SEM คืออะไร? เข้าใจความต่างของ SEO กับ SEM สำหรับ Marketer ยุคใหม่

SEM

เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการทำการตลาดออนไลน์และธุรกิจในปัจจุบันเลยทีเดียวสำหรับ SEM หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเพิ่มยอดขายและโอกาสการเติบโตให้แก่ธุรกิจ เป็นตัวช่วยดีๆ ที่จะทำให้คุณปูรากฐานของการแบรนด์ให้มีความแข็งแรงและสามารถต่อยอดได้สูงขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเริ่มต้นใช้กลยุทธ์นี้ในการทำการตลาดออนไลน์ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจอย่างละเอียดเพื่อให้คุณสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในวันนี้ SEOGURU จะมาแนะนำเกี่ยวกับความหมายของ SEM คือ และข้อควรรู้ต่างๆ ที่จะเป็นแนวทางที่ดีสำหรับการดำเนินธุรกิจของคุณ

ทำความรู้จัก Search Engine Marketing คืออะไร?

SEM

SEM ย่อมาจาก Search Engine Marketing เป็นรูปแบบการทำการตลาดผ่านทาง Search Engines ยกตัวอย่างเช่น Yahoo, Google หรือ Bing เป็นต้น การทำการตลาดรูปแบบนี้จะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของธุรกิจนั้นๆ ขึ้นหน้าแรกของการค้นหาหรือติดอันดับหน้าแรก อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มการเข้าถึงและสร้าง Traffic ที่ดีให้แก่แบรนด์อีกด้วย และนั่นก็จะเป็นช่องทางสำคัญสำหรับการเพิ่มโอกาสขายและปิดการขายได้สำเร็จ การทำการตลาดแบบ SEM เป็นกลยุทธ์ทางออนไลน์ที่มักจะทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิดว่าต้องเสียเงินในการดันอันดับของเว็บไซต์ แต่แท้จริงแล้วสามารถที่จะทำโดยไม่เสียเงินก็ได้เช่นกัน ซึ่งเราสามารถแบ่งการตลาดรูปแบบนี้ออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ SEO (Search Engine Optimization) และ PPC (Pay per Click)

SEO หรือ Search Engine Optimization

เป็นรูปแบบการทำการตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากเลยทีเดียว สำหรับ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกหรือติดอันดับในหน้าที่หนึ่งของการค้นหารูปแบบ Search Engine อย่างเช่น Google, Yahoo หรือ Bing เป็นต้น โดยการทำ SEO นั้นจะเป็นการปรับแต่งพร้อมพัฒนาเว็บไซต์ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งการทำการตลาดประเภทนี้จะไม่ต้องเสียเงินหรือต้องซื้อโฆษณาสำหรับการดันอันดับ โดยจะมีผลลัพธ์ในการดำเนินการแบบ Organic Search ที่จะดำเนินการอย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง

การปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อทำ SEO สามารถแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ On-page SEO, Off-page SEO และ Technical SEO โดยแต่ละรูปแบบมีรายละเอียด ดังนี้

  • SEO On-page เป็นรูปแบบของการเขียนบทความ SEO โดยจะมีการปรับแต่งด้วยคอนเทนต์ในเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ มีความเหมาะสมและสามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้อ่าน ผู้เข้าขมเว็บไซต์และลูกค้า โดยจะมีจุดสำคัญก็คือ Keyword ที่จะถูกนำไปใช้ในบทความหรือคอนเท้นต์อย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้เข้าชมหรือลูกค้าสามารถที่จะค้นหาได้ง่ายผ่านทาง Keyword ซึ่งจะต้องทำการเขียนบทความหรือทำคอนเทนต์ให้มีเนื้อหาที่มีคุณภาพด้วย
  • Off-page SEO เป็นรูปแบบของการทำ SEO ที่จะดำเนินการผ่านทางภายนอกเว็บไซต์ ยกตัวอย่างเช่น การทำ Backlink ที่ถ้าหากมีการทำ Backlink เข้ามาที่เว็บไซต์มากก็จะทำให้มีคะแนนของเว็บไซต์ที่ดี เนื่องจากอัลกอริทึมของ Google จะมองว่าเว็บไซต์ของคุณน่าเชื่อถือ และช่วยดันอันดับให้ติดหน้าแรกของการค้นหาได้ง่าย อีกหนึ่งตัวอย่างก็คือ การสร้างตัวตนให้แก่แบรนด์หรือการทำให้ธุรกิจเป็นที่พูดถึงผ่านแพลตฟอร์มโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ยิ่งแบรนด์มีการพูดถึงในโลกออนไลน์มาก็เท่าไหร่ ก็จะส่งผลต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์
  • Technical SEO เป็นรูปแบบของการปรับแต่งภายในเว็บไซต์ด้วยการใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อให้ทางอัลกอริทึมของ  Google เพิ่มคะแนนของเว็บไซต์ให้สูงยิ่งขี้น ยกตัวอย่างเช่น การปรับแต่งให้หน้าของเว็บไซต์มีความรวดเร็วในการใช้งาน, การทำ UX/UI ที่มีประสิทธิภาพและมีความเป็นมิตรต่อผู้อ่าน ผู้ใช้งานเว็บไซต์และลูกค้า, ประสิทธิภาพในการรักษาข้อมูลส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน เป็นต้น

