

เพราะไม่ว่าเว็บไซต์ของคุณจะสวยแค่ไหน จะมีบทความดีแค่ไหน แต่ถ้า Google ยังไม่เห็นคุณ ทุกอย่างก็เท่ากับศูนย์

ประโยชน์ของการถูก Index อย่างถูกต้องและรวดเร็ว :

  1. เพิ่มโอกาสติดอันดับสูงในผลการค้นหา (SEO Ranking) เว็บไซต์ที่ถูก Index อย่างสมบูรณ์มีโอกาสปรากฏในหน้าแรกของ Google มากกว่าเว็บที่ยังไม่ได้รับการจัดเก็บ
  2. ช่วย Google เข้าใจเว็บไซต์ของคุณ Indexing ที่ดีทำให้ระบบของ Google เข้าใจโครงสร้าง เนื้อหา และความสำคัญของแต่ละหน้าเว็บ
  3. เพิ่มการเข้าชม (Traffic) และยอดขาย เมื่อเว็บถูกแสดงผลใน Google Search ยิ่งมีคนเห็นมาก โอกาสในการขายหรือเข้าชมก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
  4. สร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์ เว็บไซต์ที่ปรากฏในผลการค้นหาบ่อยๆ จะสร้างภาพจำและความไว้วางใจต่อผู้ใช้ได้มากขึ้น
Sitemap Google search console

วิธีเช็คว่าเว็บไซต์ของคุณถูก Google Index แล้วหรือยัง

จะรู้ได้อย่างไรว่า “หน้านั้นถูก Indexing แล้ว” มีจะเป็นคำถามของเหล่าคนทำ SEO มือใหม่ ที่กำลังเริ่ม โดยหลายท่านนั้นยังมีความกังวลกันอยู่กูเกิ้ลนั้นจะปล่อย Google Bot มาทำ Indexing เมื่อไหร่ ทำเว็บของเราไปแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่ทำจำอย่างไร ตรวจสอบยังไง ซึ่งมีหลากหลายวิธีที่เรามาแนะนำ ได้ดังนี้

  1. ใช้ Google Search Console : เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณตรวจสอบและปรับปรุงการทำ Indexing ของเว็บไซต์ คุณสามารถดูสถานะการ Indexing และส่งคำขอให้ Googlebot ทำการสำรวจหน้าเว็บของคุณใหม่ได้
  2. ใช้คำสั่ง “site:” ใน Google : คุณสามารถตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณถูกทำ Indexing หรือไม่โดยพิมพ์คำสั่ง “site.com” ใน Google หากมีหน้าของเว็บไซต์คุณปรากฏในผลการค้นหา แสดงว่าเว็บไซต์ของคุณถูกทำ Indexing แล้ว
  3. ตรวจสอบไฟล์ robots.txt : ไฟล์ robots.txt เป็นไฟล์ที่ใช้ในการกำหนดว่า Googlebot สามารถเข้าถึงหน้าเว็บใดบ้าง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการบล็อกหน้าเว็บสำคัญในไฟล์นี้

ขั้นตอนของ Google Indexing

  1. Crawling : ขั้นตอนแรก Googlebot จะทำการสำรวจและเก็บข้อมูลจากเว็บไซต์ โดยเริ่มจากหน้าเว็บที่มีการเชื่อมโยง (Link) จากเว็บไซต์อื่นๆ การทำลิงก์ภายในเว็บไซต์ (Internal Linking) และการทำลิงก์จากเว็บไซต์อื่นๆ (Backlink) ช่วยให้ Googlebot เข้าถึงหน้าเว็บของคุณได้ง่ายขึ้น
  2. Indexing : หลังจากที่ Googlebot ทำการสำรวจข้อมูลจากเว็บไซต์แล้ว ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกจัดเก็บลงในฐานข้อมูลของ Google โดยจะมีการจัดหมวดหมู่และระบุความสำคัญของเนื้อหาในแต่ละหน้าเว็บ
  3. Ranking : เมื่อผู้ใช้ทำการค้นหาคำหรือวลีผ่าน Google ข้อมูลที่ถูกจัดเก็บในฐานข้อมูลจะถูกนำมาเปรียบเทียบและจัดอันดับเพื่อแสดงผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพสูงสุด
Google Indexing

