ทำไม ? website authority ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ จึงสำคัญ

website authority หรือความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ มีผลต่อการทำ SEO ของเว็บไซต์คุณ ความน่าเชื่อถือสูงขึ้น = โอกาสที่ดีกว่าในการปรากฏเป็นอันดับแรกในผลการค้นหาของ Google

ตัวอย่างภาพรวมของคะแนนความน่าเชื่อถือของ SEO GURU ใน Semrush

คะแนนความน่าเชื่อถือของ SEO GURU คือ 60 และมีโปรไฟล์ลิงก์ย้อนกลับที่ดี

ทำไมสิ่งนี้ถึงสำคัญ ?

เราสามารถทำอันดับเหนือ MailChimp, Semrush และ Moz สำหรับคำค้นหาที่แข่งขันสูงได้เช่นกัน

เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ คุณต้องเข้าใจคะแนนของคุณ ดังนั้น เราจึงสร้างเครื่องมือฟรีจาก Semrush เพื่อให้คุณเข้าถึงข้อมูลเพียงพอในการพัฒนาแผน

เครื่องมือนี้จะเจาะลึกถึงแบล็คลิงก์ที่ทำให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงวิธีรายงานเครื่องมือต่างๆ กลยุทธ์ในการสร้างยอดเข้าชมยังเว็บไซต์

ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์คืออะไร ?

ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์วัดความน่าจะเป็นที่เว็บไซต์จะติดอันดับในผลการค้นหา เว็บไซต์ที่มีคะแนนสูงกว่ามีแนวโน้มที่จะปรากฏในผลลัพธ์อันดับต้นๆ และส่งต่อความน่าเชื่อถือไปยังเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงถึง

นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO สนใจความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ตั้งแต่แนวคิดนี้ถูกนำเสนอในเอกสารวิจัยเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือในปี 1999 หลังจากนั้น Google ก็ใช้การทำงานของอัลกอริธึมเพื่อให้คะแนนกับ PageRank

คะแนน PageRank ของเว็บไซต์อาจมีผลกระทบต่อผลการค้นหาของ Google ที่เป็นประโยชน์ต่อคุณ คะแนนนี้ขึ้นอยู่กับการเข้ามา Backlink รวมถึง External link ที่ออกไปจากเว็บไซต์ โดยเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงดูเหมือนจะมีผลกระทบมากกว่า

Matt Cutts อดีตหัวหน้าทีมเว็บสแปมของ Google อธิบายเพิ่มเติมในบล็อกโพสต์ปี 2009 ว่า

แต่เขาก็เตือนว่าอย่าใช้การปรับ PageRank หรือ “พยายามเปลี่ยนการทำลิงก์ออกของ PageRank ภายในเว็บไซต์ของคุณโดยใช้คุณลักษณะ ‘nofollow’”

แต่ดูเหมือนว่าเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการทำ SEO หลายคน ยังคงไม่หยุดหาแนวทางการสร้างคะแนนจากการทำ PageRank

แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าสิ่งที่ทำไปจะได้รับการคำนวณคะแนน PageRank ของ Google นั่นเพราะ Google ไม่เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้

อัลกอริธึม PageRank อันลึกลับของ Google ส่งผลให้เกิดการสร้างคะแนนความน่าเชื่อถือของโดเมน ระบบการให้คะแนนนี้ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO สามารถคำนวณ ติดตาม สิ่งที่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

นี่คือความพยายามที่ดีที่สุดของอุตสาหกรรม SEO ในการเลียนแบบ PageRank

ทำไมความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์จึงสำคัญต่อการทำ SEO

ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญต่อการขึ้นไปอยู่ลำดับต้นๆของการค้นหา Google หากเว็บไซต์ของคุณมีน่าเชื่อถือ ได้รับคะแนนจาก Google จำนวนมาก ก็จะมีโอกาสที่เว็บไซต์จะอยู่ในลำดับแรกของการค้นหาได้ในที่สุด

แต่ปัญหาในการทำอันดับเหนือคู่แข่ง นั่นคือคะแนนความน่าเชื่อถือของพวกเขาสูงกว่าของคุณมาก ดังนั้นเว็บไซต์ใหม่ๆ ที่ไม่มีประวัติลิงก์และมีเนื้อหาน้อยมักประสบปัญหาในการดึงดูดผู้เข้าชม

เปรียบเทียบเว็บไซต์ 2 เว็บไซต์เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่าง

