URL ภาษาไทย กับ URL อังกฤษ ต่างกันยังไง? พร้อมแนวทางใช้งานเพื่อ SEO

URL ภาษาไทย

ในโลกของการทำเว็บไซต์และ SEO เราคงคุ้นเคยกับคำว่า URL กันดี เพราะมันคือสิ่งแรกที่ทั้งผู้ใช้และ Google มองเห็นเวลาจะเข้าถึงเนื้อหาของคุณ แต่เคยสงสัยไหมว่า URL ภาษาไทย กับ URL ภาษาอังกฤษ แบบไหนดีกว่ากัน?

บางเว็บไซต์ใช้ URL แบบไทย เช่น
www.seoguru.co.th/seo-knowledge/แบรนด์คู่แข่ง/
แต่บางเว็บกลับใช้แบบอังกฤษล้วน เช่น
www.seoguru.co.th/seo-knowledge/alt-text

แล้วแบบไหนกันแน่ที่เหมาะกับการทำ SEO? หรือจะเลือกตามใจเจ้าของเว็บก็ได้?
บทความนี้จาก SEOGURU จะมาไขคำตอบให้แบบมืออาชีพ พร้อมแนะนำแนวทางการเลือกใช้ URL อย่างถูกต้องทั้งเพื่อคนและเพื่อ Google

URL คืออะไร ?

URL คืออะไร

URL ย่อมาจาก Uniform Resource Locator หรือที่เราเรียกง่ายๆ ว่า “ลิงก์เว็บไซต์” หรือ “ที่อยู่ของหน้าเว็บ” นั่นเอง ตัวอย่างเช่น

https://www.seoguru.co.th/blog/seo-คืออะไร

URL ทำหน้าที่เป็นที่อยู่ของข้อมูลบนเว็บไซต์ ซึ่งสามารถพาเราตรงไปยังหน้าที่เราต้องการอ่านหรือใช้งานได้ทันที

โครงสร้างของ URL โดยทั่วไปประกอบด้วย

  • Protocol: เช่น http:// หรือ https://
  • Domain Name: เช่น www.seoguru.co.th
  • Path: ส่วนต่อท้าย เช่น /บริการรับทำ-seo หรือ /seo-services
  • Query String: (ถ้ามี) เช่น ?id=123&category=seo

ในบทความนี้เราจะเน้นที่ส่วน Path เพราะเป็นส่วนที่เราสามารถเลือกใช้ URL ไทย หรือ URL อังกฤษ ได้อย่างอิสระ

URL ภาษาไทย VS URL อังกฤษ ต่างกันอย่างไร?

URL ไทย และ URL ภาษาอังกฤษ แตกต่างกันยังไง พร้อมบอกทั้งข้อดีและข้อเสีย

URL ภาษาไทย VS URL อังกฤษ ต่างกันอย่างไร

1. URL ไทย

URL ไทยคือการใช้คำภาษาไทยใน path ของ URL โดยตรง เช่น
www.example.com/ตัดผมชาย
หรือ
www.seoguru.co.th/บริการรับทำ-seo

ข้อดีของ URL ภาษาไทย

  • สื่อสารกับคนไทยได้ทันที: เข้าใจง่าย คนเห็น URL ก็รู้ทันทีว่าเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
  • เป็นมิตรกับผู้ใช้: หากลิงก์ถูกแชร์บนโซเชียลแล้วเห็นเป็นภาษาไทย จะน่าเชื่อถือมากกว่า URL ที่เป็นตัวอักษรแปลกๆ
  • อาจส่งผลดีต่อ SEO สำหรับคำค้นหาแบบภาษาไทย: Google อ่านภาษาไทยได้ และหากคีย์เวิร์ดอยู่ใน URL ก็มีผลช่วยเรื่องการจัดอันดับเล็กน้อย

ข้อเสียของ URL ไทย

  • URL จะถูก encode เป็นชุดตัวอักษรยาวๆ เมื่อ copy ไปวางที่อื่น เช่น

/บริการรับทำ-seo → /%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B3-seo
ทำให้ดูไม่สวยงาม และยากต่อการจดจำหรือพิมพ์ซ้ำ

  • อาจเกิดปัญหากับบางระบบ CMS หรือปลั๊กอิน ที่รองรับภาษาไทยไม่สมบูรณ์
  • ไม่เป็นสากล ถ้าเว็บไซต์ของคุณต้องการเติบโตสู่ตลาดต่างประเทศ

2. URL ภาษาอังกฤษ

URL ภาษาอังกฤษ คือการใช้คำหรือวลีภาษาอังกฤษใน path เช่น
www.seoguru.co.th/seo-services
หรือ
www.example.com/haircut-men

ข้อดีของ URL ภาษาอังกฤษ

  • ดูสะอาดและเป็นมาตรฐานสากล: โดยเฉพาะเมื่อแชร์บนโซเชียลหรือเว็บไซต์อื่น
  • ไม่เกิดปัญหาการ encode: ทำให้ลิงก์ดูสะอาด แม่นยำ และใช้งานได้กับทุกระบบ
  • รองรับการใช้งานข้ามประเทศ: หากเว็บไซต์ของคุณมีแผนจะทำ SEO ระดับสากล หรือรองรับผู้ใช้หลายภาษา

ข้อเสียของ URL ภาษาอังกฤษ

  • ผู้ใช้คนไทยบางส่วนอาจไม่เข้าใจทันทีว่าเนื้อหาคืออะไร โดยเฉพาะคำเฉพาะทาง
  • ต้องใช้เวลาเขียน URL ให้สื่อสารดีพอๆ กับภาษาไทย เช่น ไม่ใช้คำที่ยาวหรือยากเกินไป

URL แบบไหนดีต่อ SEO มากกว่า?

คำตอบคือ… ทั้งสองแบบสามารถทำ SEO ได้ดี ถ้าใช้อย่างถูกต้อง

Google ไม่ได้ให้คะแนนพิเศษกับภาษาใดภาษาหนึ่งเป็นพิเศษ
แต่จะให้ความสำคัญกับ “ความสัมพันธ์ของเนื้อหาใน URL กับคำค้นหา”
ดังนั้นหากเว็บไซต์ของคุณเป็นภาษาไทยทั้งหมด การใช้ URL ไทย ที่มีคีย์เวิร์ดตรงก็ช่วยเรื่องความเกี่ยวข้องได้จริง
เช่น:

  • บทความหัวข้อ: บริการรับทำ SEO สำหรับธุรกิจใหม่
  • URL: www.seoguru.co.th/บริการรับทำ-seo
    → จะสัมพันธ์กับหัวข้อ คีย์เวิร์ด และสื่อสารกับคนไทยได้ดีมาก

แต่หากคุณทำเว็บไซต์แบบ bilingual หรือเป็น e-commerce ที่ต้องขยายสู่ต่างประเทศ การใช้ URL ภาษาอังกฤษ จะยืดหยุ่นและปลอดภัยกว่าในระยะยาว

แนวทางแนะนำจาก SEOGURU ควรเลือกใช้แบบไหนดี?

หากคุณยังลังเลว่าจะเลือกใช้ URL ไทย หรือ URL อังกฤษ ดี ให้ลองพิจารณาตามแนวทางนี้:

ใช้ URL ภาษาไทย หาก

  • เว็บไซต์ของคุณเน้นกลุ่มเป้าหมายคนไทย 100%
  • ต้องการสื่อสารกับผู้ใช้ในประเทศโดยตรง
  • ต้องการให้ URL มีความเกี่ยวข้องกับคำค้นหาไทยแบบตรงไปตรงมา

ใช้ URL ภาษาอังกฤษ หาก

  • เว็บไซต์ของคุณมีแนวโน้มจะเติบโตสู่ตลาดต่างประเทศ
  • ต้องการ URL ที่อ่านง่าย ใช้งานได้ดีในทุกระบบ
  • ใช้ CMS หรือปลั๊กอินที่อาจมีปัญหากับภาษาไทย

คำแนะนำจาก SEOGURU
หากใช้ URL ภาษาอังกฤษ ควรใช้คำที่สั้น สื่อความหมาย และมีคีย์เวิร์ดที่ตรงกับเนื้อหา เช่น
/seo-beginner-guide, /google-ranking-factors, หรือ /wordpress-seo-tips
หลีกเลี่ยงการใช้รหัสหรือคำย่อที่ไม่มีความหมาย เช่น /article-01 หรือ /page123

บทสรุป URL ภาษาไทย VS URL อังกฤษ

ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ URL ภาษาไทย หรือ URL อังกฤษ สิ่งสำคัญที่สุดคือ

  • URL ควรสั้น
  • อ่านง่าย
  • มีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง
  • และสื่อความหมายถึงเนื้อหาภายในได้ชัดเจน

หากคุณเน้นตลาดไทยอย่างเดียว URL ภาษาไทยอาจช่วยให้ Google และผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาได้เร็วขึ้น
แต่หากต้องการความยืดหยุ่น ความเสถียร และการขยายไปยังตลาดต่างประเทศ URL ภาษาอังกฤษยังคงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเป็นมืออาชีพที่สุด

SEOGURU พร้อมให้คำปรึกษาในการวางโครงสร้าง URL ทั้งภาษาไทยและอังกฤษแบบมืออาชีพ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณทำ SEO ได้เต็มประสิทธิภาพ พร้อมเติบโตได้ทั้งในประเทศและระดับสากล ติดต่อ SEOGURU เพื่อรับคำปรึกษา