วิธีช่วยให้ Googlebot เข้ามาเก็บ Indexing ได้ไวขึ้น

วิธีการทำให้ Google Bot เข้ามา Index หน้าเว็บได้ยังไง ก็จะต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า บอทของกูเกิล นั้นจะถูกปล่อยเข้ามาตลอดเวลาเพื่อการทำดัชนี เพื่อนำไปจัด Indexing กันแล้วอาจจะต้องใช้เวลาตั้งแต่ 2 วัน – 2/3 สัปดาห์ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ การวางโครงสร้างเว็บไซต์ Keyword Mapping ง่ายและอำนวยความสะดวกให้เข้ามาเก็บข้อมูลช้าหรือไวแค่ไหน

แต่ถ้าเกิดผ่านไปหลายวันแล้ว ยังไม่ถูกเก็บสักที แล้วจะต้องช่วยให้พี่กูเกิล นั้นเข้ามาเก็บข้อมูลไวขึ้น โดยจะถูกส่งสัญญาณให้ทราบนั้นมีหลากหลายวิธี ซึ่งในบางวิธีเองก็เป็นขั้นพื้นฐาน เทคนิคในการทำ SEO โดยวันนี้ขอสอนวิธีทริกการทำง่ายๆ มีวิธีดังนี้

  • เลือกใช้วิธี Ping หรือ แจ้งเตือนให้กูเกิ้ลทราบ ด้วยการ  ก็อป URL ทั้งหมดนี้ไปวางไว้ที่ Search Bar แล้วกด Enter เมื่อเจอ Text ก็แสดงว่าสำเร็จ
  • https://www.google.com/ping?sitemap=(ใส่ URL เต็มของหน้าเว็บที่ต้องการแจ้งให้กูเกิลทราบ)
  • เลือกใช้ Google Search Console ในการทำดัชนี เรียกให้มาเก็บข้อมูลได้ไวขึ้น
  • อัปเดตคอนเทนต์บ่อยๆ เว็บไซต์ที่มีการอัปเดตเนื้อหาสม่ำเสมอ จะดึงดูดให้บอทของ Google เข้ามาบ่อยขึ้น
  • สร้างลิงก์ภายใน (Internal Links) และลิงก์ภายนอก (Backlinks) การมีลิงก์ที่เชื่อมโยงไปยังหน้าอื่น ๆ ทั้งภายในและจากเว็บไซต์คุณภาพภายนอก จะช่วยให้ Googlebot เดินทางได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
  • ปรับความเร็วเว็บไซต์ ให้โหลดไว (Page Speed Optimization) Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้ เว็บไซต์ที่โหลดช้า อาจทำให้บอทเข้ามา Crawling ช้าลง

เทคนิค Google Indexing ปีนี้

ในปีนี้ โลกของ SEO เปลี่ยนเร็วราวกับสายฟ้า
Google ไม่ได้ใช้เพียงแค่ Bot เดิมๆ อีกต่อไป แต่ได้พัฒนา AI และอัลกอริทึมขั้นสูงที่เรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้ และเข้าใจเจตนาของเนื้อหามากขึ้นกว่าเดิม

ดังนั้น ถ้าคุณยังใช้แค่เทคนิคการส่ง Sitemap หรือรอให้ Bot มาเก็บเองเหมือนเมื่อก่อน
คุณอาจพลาดโอกาสทองในการถูก Index อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ

ลองมาดูเทคนิคใหม่ๆ ที่ คนทำ SEO ต้องรู้ กัน

ใช้ IndexNow เร่งบอทให้มาทันใจ

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า Google เริ่มทดลองรองรับ IndexNow Protocol (ร่วมกับ Bing และ Yandex)
ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถแจ้งโดยตรงไปยัง Search Engine ได้ทันทีเมื่อมีการอัปเดตหรือสร้างหน้าใหม่