เมื่อค้นหาคำว่า “สูตรอกไก่คีโต” เราพบว่า The Big Man’s World และ Eat Well 101 ปรากฏอยู่ในผลลัพธ์ หน้าแรก

The Big Man’s World อยู่ในลำดับแรกของการค้นหา ที่ปรากฏในรูปแบบ Rich Snippet สำหรับสูตรอาหาร

เว็บไซต์นี้มีคะแนนความน่าเชื่อถือจาก Semrush ที่ 59

Eat Well 101 ก็ปรากฏใน SERPs เช่นกัน แม้จะไม่มี Rich Snippet แต่ก็อยู่ใน 10 ผลลัพธ์การค้นหาในหน้าแรก

Eat Well 101 มีคะแนนความน่าเชื่อถือจาก Semrush ที่ 41 ซึ่งต่ำกว่าคะแนนของ Wholesomeyum.com ที่ 60 ซึ่งอาจหมายความว่า Wholesomeyum.com จะปรากฏสูงกว่าในผลลัพธ์บางรายการ

แต่มีข้อยกเว้นหรือไม่? และอายุของเว็บไซต์มีความสำคัญไหม?

เราค้นหาคำว่า “กิจกรรมสีสำหรับเด็ก” และพบเว็บไซต์สองแห่งใน SERPs:

1. Teaching Expertise
2. Crayola

ในฐานะแบรนด์ที่มีประวัติมากกว่า 100 ปี (พร้อมเว็บไซต์ที่จัดตั้งมาอย่างดี) Crayola มีคะแนน Authority Score สูงสุด (68) อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ Teaching Expertise กลับมีอันดับสูงกว่าใน SERP ด้วยคะแนน Authority Score ที่ 47

มันปรากฏก่อน Crayola สำหรับคำค้นหานี้

สิ่งนี้บอกอะไรเรา ?

ในขณะที่ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์มีความสำคัญ ะสามารถสัมพันธ์กับการจัดอันดับใน SERP ที่สูงขึ้น แต่ไม่ใช่ปัจจัยเดียว Google ยังพิจารณาสิ่งอื่นๆ เช่น ความมีประโยชน์ของเนื้อหาและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้

Google ต้องการรู้ว่าเนื้อหานั้นเกี่ยวข้องและสามารถตอบสนองตามที่สัญญาไว้ นี่เป็นเรื่องที่ยุติธรรม เว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง ไม่ได้หมายความว่ามีเนื้อหาที่ตรงกับสิ่งที่ผู้ค้นหาต้องการ

การกำหนดความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์สำหรับ Semrush, Ahrefs และ Moz

เครื่องมือจัดอันดับความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ที่ดีที่ในตอนนี้ได้แก่ Semrush, Ahrefs และ Moz แม้ว่าแต่ละเครื่องมือจะใช้อัลกอริธึมที่แตกต่างกัน แต่พวกเขามุ่งมั่นที่จะให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?

หนึ่งในเหตุผลทำให้เป็นเครื่องมือ SEO ที่ได้รับความนิยมในการทำ SEO เนื่องจากมีโดดเด่นที่มากกว่า รวมถึงการทำงานที่น่าสนใจมากกว่า

เช่นเดียวกับอัลกอริธึมของ Google อัลกอริธึมของพวกเขาไม่ได้โปร่งใสอย่างที่หลายคนคิด แต่เรารู้ว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการทำ SEO อย่างไรบ้าง

นี่คือการเปรียบเทียบการทำงานของเครื่องมือแต่ละอย่าง

• Semrush Authority Score (AS) : มีความโดดเด่นในการจัดอันดับที่ไม่เป็นธรรม เครื่องมือนี้อาจทำให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับการจัดอันดับที่แท้จริงได้
• Ahrefs Domain Rating (DR) : เครื่องมือที่มีฟีเจอร์ SEO เพื่อเสริมอัลกอริธึม DR ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับการแข่งขันของเว็บไซต์ แต่มีปัญหาเล็กน้อยตรงที่ไม่สามารถแสดงลิงก์ที่เข้ามาทั้งหมดได้
• Moz Domain Authority (DA) : เป็นเครื่องมือที่มีชื่อเสียงในฐานะ “ผู้บุกเบิก” แม้จะไม่มีการทำงานที่เหมือนกับ Semrush แต่ก็เป็นเครื่องมือที่หลายคนเลือกใช้มากที่สุด

คุณสามารถดูว่าแต่ละเครื่องมือจั ดการความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์อย่างไรในตารางนี้

Website Authority Tool	Rating
Semrush Authority Score	60
Ahrefs Domain Rating	90
Moz Domain Authority Score	72

Semrush: Authority Score (AS)

คะแนน Authority เป็นส่วนหนึ่งของการจัดอันดับที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Semrush ซึ่งได้รับการปรับปรุงในปี 2023 เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำงานและเข้าใจการปรับแต่งที่มากขึ้น

ทำไมการปรับแต่งจึงเป็นปัญหา ? ในช่วงเวลาที่ความน่าเชื่อถือของโดเมนเริ่มมีความสำคัญ เว็บไซต์ต่างๆได้อ้างว่าสามารถช่วยเพิ่มคะแนนความน่าเชื่อถือจาก Semrush ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาเพื่อให้แยกความแตกต่างของเว็บไซต์ที่มีคะแนนสูงอย่างไม่เป็นธรรม รวมถึงเว็บไซต์ที่มีคะแนนความน่าเชื่อถือตามจริง

ระบบการจัดอันดับมีตั้งแต่ 0-100 ในตัวอย่าง SEO GURU มีคะแนน 60 ถือว่า “เป็นเว็บไซต์ที่มีลิงก์ย้อนกลับที่ยอดเยี่ยม ลิงก์จากโดเมนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเว็บไซต์ของคุณ”

มีวิธีคำนวนคะแนนอย่างไร ?

Semrush ใช้ AI ในการกำหนดความน่าเชื่อถือโดยอ้างอิงจากเกณฑ์เหล่านี้ (เรียงตามลำดับความสำคัญจากมากไปหาน้อย)

1. พลังของลิงก์
2. ปริมาณผู้เข้าชมเว็บไซต์
3. เว็บไซต์ที่ยังไม่มีอันดับ
4. เปอร์เซ็นต์ของ dofollow ที่สูงผิดปกติ
5. ความไม่สมดุลระหว่างลิงก์และทราฟฟิกแบบออร์แกนิก
6. มีโดเมนอ้างอิงที่มาจาก IP เดียวกันมากเกินไป
7. มีโดเมนอ้างอิงที่อยู่ในเครือข่าย IP เดียวกันมากเกินไป
8. การมีเว็บไซต์อื่นที่มี Backlink Profile เหมือนกัน

การวิเคราะห์คะแนน

คะแนนความน่าเชื่อถือมักจะไม่มีคะแนนเต็ม 100 และมีเพียงไม่กี่เว็บไซต์ที่มีคะแนนสูงกว่า 90 คะแนน ซึ่งหมายความว่าคะแนนนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่บ่งบอกถึงความมีคุณภาพของเว็บไซต์ แต่เป็นเครื่องมือที่ใช้เปรียบเทียบระหว่างเว็บไซต์ต่างๆ มากกว่า

ตัวอย่าง เช่น ถ้าเราเปรียบเทียบเว็บบล็อกทั้งหมดที่เกี่ยวกับรองเท้า เว็บบล็อกใดจะมีคะแนนความน่าเชื่อถือสูงที่สุด

Semrush เป็นเครื่องมือ SEO ที่ให้คะแนนความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ แต่คะแนนที่ให้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจความหมายของคะแนนนั้นในความเป็นจริง

ตัวอย่าง เช่น เว็บไซต์ SEO GURU ได้รับคะแนนความน่าเชื่อถือ 60 ซึ่งถือว่าดีมาก และมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ คะแนนความน่าเชื่อถือไม่เพียงแค่เป็นตัวเลข แต่ยังอาจมีคำอธิบายเพิ่มเติมที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจความหมายของคะแนนนั้นได้ดียิ่งขึ้น

Ahrefs : Domain Rating (DR)

Ahrefs ให้คะแนนความน่าเชื่อถือของโดเมนโดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น จำนวนและคุณภาพของลิงก์ที่เชื่อมโยงมา DR เป็นตัวเลขที่ช่วยให้คุณเปรียบเทียบความน่าเชื่อถือของโดเมนหนึ่งกับโดเมนอื่นๆ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น จำนวนและคุณภาพของลิงก์ที่เชื่อมโยงมา

คะแนนความน่าเชื่อถือของโดเมน (DR) ของ Ahrefs ก็เหมือนกับตัวชี้วัดอื่นๆ อยู่ในช่วงระหว่าง 0 ถึง 100 อย่างไรก็ตาม Ahrefs ชี้แจงว่าคะแนน DR นั้นทำงานเกี่ยวข้องกับการวัดคุณภาพของ Logarithmic scale ซึ่งหมายความว่าการเพิ่มคะแนนจาก 70 เป็น 71 นั้นยากกว่าการเพิ่มจาก 20 เป็น 21