PPC หรือ Pay Per Click

รูปแบบที่ได้รับความนิยมในการทำการตลาดแบบ SEO ก็คือ PPC ที่ย่อมาจาก Pay Per Click โดยจะเป็นการจ่ายเงินสำหรับซื้อโฆษณาในหน้าการค้นหาหรือ Search Engine สำหรับพื้นที่ที่ได้มีการกำหนดไว้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากคุณต้องการค้นหาเสื้อผ้าสวยๆ และมีผลการค้นหาที่ขึ้นมาในบนสุดหรือล่างสุดของหน้าการค้นหาพร้อมมีสัญลักษณ์การสนับสนุนหรือสปอนเซอร์ นั่นหมายถึงการซื้อโฆษณา ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็น Paid Serch ซึ่งจะเป็นการซื้อเพื่อลงโฆษณาของเว็บไซต์นั่นเอง

Paid Search ของ Google ที่หลายคนรู้จักและมักจะได้ยินชื่อบ่อยๆ ก็คือ Google Ads ซึ่งต้องบอกเลยเป็นการดำเนินการที่ง่ายและเข้าใจได้ไม่ยาก โดย  PPC จะเป็นการประมูลราคาของคีย์เวิร์ด ซึ่งจะเรียกกันว่า Bidding ส่วนทางด้านการจ่ายเงิน จะมีการคิดเงินตามจำนวนของการคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ผ่านทางคลิกในหน้าโฆษณา Google นั่นเอง ซึ่ง Google จะไม่มีการเรียกเก็บเงินถ้าหากไม่มีจำนวนการคลิก

ความแตกต่างระหว่าง SEM และ SEO

SEM

sem seo แตกต่างกันอย่างไร โดยทั้งสองรูปแบบจะมีเป้าหมายเดียวสำหรับการใช้งานคือ การดันอันดับของเว็บไซต์ การทำให้เว็บไซต์สามารถติดอันดับหน้าแรกของ Google หรือ Search Engine ได้สำเร็จ โดยทั้งสองรูปแบบจะมีจุดเด่นและข้อจำกัด แตกต่างกันไป ซึ่งเราได้สรุปมาเป็นแนวทางสำหรับการข้อมูลให้แก่คุณ

จุดเด่นของ Search Engine Marketing

  • ใช้จำนวนคนในการทำงานน้อย ใช้แค่เพียงเครื่องมือไม่กี่อย่างเท่านั้น ได้แก่ ระบบโฆษณาและ Landing Page
  • สามารถที่จะสร้างกลุ่มเป้าหมายในการโฆษณาให้เหมาะสมกับเว็บไซต์ไดั
  • การซื้อโฆษณาสามารถเห็นผลได้ทันทีในระยะเวลาแค่เพียง 24 ชั่วโมง
  • กำหนดการเปิดและปิดของโฆษณาได้และสามารถกำหนดช่วงเวลาในการโฆษณาได้

ข้อจำกัดของการทำ Search Engine Marketing

  • ต้องใช้งบประมาณที่ค่อนข้างสูงและต่อเนื่องในการสร้างอันดับการค้นหา
  • ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในการทำโฆษณา ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงได้
  • มีความซับซ้อนเกี่ยวกับการประมูลราคาหรือ Bidding ที่จะส่งผลต่อการทำการตลาด

จุดเด่นของ Search Engine Optimization

  • เป็น Traffic แบบออแกนิกหรือเป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่มีการจำกัดจำนวนในการคลิก
  • ผลลัพธ์แสดงตลอด 24 ชั่วโมง
  • ไม่ต้องเสียเงินสำหรับซื้อโฆษณาใดๆ ทั้งสิ้น
  • สร้างความเชื่อถือให้แก่เว็บไซต์และธุรกิจ
  • สามารถสร้างยอดขายได้ในระยะยาว

ข้อจำกัดของการทำ Search Engine Optimization

  • ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูงในการทำ SEO ทีมงานต้องมีความเป็นมืออาชีพและมีความรู้เฉพาะด้าน
  • SEO มีการแข่งขันสูง ต้องใช้เวลาในการทำ อย่างน้อย 6 เดือน และต้องใช้ความสม่ำเสมอและต่อเนื่องอีกด้วย
  • ถึงแม้จะติดอันดับแล้ว ก็ต้องทำการอัปเดตต่อเนื่อง เพื่อให้อันดับอยู่ต่อเนื่อง

ควรทำการตลาดแบบ SEM หรือ SEO ดี?

SEM

ถ้าหากคุณมีคำถามว่าควรทำการตลาดแบบไหนดี แนะนำให้คุณสำรวจธุรกิจและเว็บไซต์อย่างละเอียด รวมถึงตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งถ้าหากคุณกำลังเพิ่งเริ่มต้นสร้างแบรนด์ เริ่มต้นทำธุรกิจ หรือเพิ่งเปิดตัวเว็บไซต์ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แนะนำให้ทำทั้ง sem seo ควบคู่กันไป จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ในปัจจุบันการค้นหาผ่านทาง  Google ได้รับความนิยมอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นอันดับ 1 ด้าน Search Engine ที่มีอิทธิพลมากที่สุด การทำการตลาดแบบ Search Engine Marketing เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างการเข้าถึงที่ดีที่สุดให้แก่เว็บไซต์ สามารถเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ทำให้คุณพร้อมสำหรับการเปิดร้านผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้ลูกค้าได้เข้ามาเลือกชมได้ตลอด 24 ชั่วโมง และนั่นคือโอกาสที่ดีในการขายและการเติบโต

สรุป

ปัจจุบันการทำการตลาดแบบ Search Engine Marketing ได้รับความนิยมอย่างมาก ยิ่งถ้าหากคุณมีความรู้ความเข้าใจ มีการเตรียมความพร้อมที่ดี ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพได้อย่างเกิดผลมากที่สุด แต่ถ้าท่านต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน SEO มาช่วยจัดการตรงนี้เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ในระยะยาว SEOGURU พร้อมให้คำปรึกษาฟรี ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ เรายินดีให้บริการ