พูดง่ายๆ คือ
แทนที่จะรอ Googlebot มา Crawl คุณ บอกให้มันมาเลยตอนนี้ ได้

วิธีใช้

  • ติดตั้งปลั๊กอิน IndexNow (เช่นใน WordPress หรือ Cloudflare)
  • เมื่อคุณอัปเดตหรือสร้างหน้าใหม่ ระบบจะส่ง Ping ไปยัง Google และ Bing อัตโนมัติ
  • หน้าเว็บจะถูก Index ในไม่กี่ชั่วโมง (แทนที่จะรอเป็นสัปดาห์)

ผลลัพธ์คือ : เว็บไซต์คุณจะถูกอัปเดตบน Google เร็วกว่าคู่แข่งแบบเห็นได้ชัด

ทำ Entity SEO ให้ Google เข้าใจตัวตนของเว็บไซต์

Google ไม่ได้มองเว็บจากคีย์เวิร์ดอีกต่อไป
แต่จะมองผ่าน Entity หรือ หน่วยข้อมูลที่มีตัวตน เช่น
ชื่อแบรนด์ บุคคล สถานที่ ผลิตภัณฑ์ หรือแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ของคุณ

ถ้า Google เข้าใจว่าเว็บของคุณ คือใคร และเกี่ยวข้องกับอะไร
โอกาสที่จะถูก Index และจัดอันดับได้แม่นยำยิ่งขึ้นก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เทคนิคทำ Entity SEO :

  • ใช้ Schema Markup (Structured Data) เช่น JSON-LD เพื่อบอก Google ว่าเว็บคุณคืออะไร
  • เขียนบทความ ที่ เชื่อมโยงความหมาย มากกว่าการยัดคีย์เวิร์ด
  • เชื่อมโยงเนื้อหาภายในให้สัมพันธ์กัน (Topic Clusters)
  • ใช้ข้อมูลจริง เช่น ที่อยู่ เบอร์โทร ชื่อบริษัท ฯลฯ เพื่อให้ Google เข้าใจตัวตนของแบรนด์คุณ

ยิ่ง Google เข้าใจ Entity ของคุณได้เร็วเท่าไร Indexing ก็จะยิ่งเร็วและแม่นเท่านั้น

ใช้พลัง AI ในการตรวจสุขภาพ SEO

ปัจจุบันมีเครื่องมือ AI หลายตัวที่ช่วย วิเคราะห์ Indexability ของเว็บไซต์แบบเรียลไทม์ เช่น

  • Ahrefs Webmaster Tools
  • Google Search Console Insights (เวอร์ชันใหม่)
  • SurferSEO / NeuronWriter / Outranking

AI เหล่านี้จะช่วยคุณสแกนดูว่า

  • หน้าใดบ้างที่ยังไม่ถูก Index
  • หน้าใดที่เนื้อหาซ้ำ หรือมีคุณภาพต่ำ (Thin Content)
  • โครงสร้างลิงก์ภายใน (Internal Links) แข็งแรงพอหรือยัง

อย่าปล่อยให้ Googlebot ต้องสับสนกับโครงสร้างเว็บของคุณ
เพราะถ้า AI ยังอ่านไม่เข้าใจ คนอ่านก็อาจไม่เข้าใจเช่นกัน

เพิ่มความ สดใหม่ ของคอนเทนต์ (Content Freshness)

เขียนบทความ

หนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อ Indexing มากขึ้นในปีนี้ คือ ความสดใหม่ของเนื้อหา (Freshness)

Google จะให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่มีการอัปเดตสม่ำเสมอ เพราะมันแสดงให้เห็นว่า

เว็บไซต์นี้ยังมีชีวิต และให้คุณค่ากับผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง

วิธีทำให้เว็บดูสดใหม่ :