ยิ่งคะแนนความน่าเชื่อถือของโดเมนของคุณสูงขึ้นเท่าไหร่ การที่จะทำให้คะแนนสูงขึ้นอีกนั้น ก็ยิ่งเป็นเรื่องยาก

การคำนวน DR

คะแนนความน่าเชื่อถือของโดเมนที่ Ahrefs คำนวณขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนและคุณภาพของลิงก์ที่เชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์นั้น

คะแนนความน่าเชื่อถือของโดเมนใน Ahrefs ไม่เพียงขึ้นอยู่กับจำนวนลิงก์ที่เชื่อมโยงมาเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับคุณภาพของลิงก์เหล่านั้นด้วย โดยเว็บไซต์ที่ได้รับลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีคะแนนความน่าเชื่อถือสูงและมีลิงก์ที่เชื่อมโยงออกไปจำนวนมาก ก็จะมีความน่าเชื่อถือสูงเช่นเดียวกัน

DR ที่ดี คืออะไร ?

ยิ่งคะแนน DR ของเว็บไซต์ของคุณใกล้เคียงกับ 100 มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือมากเท่านั้น เนื่อจากคะแนน DR ใช้ Logarithmic scale ดังนั้นเมื่อเว็บไซต์มีคะแนนเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 1 หรือ 2 คะแนน ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์มีการพัฒนาขึ้น

Seo Guru มีคะแนน Domain Rating (DR) ที่สูงมาก ภายใต้ระบบการจัดอันดับของ Ahrefs ดังนั้น การเพิ่มคะแนนจาก 90 ให้สูงขึ้นอีกเพียงหนึ่งหรือสองคะแนน ถือเป็นเรื่องที่ยาก

Moz : Domain Authority (DA)

Moz เป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ที่พัฒนาเครื่องมือ SEO และเป็นผู้คิดค้นคำว่า “Domain Authority” Moz ได้แสดงให้เห็นว่าคะแนนการจัดอันดับที่ใหญ่ขึ้นและดีขึ้นนั้นมีความสำคัญและเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจ

ปัจจัยที่มีผลต่อ Domain Authority (DA)

ลิงก์ก็มีความสำคัญเหมือนกับเครื่องมืออื่นๆ

มีความสำคัญอย่างไร ?

DA จะพิจารณาจำนวนลิงก์ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของคุณโดยรวม และจะตรวจสอบโดเมนหลักของลิงก์เหล่านั้นด้วย Moz ใช้ปัจจัยหลายอย่างในการคำนวณคะแนนความน่าเชื่อถือของโดเมน (DA) แต่ไม่ได้เปิดเผยรายการปัจจัยเหล่านั้นอย่างชัดเจน

แต่สุดท้ายแล้ว การที่ยิ่งมีลิงค์มาก ก็ยิ่งส่งผลดี

ระบบการให้คะแนน

ให้กลับไปดูตัวอย่างของ Seo Guru อีกครั้ง

เว็บไซต์นี้มี 72 คะแนน มีความน่าเชื่อถือจากโดเมนหลัก 62,400 โดเมน และ มีคะแนนสแปมต่ำมากเพียง 4%

DA เปรียบเทียบเว็บไซต์กับเว็บไซต์อื่น ทำให้เว็บไซต์ที่มีอันดับสูงอยู่แล้วเลื่อนอันดับยาก Moz ยังใช้เทคโนโลยี Machine Learning เพื่อจัดอันดับเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น

Moz ใช้เทคโนโลยีในการจัดอันดับเว็บไซต์ แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดของอัลกอริทึมที่ใช้ แต่เรารู้ว่าเมื่อข้อมูลเปลี่ยนแปลง อันดับก็จะเปลี่ยนตาม

ตัวอย่าง หาก Facebook ได้รับลิงก์ใหม่จำนวนมากถึงหนึ่งพันล้านอัน ซึ่งเป็นจำนวนที่มหาศาลและน่าเชื่อถือ เว็บไซต์อื่นๆ ที่แข่งขันกับ Facebook อาจจะถูกปรับลดอันดับในผลการค้นหา

ผลการค้นหาของ Google มีพื้นที่จำกัดสำหรับเว็บไซต์ต่างๆ ดังนั้น หากเว็บไซต์หนึ่งมีอันดับที่สูงขึ้น เว็บไซต์อื่นๆ ก็จะต้องลดอันดับลง

เลือกใช้ตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ตัวไหนดี?

