SERP คืออะไร ทำไมคนทำ SEO จำเป็นต้องรู้

serp

Search Engine Results Page หรือ SERP คือ สิ่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ทำ SEO เนื่องจากเป็นตัวช่วยที่จะทำให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับ Search Engine มากยิ่งขึ้น ในบทความนี้จะทำให้คุณจะเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างของการทำเอสอีโอ

SERP คืออะไร ?

SERPs คือ

SERP ย่อมากจากคำว่า Search Engine Results Page เป็นเครื่องมือในการช่วยแสดงการค้นหาบน Google Serps แต่นอกจากจะช่วยในการแสดงการค้นหาแล้ว การค้นหาภายใต้การทำงาน Search Engine Results Page ยังได้แบ่งการค้นหาออกเป็น 2 แบบได้แก่ Organic Paid และ Paid SERP

  • Organic SERP Listings การแสดงผลการค้นหาอันดับ Ranking Web แบบ Organic เป็นการแสดงการค้นหาแบบธรรมชาติ เป็นรูปแบบการแสดงผลการค้นหาที่ทุกคนต้องการ รูปแบบการแสดงของการค้นหาแบบนี้ จะแสดงผลการค้นหาทั้งหมด 10 ตำแหน่งด้วยกัน
  • Paid SERP Listing การแสดงผลการค้นหาสำหรับโฆษณาโดยเฉพาะ โดยการแสดงการค้นหาแบบนี้จะแสดง Sponsored Links ถึง 7 ตำแหน่งด้วยกัน ได้แก่ ด้านบน 4 และด้านล่าง 3 เป็นต้น และในส่วนตรงกลางจะเป็นการแสดงผลการค้นหาแบบ Organic SERP Listings

การทำงานของ SERPs มีส่วนประกอบอะไรบ้าง

serps google

องค์ประกอบต่างๆภายใต้การทำงานของ SERP ประกอบไปด้วยส่วนต่างๆหลายส่วน ดังนั้นนอกจากจะเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทำงานของ SERP อีกสิ่งสำคัญคือการเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบการทำงานของ SERPs

  • Search ชองการแสดงการค้นหา Keyword ที่ต้องการ สามรรถใช้การค้นหาด้วยการพิมพ์ , ใช้เสียง , หรือใช้รูปในการค้นหา
  • Featured Snippet ข้อความที่จะแสดงการค้นหาของเว็บไซต์ที่อาจตรงกับสิ่งที่ผู้ค้นหาต้องการมากที่สุด เป็นการแสดงหัวข้อของข้อมูลของการค้นหาเพียงเท่านั้น หากต้องการอ่านเพิ่มเติม ต้องคลิกเพื่อไปหารายละเอียดที่ต้องการเพิ่ม
  • URL หรือ Sitelinks ชื่อของเว็บไซต์ที่แสดงข้อมูลการค้นหา ซึ่งหากเป็นเว็บไซต์ที่ตรงกับแบรนด์หรือสินค้าที่ต้องการ อาจช่วยทำให้ผู้ค้นหามั่นใจในเว็บไซต์ได้มากยิ่งขึ้น
  • Meta Title หัวข้อเว็บไซต์ที่แสดงผลการค้นหาในสิ่งที่ผู้ค้นหาต้องการ
  • Meta Description คำอธิบายสั้นๆเกี่ยวกับข้อมูลหรือสินค้าในหน้าเว็บไซต์ มีความยาว 100 – 160 คำ
  • Byline date เป็นการแสดงวันที่ที่เว็บไซต์เหล่านั้นถูกเผยแพร่
  • SEM (Search Engine Marketing) การแสดงผลการค้นหาแบบมีโฆษณาจาก GoogleAds

การทำงานของ Google Serps มีประโยชน์อย่างไร

google serps

การแสดงผลการค้นหาแบบ Google SERPs จะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้ผู้ที่ต้องการค้นหาหรือต้องการข้อมูล ได้รับสิ่งที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด เนื่องจากทางกูเกิ้ลจะทำการดึงข้อมูลหรือหน้า Page ที่มีความเกี่ยวข้องมาแสดงบนหน้าการค้นหาของคุณ ดังนั้นทุกครั้งที่หาข้อมูล คุณก็จะมีโอกาสได้เจอกับข้อมูลที่ต้องการนั่นเอง

