ในการทำ SEO สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ Keyword เพราะเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ Google เข้าใจว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับอะไร และแสดงผลในหน้าการค้นหาได้อย่างตรงจุด แต่คุณรู้หรือไม่ว่า Keyword มีกี่ประเภท ? แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้อย่างไรถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด?
วันนี้ SEOGURU จะพาคุณมาเจาะลึกทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ Keyword เพื่อเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรก Google อย่างยั่งยืน
Keyword คืออะไร?

Keyword คือคำหรือวลีที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตพิมพ์ลงในช่องค้นหาของ Google หรือ Search Engine อื่นๆ เพื่อค้นหาข้อมูล ผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ซึ่งคำเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดให้ Google แสดงผลเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องมากที่สุด
การเลือกใช้ Keyword ที่เหมาะสมกับเนื้อหาและตรงกับความต้องการของผู้ค้นหาจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในอันดับที่ดีขึ้นได้อย่างมาก
ทริค SEO : 7 วิธีหา Keyword ทำ SEO เรียกลูกค้าเข้ามาเว็บไซต์
Keyword เกี่ยวข้องกับการทำ SEO อย่างไร?

การทำ SEO (Search Engine Optimization) คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับ Search Engine และ Keyword คือหนึ่งในหัวใจหลักของการทำ SEO เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างการค้นหาของผู้ใช้งานและเว็บไซต์ของคุณ
การทำ SEO จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก
- On-page SEO: การใส่ Keyword ลงใน Title, Meta Description, Heading, และเนื้อหาบทความ
- Off-page SEO: การสร้าง Backlink ที่มี Keyword เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของคุณ
เมื่อเลือก Keyword ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและใช้ได้อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยเพิ่ม Traffic ให้เว็บไซต์อย่างมีประสิทธิภาพ
Keyword มีกี่ประเภท?
การเลือกใช้ Keyword ที่ถูกต้องมีผลต่อการทำ SEO เป็นอย่างมาก ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว Keyword มีกี่ประเภท ที่นิยมใช้ในการทำ SEO สามารถแบ่งออกเป็น 6 ประเภทหลัก ได้แก่
1. Generic Keyword (คีย์เวิร์ดทั่วไป)
Generic Keyword คือคำค้นหาทั่วไปที่มีความหมายกว้างและมีปริมาณการค้นหาสูง เช่น “รองเท้า,” “โทรศัพท์,” หรือ “รถยนต์”
- ข้อดี: มีปริมาณการค้นหาสูง
- ข้อเสีย: การแข่งขันสูง โอกาสในการติดอันดับยาก
การใช้ Generic Keyword เหมาะกับเว็บไซต์ที่มี Authority สูงหรือมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่
2. Niche Keyword (คีย์เวิร์ดเฉพาะกลุ่ม)
Niche Keyword คือคำค้นหาที่เฉพาะเจาะจงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เช่น “รองเท้าสำหรับวิ่งเทรล” หรือ “โทรศัพท์กันน้ำ”
- ข้อดี: แข่งขันน้อยกว่า Generic Keyword
- ข้อเสีย: ปริมาณการค้นหาน้อยกว่า
การใช้ Niche Keyword จะทำให้คุณได้กลุ่มลูกค้าที่ตรงกลุ่มและมีโอกาสในการปิดการขายสูงกว่า
3. Long-Tail Keyword (คีย์เวิร์ดยาว)
Long-Tail Keyword คือคำค้นหาที่ยาวและมีความเฉพาะเจาะจงมาก เช่น “ซื้อรองเท้าสำหรับวิ่งเทรลสีดำยี่ห้อ Nike”
- ข้อดี: โอกาสในการติดอันดับสูงเพราะการแข่งขันน้อย
- ข้อเสีย: ปริมาณการค้นหาต่ำ แต่ Conversion Rate สูง
Long-Tail Keyword เหมาะกับการทำ SEO ที่เน้น Conversion และดึงดูดลูกค้าที่มีความต้องการชัดเจน
4. Branded Keyword (คีย์เวิร์ดแบรนด์)
Branded Keyword คือการค้นหาที่มีชื่อแบรนด์ประกอบ เช่น “SEOGURU รับทำ SEO” หรือ “Apple iPhone”
- ข้อดี: อัตราการคลิกสูงเพราะเป็นการค้นหาที่เฉพาะเจาะจง
- ข้อเสีย: หากไม่ใช่เจ้าของแบรนด์ อาจไม่คุ้มค่ากับการทำ SEO
การใช้ Branded Keyword เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการสร้าง Brand Awareness หรือเพิ่มยอดขายจากการค้นหาชื่อแบรนด์
5. Intent-based Keyword (คีย์เวิร์ดตามจุดประสงค์การค้นหา)
Intent-based Keyword คือการค้นหาตามเจตนาของผู้ใช้งาน เช่น
- Navigational Keywords: “เข้าสู่ระบบ Facebook”
- Informational Keywords: “วิธีเลือกซื้อกล้องถ่ายรูป”
- Transactional Keywords: “ซื้อ iPhone 15 ราคาถูก”
การเข้าใจจุดประสงค์ของผู้ค้นหาจะช่วยให้คุณวางกลยุทธ์ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
6. Local Keyword (คีย์เวิร์ดระบุสถานที่)
Local Keyword คือการค้นหาที่มีการระบุสถานที่ชัดเจน เช่น “ร้านกาแฟใกล้ฉัน,” “ร้านอาหารในเชียงใหม่”
- ข้อดี: เหมาะกับธุรกิจที่มีหน้าร้านหรือต้องการลูกค้าในพื้นที่
- ข้อเสีย: การแข่งขันในพื้นที่อาจสูงหากเป็นเมืองใหญ่
การทำ Local SEO ที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจของคุณติดอันดับในผลการค้นหาเมื่อลูกค้าค้นหาใกล้สถานที่ของคุณ
ข้อควรระวัง : Spam Keyword กับดักของการทำ SEO
ปรึกษาทำ SEO ต้อง SEOGURU
หากคุณต้องการวางแผนการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพ ปรึกษาSEOGURU สิ พวกเรา พร้อมให้คำแนะนำและบริการอย่างมืออาชีพ เราช่วยคุณวิเคราะห์ Keyword วางกลยุทธ์ทั้ง On-page SEO และ Off-page SEO พร้อมติดตามผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรก Google อย่างมั่นคงและยั่งยืน
บทสรุป Keyword มีกี่ประเภท?
การเลือก Keyword ที่เหมาะสมคือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดของการทำ SEO การเข้าใจว่า Keyword มีกี่ประเภท และเลือกใช้อย่างถูกต้อง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขันและการติดอันดับในหน้าแรก Google ได้ง่ายขึ้น
หากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ SEO ที่ได้ผลจริง ติดต่อ SEOGURU ได้เลย เราพร้อมผลักดันเว็บไซต์ของคุณให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน