วิธีทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆของการค้นหาบน Search Engines Google มีหลายปัจจัย แต่อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากๆต่อการทำเว็บไซต์นั่นคือ Google PageRank ตัวชี้วัดคุณภาพของเว็บไซต์ ที่หากทำได้ตรงตามที่กูเกิ้ลต้องการ โอกาสที่เว็บไซต์จะทะยานขึ้นไปอยู่อันดับต้นๆของการค้นหายิ่งมีสูง แต่การทำเพจแรงค์จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง มาหาคำตอบกันได้เลย
Page Rank คืออะไร

PR หรือ PageRank คือคุณภาพของหน้าเว็บเพจที่มีความสำคัญต่อการจัดอันดับของ Google Algorithm เนื่องจากเป็นการวัดคุณภาพของลิงก์ต่างๆที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของคุณ หากลิงก์ที่ส่งกลับมายังเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพ PageRank Score จะมีค่าสูง จะส่งผลให้อันดับของเว็บไซต์ก้าวไปอยู่ในอันดับต้นๆของการค้นหาได้ง่ายยิ่งขึ้น
ค่า PageRank Score มีตั้งแต่ 0 – 10 คะแนน แต่ไม่ใช่ว่าการทำลิงก์เข้ามายังเว็บไซต์เป็นจำนวนมาก จะส่งผลให้คะแนนของเว็บไซต์ดี แต่หากจำนวนลิงก์ที่เข้ามายังเว็บไซต์เป็นลิงก์ที่ไม่มีคุณภาพ ก็จะส่งผลให้คะแนนที่จะได้จาก Pagerank Google มีคะแนนที่น้อย อาจจะส่งผลให้อันดับของเว็บไซต์ตกลงได้เช่นกัน
ดังนั้นการที่จะทำให้เว็บไซต์มีอันดับที่สูงขึ้น การใช้ตัวช่วยอย่าง Backlink ที่มีคุณภาพ แทนการใช้ Link Farms จะส่งผลดีกว่า ไม่เพียงแค่ในระยะสั้นเท่านั้น แต่ลิงก์ที่มีคุณภาพ จะช่วยส่งผลให้อันดับของเว็บไซต์ยังคงอยู่ในลำดับที่ดีในระยะเวลาที่นานอีกด้วย
Googole PageRank มีความสำคัญกับการทำ SEO อย่างไร
การที่เว็บไซต์มีคะแนน PageRank ไปในทิศทางที่ดี เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เว็บไซต์ขึ้นไปอยู่ในอันดับ 1 หรือลำดับต้นๆของการค้นหาของ Google SERPs เนื่องจากการที่จะทำให้เว็บไซต์อยู่ในอันดับต้นๆของการค้นหา ต้องมีปัจจัยหลายอย่างทั้ง ผู้เข้าชม , ระยะเวลาในการอยู่ในเว็บไซต์
แต่การให้เว็บไซต์มีคุณภาพ ด้วยการใช้ลิงก์ที่เข้ามายังเว็บไซต์ เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากจะทำให้เว็บไซต์ได้รับคะแนนที่มากขึ้น ยิ่งเว็บไซต์ที่ได้รับลิงก์เป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ติดคีย์เวิร์ดจำนวนมาก มีผู้เข้าชมจำนวนมา จะยิ่งทำให้เว็บไซต์ของคุณได้คะแนนที่สูง และส่งผลให้เว็บไซต์ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 1 ของการค้นหาได้ไม่ยาก
วิธีการทำงานของ Page Rank

การนับคะแนนของ PageRank จะนับคะแนนจากทุกหน้าเพจของเว็บไซต์ ดังนั้นนอกจากจะได้รับลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ควรจะต้องเชื่อมโยงแต่ละหน้าด้วย Link Building เพื่อทำให้บอทเข้าไปยังหน้าต่างๆของเว็บไซต์ได้อย่างครบถ้วน เมื่อหน้าต่างๆของเว็บไซต์มีคุณภาพ ได้รับคะแนนสูงจากกูเกิ้ล จะส่งผลให้เว็บไซต์มีอันดับที่สูงขึ้น
- Anchor Text
หากเว็บไซต์ได้รับการเชื่อมโยงลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีค่า PR สูง จะยิ่งเพิ่มคะแนนให้กับเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดี
- Internal Link
นอกจากการได้รับแบล็คลิงก์ที่มีคุณภาพ ควรจะต้องเชื่อมโยงหน้าต่างๆด้วย Internal Link เพื่อทำให้บอทของกูเกิ้ลให้คะแนนหน้าต่างๆได้อย่างครบถ้วน
- Nofollow Link
หากเว็บไซต์มีการทำลิงก์ด้วย Nofollow จะส่งผลให้เว็บไซต์ไม่ได้ค่า PR และอาจส่งผลให้ไม่ได้รับคะแนนจากบอทนั่นเอง
- ทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ
การทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง อธิบายข้อมูลต่างๆอย่างละเอียด ชัดเจน จะส่งผลให้กูเกิ้ลมองว่าเว็บไซต์ของคุณคือผู้เชี่ยวชาญ บวกกับการปรับคอนเทนต์ด้วย E-E-A-T Factors จะส่งผลให้เว็บไซต์ได้รับคะแนนที่ดีจากกูเกิ้ล
- ใช้ Keyword ในทิศทางเดียวกัน
ก่อนทำเว็บไซต์ควรทำ Keyword Research จาก SEO Tool เช่น Ahrefs, Google Keyword Planner , Ubersuggest เป็นต้น ต่อด้วยการทำคอนเทนต์ที่มีคีย์เวิร์ดในทิศทางเดียวกันทั้งหมดในเว็บไซต์ เนื่องจากกูเกิ้ลจะจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณให้อยู่ในหมวดที่ถูกต้องได้ง่ายยิ่งขึ้น
- แก้ไขลิงก์เสียในเว็บไซต์
หากในเว็บไซต์มี Broken Link จะส่งผลเสียกับเว็บไซต์อย่างมาก ดังนั้นควรจะต้องแก้ไขหน้าที่เสีย , หน้าที่ไม่ได้ใช้งาน เนื่องจากจะทำให้ถูก Google ตัดคะแนนได้
- เสริมด้วย Backlinks ที่มีคุณภาพสูง
การเสริมพลังให้กับเว็บไซต์ด้วย Backlinks คุณภาพสูง ด้วยการซื้อแบล็คลิงก์ที่มีคุณภาพ จะส่งผลให้คะแนนของ PageRank เพิ่มสูงขึ้นและจะส่งผลให้เว็บไซต์มีอันดับที่สูงขึ้นตามไปด้วย
- สร้างเว็บ PBN ที่มีคุณภาพ
การสร้างเว็บไซต์ PBN ที่มีคุณภาพไว้เป็นเครือข่ายของเว็บไซต์หลัก ไม่เพียงแค่เป็นตัวช่วยในการทำอันดับเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างรายได้จากเว็บเหล่านี้ได้อีกด้วย
การอัปเดตของ Google PageRank ในยุค AI ปี 2025
แม้ว่า Google จะไม่เปิดเผยค่า PageRank ให้ผู้ใช้ทั่วไปเห็นมาหลายปีแล้ว แต่ระบบนี้ยังคงมีอยู่ในอัลกอริทึมภายในของ Google และยังส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์อยู่เสมอ โดยในปี 2025 การประเมิน PageRank ได้รับอิทธิพลจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning มากขึ้น เพื่อวิเคราะห์ “คุณภาพของลิงก์” แทนการนับจำนวนลิงก์เพียงอย่างเดียว
ระบบใหม่ของ Google จะให้ความสำคัญกับบริบทของลิงก์ เช่น เว็บไซต์ต้นทางมีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือไม่, มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน, ผู้เขียนเนื้อหามีตัวตนจริงหรือไม่ รวมถึงประสบการณ์ของผู้ใช้ในหน้าเว็บนั้น ๆ (User Experience) ทั้งหมดนี้ถูกนำมาคิดรวมเป็นคะแนนที่ส่งผลต่ออันดับโดยตรง
พูดง่าย ๆ คือ “PageRank ยุคใหม่ไม่ได้วัดจากจำนวนลิงก์เท่านั้น แต่ดูจากความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือของแหล่งอ้างอิงด้วย” ทำให้เว็บไซต์ที่มี Backlink คุณภาพสูงเพียงไม่กี่ลิงก์ อาจมีคะแนนดีกว่าเว็บไซต์ที่มีลิงก์จำนวนมากแต่คุณภาพต่ำ
ปัจจัยใหม่ที่มีผลต่อคะแนน PageRank
ในอดีต Google ใช้หลักการ “ยิ่งมีลิงก์เข้ามามาก ยิ่งได้คะแนนเยอะ” แต่ปัจจุบันระบบเปลี่ยนไปอย่างมาก PageRank จะพิจารณาปัจจัยเสริมอื่น ๆ ที่เชื่อมโยงกับคุณภาพของคอนเทนต์และความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น
- E-E-A-T (Experience – Expertise – Authoritativeness – Trustworthiness)
เว็บไซต์ที่มีผู้เขียนที่มีประสบการณ์จริง หรืออ้างอิงข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น สถาบันการศึกษา หน่วยงานรัฐ หรือแบรนด์ใหญ่ จะได้รับคะแนนจาก Google สูงขึ้น - Contextual Link
การมีลิงก์ที่แทรกอยู่ในบทความที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา เช่น บทความ “การตลาดออนไลน์” ที่มีลิงก์ไปยัง “การทำ SEO” ถือว่าเป็นลิงก์ที่มีน้ำหนักมากกว่าการวางลิงก์แบบไม่เกี่ยวข้อง - Anchor Text ที่ชัดเจน
คำที่ใช้เป็นลิงก์ (Anchor Text) จะช่วยให้ Google เข้าใจว่าเพจปลายทางเกี่ยวข้องกับคำค้นอะไร ยิ่งใช้คำที่มีความหมายชัดเจนและไม่ซ้ำซ้อน ยิ่งช่วยให้ Google ประเมินค่าได้แม่นยำ - ลิงก์จากโดเมนที่มี Authority สูง
หากเว็บไซต์ของคุณได้รับลิงก์จากสื่อใหญ่หรือโดเมนที่มีอำนาจ เช่น Forbes, Wikipedia, หรือเว็บไซต์ภาครัฐ Google จะมองว่าเว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือเช่นกัน
การสร้างลิงก์ที่มีคุณภาพในลักษณะนี้จะช่วยให้ค่า PageRank ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน
กลยุทธ์การเพิ่มคะแนน PageRank ให้ได้ผลจริง
ในยุคที่การแข่งขัน SEO เข้มข้นขึ้นทุกวัน การปรับกลยุทธ์ PageRank ให้มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง กลยุทธ์ที่ควรโฟกัสในปี 2025 ได้แก่
- สร้าง Backlink แบบธรรมชาติ (Organic Backlink)
หลีกเลี่ยงการซื้อหรือแลกลิงก์จำนวนมาก เพราะ Google สามารถตรวจจับได้ง่ายในยุคนี้ ควรเน้นการสร้างคอนเทนต์คุณภาพที่คนอยากอ้างอิงเอง เช่น บทความให้ความรู้ รายงานสถิติ หรือคู่มือการใช้งานที่มีประโยชน์จริง - ใช้ Guest Post อย่างมีกลยุทธ์
การเขียนบทความในเว็บไซต์อื่นที่มี Authority สูง พร้อมแทรกลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ยังคงได้ผลดี เพียงแต่ควรเลือกเว็บที่เนื้อหามีความเกี่ยวข้องและมีผู้ชมจริง - ตรวจสอบลิงก์เสีย (Broken Links)
ควรตรวจสอบลิงก์ที่ไม่ทำงานหรือชี้ไปหน้า 404 เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้คะแนน PageRank ลดลง การแก้ไขลิงก์เสียและ Redirect อย่างถูกต้องจะช่วยรักษาคะแนนไว้ได้ - อัปเดตคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ
เว็บไซต์ที่มีบทความใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา Google จะมองว่าเป็นเว็บที่ “Active” และมีแนวโน้มได้รับคะแนน PR สูงกว่าเว็บที่ไม่มีการอัปเดตนานหลายเดือน - ทำ Internal Linking ที่ชาญฉลาด
อย่ามองข้ามพลังของลิงก์ภายในเว็บไซต์ (Internal Link) เพราะมันช่วยกระจายพลัง PageRank จากหน้าหลักไปยังหน้ารอง ทำให้ทุกหน้าได้รับคะแนนและเพิ่มโอกาสติดอันดับได้พร้อมกัน
สรุป
การทำ Google Page Rank คือสิ่งที่สำคัญสิ่งหนึ่งในการทำ SEO หากต้องการทำให้เว็บไซต์มีอันดับที่สูงขึ้น การเสริมคะแนนให้กับหน้าต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ขั้นตอนในการปรับปรุงก็ยังทำได้ง่ายๆ หากนำไปปรับปรุงกับการทำเว็บไซต์ของคุณแล้วละก็ เพียงไม่นานอันดับของเว็บไซต์ของคุณจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน
แม้ค่า PageRank จะไม่ปรากฏให้เห็นเหมือนเมื่อก่อน แต่แนวคิดและหลักการยังคงมีผลอยู่ในระบบจัดอันดับของ Google การเข้าใจกลไกเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์วางแผนสร้างลิงก์อย่างมีคุณภาพมากขึ้น
หากคุณต้องการให้เว็บไซต์มีอันดับดีขึ้นในผลการค้นหาของ Google แต่ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากตรงไหน SEOGURU.ONE พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการทำ SEO และกลยุทธ์เพิ่มคะแนน PageRank อย่างถูกวิธี โดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจทั้งระบบอัลกอริทึมเก่าและเทคนิค SEO ยุคใหม่ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณ “แรง” และ “ติดอันดับ” ได้อย่างมั่นคงในระยะยา
หากสนใจและต้องการทำให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นไปอยู่ในอันดับ 1 ของการค้นหาใน Google สามารถเข้ามาปรึกษาการทำ SEO กับทาง SEOGURU ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเว็บไซต์ที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี การันตีผลงานการทำเว็บไซต์นับ 100 เว็บไซต์ มีทีมงานมืออาชีพเป็นผู้ช่วย หากสนใจต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ ไลน์@ ของเราได้เลย