มีเครื่องมือหลายตัวที่ใช้ในการประเมินความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ แต่เครื่องมือเหล่านั้นมีวิธีการคำนวณคะแนนที่แตกต่างกัน และเนื่องจากชื่อเสียงของเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญ เราจึงชอบระบบการให้คะแนนของ Semrush มากกว่า

Semrush เป็นเครื่องมือที่ให้คะแนนความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์อย่างเป็นธรรมและมีประโยชน์ในการช่วยให้คุณปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น

วิธีเพิ่ม Authority ของเว็บไซต์

การสร้างลิงก์คุณภาพจากเว็บไซต์อื่นมายังเว็บไซต์ของคุณเป็นวิธีการที่สำคัญและมีประสิทธิภาพในการเพิ่มคะแนนความน่าเชื่อถือ (Authority) ของเว็บไซต์ของคุณ

การสร้างลิงก์เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา แต่ก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่า เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบลิงก์ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของคุณ เพื่อดูว่ามีเว็บไซต์ใดบ้าง และควรระวังลิงก์ที่เป็นสแปม ซึ่งอาจส่งผลเสียต่ออันดับเว็บไซต์ของคุณ

แม้การสร้างลิงก์คุณภาพจะต้องใช้เวลา แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้ผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น Seo Guru สามารถสร้างลิงก์คุณภาพได้มากกว่า 5,600 อันภายใน 30 วัน

เราใช้กลยุทธ์การเข้าถึงแบบย้อนกลับเพื่อสร้างลิงก์จาก Bloomberg, Inc. และ Business Insider ลองศึกษากรณีนี้เพื่อให้มีความเข้าใจอย่างชัดเจนมากขึ้น

คะแนนความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เป็นเพียงแนวทางในการประเมินความน่าเชื่อถือเท่านั้น ควรทำปัจจัยอื่นร่วมด้วย

การเน้นไปที่คะแนนความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์อาจไม่เพียงพอในการประสบความสำเร็จในการทำ SEO คุณควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อประสบการณ์ผู้ใช้และการจัดอันดับเว็บไซต์ด้วย

คะแนนความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยที่ Google พิจารณาในการจัดอันดับเว็บไซต์ และ Google อาจมีปัจจัยอื่นๆ ที่เราไม่รู้มาก่อน ซึ่งส่งผลต่อการจัดอันดับ เช่นเดียวกัน

แม้ว่าคะแนนความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์จะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ แต่ Google อาจไม่ให้ความสำคัญกับมันมากเท่าที่เราคิด และอาจมีปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญกว่าในการจัดอันดับเว็บไซต์

การปฏิบัติตามคำแนะนำของ Google เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและจะทำให้เว็บติดอันดับสูงในผลการค้นหาได้

แนะนำให้ขอคำแนะนำกับผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO แทนการที่จะมาเน้นแต่เรื่องนี้เพียงอย่างเดียว

ขั้นตอนต่อไปในการเพิ่ม Authority ของเว็บไซต์ของคุณ

การมีความเข้าใจเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์และการใช้เครื่องมือวัดความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำ SEO และการเพิ่มอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหา

ใส่โดเมนเว็บไซต์ของคุณลงในเครื่องมือวัดความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ และสังเกตคะแนนที่ได้ ว่ามีด้านไหนที่ต้องปรับปรุง และดูจำนวนโดเมนที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของคุณด้วย

ให้คุณนำผลลัพธ์ที่ได้จากการวิเคราะห์ (เช่น คะแนนความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์, ด้านที่ต้องปรับปรุง, จำนวนโดเมนที่เชื่อมโยงมา) ไปเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ของเว็บไซต์คู่แข่งของคุณ

หากคุณมีลิงก์คุณภาพเว็บไซต์ของคุณก็จะมีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น

ขั้นต่อไป คือให้คุณสังเกตุวิธีสร้างลิงก์กว่า 170 รายการที่ Seo Guru ได้รวบรวมไว้ เนื่องจากวิธีเหล่านี้ได้ช่วยให้ Seo Guru เพิ่มความน่าเชื่อถือและมีปริมาณการเข้าชมของเว็บไซต์เพิ่มขึ้น

คุณสามารถเลือกใช้วิธีตามระดับความยากง่ายได้ตามต้องการ ที่เหมาะสมกับความสามารถของคุณเอง เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพที่สุด