ติดอันดับแรกของการค้นหา Google SERPs ดียังไง

  • ช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ เนื่องจากค้นส่วนใหญ่มักเลือกที่จะคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ที่อยู่ในอันดับแรกๆของการค้นหาเท่านั้น และเมื่อได้เจอกับสิ่งที่ต้องการ อาจจะทำให้ผู้ค้นหาตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์หรือการบริการของเว็บไซต์เหล่านั้น
  • การทำ Content Marketing เป็นตัวช่วยที่ประหยัดค่าใช้จ่าย เมื่อเว็บไซต์อยู่ในหน้าแรกหรืออันดับต้นๆของการค้นหา ทำให้คุณประหยัดงบในการทำการตลาด ไม่ต้องเสียเงินในการซื้อโฆษณา ที่สำคัญการที่เว็บไซต์ติดอันดับแบบธรรมชาติ อันดับสลับขึ้นหรือลง แต่มีโอกาสที่อันดับจะอยู่คงต่อเป็นเวลานาน
  • สามารถนำข้อมูลที่ได้มาช่วยวิเคราะห์ในการสร้างเว็บไซต์ หากเว็บไซต์ขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆของการค้นหาได้ คุณก็สามารถที่จะเข้าใจเกี่ยวกับการทำเว็บไซต์ เข้าใจเกี่ยวกับการทำอันดับ และอาจจะทำให้คุณสามารถขยายธุรกิจอื่นๆได้ง่ายยิ่งขึ้น

วิธีทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหารของ SERP

  • ทำคอนเทนต์หรืออธิบายข้อมูลที่เป็นความจริง ใส่ข้อมูลให้ถูกต้อง อธิบายข้อมูลอย่างละเอียด หากแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ บอทของกูเกิ้ลจะให้คะแนนความน่าเชื่อถือกับเว็บไซต์สูง
  • ทำคอนเทนต์ด้วยบทความที่มีความแปลกใหม่ ไม่ใช้การก็อปปี้หรือรีไรท์จากเว็บไซต์อื่นๆ
  • วางโครงสร้างของเว็บไซต์ให้น่าสนใจ
  • ใช้คีย์เวิร์ดในการทำคอนเทนต์ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อทำให้กูเกิ้ลเข้าใจว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับอะไร
  • ควรแทรก Link ไปยังบทความและหน้าอื่นๆของเว็บไซต์ เพื่อเชื่อมโยงผู้อ่าน รวมถึงทำให้บอทของกูเกิ้ลเข้าใจเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น
  • Off-PageSEO ควรทำ Backlink จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ อ้างอิงข้อมูจากเว็บที่น่าเชื่อถือ รวมถึงใช้ Social Media อื่นๆมาเป็นตัวช่วย *แต่สำหรับท่านที่อยากรู้จัก SEO คืออะไร สำคัญยังไงกับการทำเว็บไซต์ เข้าไปหาคำตอบกันได้เลย

เทรนด์การอัปเดต SERP ของ Google ในปี 2025

ในปี 2025 Google ได้พัฒนา SERP ให้มีความฉลาดและเข้าใจผู้ใช้งานมากกว่าเดิม ไม่เพียงแค่แสดงผลลัพธ์การค้นหา แต่ยังวิเคราะห์เจตนาของผู้ค้นหา (Search Intent) เพื่อคัดเลือกข้อมูลที่ “ตรงใจที่สุด” ขึ้นมาให้ก่อนเสมอ ปัจจุบันหน้า SERP ของ Google มีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น เช่น

  • AI Overview (หรือ SGE – Search Generative Experience) ที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ช่วยสรุปคำตอบให้โดยอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจข้อมูลได้ภายในไม่กี่วินาทีโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บไซต์
  • People Also Ask (PAA) ที่กลายเป็นแหล่งรวมคำถามยอดนิยมของผู้ใช้ ซึ่งหากเว็บไซต์ของคุณมีคำตอบในหมวดนี้ได้ จะช่วยเพิ่ม CTR ได้อย่างมาก
  • Rich Snippets และ Schema Markup ซึ่งเป็นการแสดงผลแบบพิเศษ เช่น รีวิวดาว ราคา หรือรูปภาพประกอบ ทำให้ผลลัพธ์โดดเด่นกว่าคู่แข่ง

ดังนั้น คนทำ SEO ในยุคนี้ไม่สามารถเน้นเพียงแค่ “อันดับ” ได้อีกต่อไป แต่ต้องเข้าใจโครงสร้างของ SERP ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อใช้ประโยชน์จากทุกพื้นที่ในการเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์

วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้กับผลลัพธ์ SERP

สิ่งที่น่าสนใจคือพฤติกรรมของผู้ใช้งาน (User Behavior) ในหน้า SERP เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่ผู้ใช้มักคลิกผลลัพธ์อันดับ 1–3 เท่านั้น ปัจจุบันผู้ใช้งานเริ่มมีพฤติกรรม “อ่านก่อนคลิก” มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการแสดงผลแบบ AI Overview หรือ Featured Snippet อยู่ด้านบนสุด

นอกจากนี้ CTR (Click Through Rate) ของหน้าแรกยังขึ้นอยู่กับลักษณะของคีย์เวิร์ด เช่น

  • คีย์เวิร์ดที่เป็น “คำถาม” มักได้คลิกจาก Featured Snippet
  • คีย์เวิร์ดที่เป็น “สินค้า” มักได้คลิกจากผลการค้นหาที่มีภาพสินค้า ราคา และรีวิว (Shopping Ads หรือ Product Schema)
  • ส่วนคีย์เวิร์ด “แบรนด์” จะได้ผลลัพธ์ที่มี Sitelink และแสดงความน่าเชื่อถือมากกว่า

ดังนั้นการทำ SEO ให้ติดหน้าแรกไม่พออีกต่อไป แต่ต้องเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้ที่อยู่บน SERP ด้วย เพื่อปรับกลยุทธ์คอนเทนต์ให้เหมาะกับรูปแบบการค้นหาของกลุ่มเป้าหมาย เช่น การเพิ่ม FAQ ในบทความ หรือการทำ Metadata ให้น่าสนใจมากขึ้นเพื่อดึงดูดให้คลิก

เทคนิคเพิ่มโอกาสติดอันดับบน SERP ในยุค AI

เมื่อ Google พัฒนาอัลกอริธึมที่ซับซ้อนขึ้น สิ่งที่นักทำ SEO ควรโฟกัสคือ “คุณภาพของคอนเทนต์” มากกว่าการยัดคีย์เวิร์ดแบบเดิม ๆ เทคนิคที่ควรใช้ในปี 2025 ได้แก่

  1. เขียนคอนเทนต์แบบ E-E-A-T (Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness)
    หมายถึงเนื้อหาที่แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนมีประสบการณ์จริงในเรื่องนั้น ๆ และมีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ การใส่ชื่อผู้เขียน ลิงก์อ้างอิง หรือข้อมูลอัปเดตล่าสุด ล้วนช่วยให้ Google ให้คะแนนสูงขึ้น
  2. ปรับเว็บไซต์ให้เหมาะกับ Mobile-First Index
    เพราะกว่า 80% ของผู้ใช้ค้นหาผ่านมือถือ SERP จึงแสดงผลตามประสบการณ์ผู้ใช้บนอุปกรณ์พกพา หากเว็บไซต์โหลดช้า ภาพใหญ่ หรือโครงสร้างไม่เหมาะกับมือถือ จะเสียอันดับได้ง่ายมาก
  3. ใช้โครงสร้างข้อมูล (Schema Markup)
    เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจประเภทของข้อมูลบนเว็บ เช่น รีวิว บทความ ข่าว หรือสินค้า การใช้ Schema จะเพิ่มโอกาสให้เว็บของคุณปรากฏในรูปแบบ Rich Snippet หรือ Knowledge Panel ได้ง่ายขึ้น
  4. อัปเดตเนื้อหาเก่าอย่างต่อเนื่อง (Content Refresh)
    Google ให้ความสำคัญกับความสดใหม่ของเนื้อหา การอัปเดตบทความเก่า เช่น เพิ่มข้อมูลปีล่าสุด หรือปรับโครงสร้างให้อ่านง่ายขึ้น จะช่วยให้หน้าเว็บกลับมาติดอันดับได้อีกครั้ง
  5. ใช้ Tools วิเคราะห์ SERP เช่น Google Search Console หรือ Ahrefs
    เพื่อดูว่าคำค้นไหนทำอันดับดี คำไหนควรปรับปรุง และหน้าเว็บใดมีโอกาสไต่ขึ้นอันดับได้ง่ายที่สุด การใช้ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้กลยุทธ์ SEO มีทิศทางและวัดผลได้จริง

สรุปแนวโน้มการเข้าใจ SERP ในปี 2025

SERP ไม่ได้เป็นเพียง “หน้าผลการค้นหา” อีกต่อไป แต่เป็นพื้นที่การแข่งขันที่ซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง นักทำ SEO ต้องเรียนรู้ที่จะวิเคราะห์ผลลัพธ์ในแต่ละคำค้น เข้าใจเจตนาผู้ใช้ และใช้ข้อมูลจาก SERP เพื่อวางกลยุทธ์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

สำหรับธุรกิจหรือเจ้าของเว็บไซต์ที่อยากให้เว็บของตัวเองติดหน้าแรก Google อย่างมั่นคงในยุค AI สามารถ ขอคำปรึกษาจาก SEOGURU ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ที่พร้อมช่วยวางกลยุทธ์ ตั้งแต่การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด การปรับเว็บไซต์ ไปจนถึงการสร้างคอนเทนต์คุณภาพ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับที่เหนือกว่าคู่แข่งได้อย่างยั่งยืน