  • อัปเดตข้อมูลในบทความเก่าทุก 3–6 เดือน
  • เพิ่มหัวข้อใหม่หรืออินโฟกราฟิกเสริมในบทความเดิม

ใช้พลังของ Smart Linking ให้ Googlebot วิ่งทั่วเว็บคุณ

ปีนี้ Googlebot ฉลาดขึ้นมาก แต่มันก็ยัง ต้องอาศัยลิงก์ เพื่อเดินทางไปยังหน้าอื่นอยู่ดี

ถ้าหน้าเว็บของคุณไม่มีลิงก์ภายในเชื่อมต่อ หรือถูกซ่อนอยู่ลึกเกินไป
Googlebot อาจไม่เจอเลย และแน่นอน มันจะไม่ถูก Index

กลยุทธ์ Smart Linking ที่ควรใช้ :

  • วาง Internal Link จากบทความหลัก บทความย่อย (Topic Cluster)
  • ใช้ Anchor Text ที่เป็นธรรมชาติและสื่อความหมาย
  • ใช้ Breadcrumbs และ Sitemap ที่อัปเดตอัตโนมัติ

คิดซะว่า ลิงก์ภายใน คือเส้นเลือดของเว็บไซต์
ยิ่งไหลเวียนดีเท่าไร Google ก็จะเข้าใจและจัดอันดับให้คุณดีขึ้นเท่านั้น

Technical SEO ยังสำคัญเสมอ

อย่าลืมว่าพื้นฐานทางเทคนิคยังเป็นหัวใจของการ Index ทุกยุคทุกสมัย

  • ใช้ HTTPS
  • ทำให้เว็บไซต์โหลดเร็ว (Core Web Vitals ดีเยี่ยม)
  • ไม่มี Broken Links หรือ 404 Error
  • ตรวจสอบ Mobile-friendly ด้วย Google Mobile Test

เว็บไซต์ที่ สะอาดและรวดเร็ว คือสิ่งที่ Google รักที่สุด

ข้อควรระวัง Indexing ≠ การติดอันดับ (Ranking)

อย่าสับสน!
การที่หน้าเว็บของคุณถูก Index แล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะติดอันดับต้นๆ ในการค้นหา เพราะการ จัดอันดับเว็บ (Ranking) ยังต้องอาศัยปัจจัยอีกมากมาย เช่น

  • คุณภาพของเนื้อหา (Content Quality)
  • การใช้คีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสม (Keyword Optimization)
  • ประสบการณ์ผู้ใช้ (UX / UI)
  • ลิงก์คุณภาพจากเว็บไซต์อื่น (Backlinks)
  • ความน่าเชื่อถือของโดเมน (Domain Authority)

Google Indexing เป็นกระบวนการที่สำคัญในการทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของ Google การทำ Indexing อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ และความน่าเชื่อถือ โดยสร้างโอกาสทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น โดยจะเลือกเครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Google Search Console การจัดการไฟล์ robots.txt และทำลิงค์ภายในและภายนอก เพื่อเพิ่มให้ประสิทธิภาพดีขึ้น

สรุปภาพรวม Index ให้ไว ติดอันดับให้มั่น

Google Indexing ในปีนี้ ไม่ได้เป็นเพียง การทำให้เว็บถูกเห็น อีกต่อไป
แต่มันคือ การทำให้เว็บเข้าใจได้ โดยทั้งผู้ใช้ และ ระบบ AI ของ Google

เพราะสุดท้ายแล้ว Google ต้องการเพียงสิ่งเดียวคือ

มอบคำตอบที่ดีที่สุดให้ผู้ใช้ได้เร็วที่สุด

ถ้าคุณช่วยให้ Google ทำสิ่งนี้ได้ง่ายขึ้น
ไม่ว่าคุณจะเป็นเว็บใหม่หรือเว็บเก่า ก็มีโอกาส โดดเด่นเหนือคู่แข่ง ได้ไม่ยากเลย

ติดต่อ SEOGURU LINE

รับปรึกษาการทำ SEO ที่ SEOGURU

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม