10 เครื่องมือจัดอันดับ (Tracker Tools) เครื่องมือติดตามผลยอดนิยม สำหรับผู้เชี่ยวชาญ SEO ตัวจริง

สำหรับนักการตลาดตัวจริง (ไม่ว่าจะทีมเล็กหรือใหญ่) ที่ต้องการติดตามคีย์เวิร์ดเป้าหมายและประหยัดเวลาด้วยเครื่องมือครบวงจร Semrush คือ เครื่องมือจัดอันดับ Tracker Tools ที่ดีที่สุดในปี 2024

หากคุณเพิ่งเริ่มต้นกับ SEO เป็นนักสร้างคอนเทนต์ หรือบริหารเอเจนซีขนาดเล็ก SERPWatcher คือทางเลือกที่เหมาะสม

สำหรับข้อมูล SEO ท้องถิ่นที่มีคุณค่า Local Viking เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม

และที่ทุกคนควรมีคือ Google Search Console ซึ่งให้ข้อมูลที่แม่นยำที่สุดเกี่ยวกับประสิทธิภาพการค้นหาแบบออร์แกนิกใน Google ทั้งยังใช้งานได้ฟรี

ยังมีเครื่องมือติดตามอันดับอื่น ๆ อีกมากมายที่อ้างว่ามีการวิเคราะห์ การออกแบบ และความแม่นยำของข้อมูลที่ดีที่สุด

หลังจากการทดสอบอย่างละเอียด พวกเรา SEOGURU ได้คัดเลือก 10 เครื่องมือที่ตอบโจทย์ความต้องการ SEO ในทุกมิติ อ่านต่อเพื่อดูว่าเครื่องมือใดที่เหมาะสมกับคุณ

เกณฑ์การเลือกเครื่องมือติดตามอันดับ

1. การรายงาน (Reporting):
   เครื่องมือสามารถสร้างรายงานหรือแดชบอร์ดที่แสดงข้อมูลอันดับได้หรือไม่? รายงานเหล่านี้เข้าใจง่ายและปรับแต่งได้หรือไม่?
2. ความแม่นยำ (Accuracy):
   ข้อมูลอันดับจากเครื่องมือเชื่อถือได้และแม่นยำหรือไม่? มีความคลาดเคลื่อนหรือข้อผิดพลาดในข้อมูลหรือไม่?
3. ความคุ้มค่า (Affordability):
   เครื่องมือมีโครงสร้างราคาที่สมเหตุสมผลและตรงไปตรงมาตามจำนวนคีย์เวิร์ดที่ติดตามหรือไม่? ค่าใช้จ่ายสอดคล้องกับงบประมาณของคุณหรือไม่?
4. อัตราการอัปเดต (Refresh rate/frequency):
   เครื่องมือให้ตัวเลือกการติดตามคีย์เวิร์ดรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนหรือไม่? มีการติดตามแบบตามความต้องการหรือไม่? ข้อมูลที่ได้รับเป็นปัจจุบันมากแค่ไหน?
5. การออกแบบ (Design):
   เครื่องมือใช้งานง่ายและค้นหาข้อมูลได้โดยไม่สับสนหรือไม่? อินเทอร์เฟซมีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้หรือไม่?
6. การระบุเป้าหมายทางภูมิศาสตร์ (Geo-targeting):
   เครื่องมือสามารถติดตามคีย์เวิร์ดในประเทศต่าง ๆ หรือเฉพาะในบางรัฐหรือเมืองสำหรับ SEO ท้องถิ่นได้หรือไม่? การกำหนดเป้าหมายในพื้นที่เฉพาะใช้งานง่ายหรือไม่?
7. การแจ้งเตือน (Notifications):
   เครื่องมือมีการแจ้งเตือนสำหรับการเปลี่ยนแปลงอันดับคีย์เวิร์ดหรือไม่? การแจ้งเตือนเหล่านี้ปรับแต่งได้หรือไม่?
8. การจัดการข้อมูล (Organization):
   เครื่องมือมีโครงสร้างการจัดการที่ดีหรือไม่? ใช้การจัดกลุ่ม คลัสเตอร์ และแท็กในการติดตามแคมเปญอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่? สามารถจัดการแคมเปญจำนวนมากได้ง่ายหรือไม่?

เครื่องมือติดตามอันดับที่ดีที่สุดคืออะไร?

1. Semrush – ฟังก์ชัน SEO โดยรวมที่ดีที่สุด
2. Google Search Console – ข้อมูลฟรี (บางส่วน) จาก Google ที่ดีที่สุด
3. Advanced Web Ranking – ดีที่สุดสำหรับการรายงาน
4. SERPWatcher by Mangools – ดีที่สุดสำหรับบล็อกเกอร์และทีมขนาดเล็ก
5. Ahrefs – ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด
6. SEO PowerSuite – ตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด
7. SEO Monitor – ดีที่สุดสำหรับการคาดการณ์ปริมาณการเข้าชม
8. Local Viking – ดีที่สุดสำหรับการติดตาม SEO แผนที่ท้องถิ่น
9. Nozzle – ดีที่สุดสำหรับการแสดงผลข้อมูล
10. ProRankTracker – ดีที่สุดสำหรับเอเจนซีและผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO

#1 Position Tracker โดย Semrush

ดีที่สุดสำหรับฟังก์ชัน SEO โดยรวม

ราคา: เริ่มต้นที่ $139.95/เดือน พร้อมทดลองใช้งานฟรี 14 วัน (ข้อเสนอพิเศษจาก TTT)

การอัปเดตอันดับ: ทุกวัน

ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2008 , Semrush ได้พัฒนาเครื่องมือติดตามอันดับให้เป็นเลิศในการตรวจสอบ SEO และคีย์เวิร์ดที่จ่ายเงิน โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ครบครันที่คุณคาดหวังจากเครื่องมือติดตามอันดับระดับพรีเมียม

อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย และสนับสนุนโดยแพลตฟอร์มการมองเห็นออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ Semrush ยังมีแอปพลิเคชัน iOS และ Android ช่วยให้คุณติดตามประสิทธิภาพ SEO ได้ทุกที่ทุกเวลา

จุดเด่น

เป็นเครื่องมือติดตามอันดับที่ครบฟีเจอร์ และสามารถเชื่อมต่อกับชุดเครื่องมือทั้งหมดของ Semrush ได้อย่างราบรื่น ให้คุณควบคุมกลยุทธ์ SEO การวิเคราะห์การตลาด และผลลัพธ์งานได้อย่างเต็มที่

จุดด้อย

ฟังก์ชันสำคัญ เช่น การติดแท็กและการตรวจสอบคีย์เวิร์ดชนกัน (keyword cannibalization) ไม่มีในแผนราคาต่ำสุด

ฟีเจอร์เด่น

1. ติดตามการเปลี่ยนแปลงอันดับรายวัน:
   ตรวจสอบประสิทธิภาพของคีย์เวิร์ดและตัดสินใจปรับปรุงอันดับในเครื่องมือค้นหาด้วยข้อมูลอัปเดตรายวัน
2. สรุปประสิทธิภาพ:
   ใช้ AI สร้างสรุปการเปลี่ยนแปลงอันดับอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเคลื่อนไหวสำคัญในอันดับของคู่แข่ง
3. เชื่อมต่อกับ Google Analytics และ Looker Studio:
   เก็บข้อมูลและอินไซต์เชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำ
4. ข้อมูลคู่แข่งและพื้นที่การค้นหา:
   วิเคราะห์ประสิทธิภาพของคู่แข่งและปรับกลยุทธ์ของคุณตามข้อมูลที่ได้
5. ตรวจจับปัญหาคีย์เวิร์ดชนกัน:
   แก้ไขกลยุทธ์ด้วยการระบุและจัดการปัญหาคีย์เวิร์ดชนกัน
6. ไฮไลต์ฟีเจอร์ SERP:
   ปรับเนื้อหาให้มุ่งเป้าฟีเจอร์ที่โดดเด่นในหน้าค้นหา (Featured Snippets) เพื่อเพิ่มการมองเห็น
7. แจ้งเตือนแบบกำหนดเอง:
   รับการแจ้งเตือนและตอบสนองทันทีต่อการเปลี่ยนแปลงอันดับที่สำคัญ
8. ติดตามคีย์เวิร์ดบนอุปกรณ์และตำแหน่งต่าง ๆ:
   เข้าใจประสิทธิภาพของคุณในระบบปฏิบัติการและภูมิภาคที่แตกต่าง
9. รายงานภาพรวมแบบครบถ้วน:
   ติดตามอันดับและการกระจายผลลัพธ์ พร้อมกรองรายงานจากแดชบอร์ดเดียว
10. เข้าถึงชุดเครื่องมือทั้งหมด:
    การสมัครสมาชิกจะรวมถึงเครื่องมือการวิจัยคู่แข่งและการวิจัยคีย์เวิร์ดที่ทรงพลังของ Semrush

ราคา

Semrush มี 4 แผนราคาให้เลือก

1. Free:
   ใช้ติดตามได้สูงสุด 10 คีย์เวิร์ดและตั้งค่าโปรเจกต์ได้เพียง 1 โปรเจกต์ เหมาะสำหรับการทดลองใช้งานเบื้องต้น
2. Pro:
   $139.95/เดือน (ติดตามคีย์เวิร์ดได้ 500 รายการ)
   ออกแบบมาสำหรับมืออาชีพด้าน SEO ที่ต้องการโควต้าคีย์เวิร์ดเพิ่มเติมและฟีเจอร์เสริมสำหรับลูกค้า รวมถึงขีดจำกัดที่สูงขึ้นสำหรับคำที่ติดตามและการรายงานขั้นสูง
3. Guru:
   $249/เดือน (ติดตามคีย์เวิร์ดได้ 1,500 รายการ)
   เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโควต้าคีย์เวิร์ดจำนวนมากขึ้น, ฟีเจอร์ในระดับเอเจนซี, และการสนับสนุนเพิ่มเติม
4. Business:
   $499/เดือน (ติดตามคีย์เวิร์ดได้ 5,000 รายการ)
   เหมาะสำหรับเอเจนซีขนาดกลางและทีมงานในองค์กร

แผนรายปี ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้สูงสุดถึง 17%

#2 Google Search Console

ดีที่สุดสำหรับข้อมูลฟรี (บางส่วน) จาก Google

ราคา: ฟรี

การอัปเดตอันดับ: ทุกวัน

Google Search Console (GSC) เป็นเครื่องมือฟรีอันทรงพลังจาก Google ที่มอบข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณบนการค้นหาใน Google ถือเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในชุดเครื่องมือ SEO

จุดเด่น

GSC มอบข้อมูลและอินไซต์ที่แม่นยำที่สุดเกี่ยวกับประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณใน Google Search ช่วยให้คุณเข้าใจว่าคีย์เวิร์ดและหน้าเพจใดที่ช่วยเพิ่มทราฟฟิก

จุดด้อย

GSC ไม่มีฟังก์ชันครบเหมือนเครื่องมือติดตามอันดับโดยเฉพาะ เช่น การรายงานสำหรับลูกค้า การแจ้งเตือน การติดตามเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ และการอัปเดตแบบเรียลไทม์

ฟีเจอร์เด่น

1. การติดตามประสิทธิภาพ:
   เข้าถึงเมตริก เช่น การแสดงผล (impressions) การคลิก และอันดับเฉลี่ย เพื่อวัดผลลัพธ์การค้นหาของเว็บไซต์
2. ข้อมูลคีย์เวิร์ด:
   ระบุคีย์เวิร์ดและคำค้นหาที่นำทราฟฟิกมายังเว็บไซต์ของคุณ ช่วยให้เข้าใจว่าเนื้อหาใดตรงใจกลุ่มเป้าหมาย
3. ติดตามการเปลี่ยนแปลงอันดับ:
   ติดตามความเปลี่ยนแปลงในอันดับเว็บไซต์ของคุณเมื่อเวลาผ่านไป ตรวจจับความผันผวน และระบุปัญหาที่อาจส่งผลต่อการมองเห็น
4. การวิเคราะห์อัตราการคลิก (CTR):
   วิเคราะห์ CTR เพื่อปรับปรุงเมตาดิสคริปชันและไตเติลให้ดึงดูดมากยิ่งขึ้น
5. การผสานรวมกับเครื่องมือ Google อื่น ๆ:
   เชื่อมต่อกับเครื่องมืออื่น ๆ เช่น Google Analytics และ Google Data Studio เพื่อความเข้าใจที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพเว็บไซต์

ราคา

GSC เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ทุกคนสามารถใช้งานได้

#3 Advanced Web Ranking

ดีที่สุดสำหรับการรายงาน

ราคา: เริ่มต้นที่ $99/เดือน พร้อมทดลองใช้งานฟรี 30 วัน

การอัปเดตอันดับ: อัปเดตได้ตามความต้องการ (On-demand)

Advanced Web Ranking (AWR) ก่อตั้งขึ้นในปี 2002 เป็นเครื่องมือติดตามอันดับที่ทรงพลัง ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานที่มีประสบการณ์ โดยเฉพาะเอเจนซีขนาดใหญ่ที่มีลูกค้าจำนวนมาก ด้วยฟีเจอร์ที่ครอบคลุมและอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ SEO

จุดเด่น

AWR โดดเด่นในเรื่องการรายงาน ช่วยให้คุณสร้างและปรับแต่งรายงานข้อมูลได้อย่างเต็มที่ ด้วยการแสดงผลข้อมูลที่ทรงพลัง คุณสามารถติดตามทราฟฟิก ประมาณการค่าใช้จ่ายต่อคลิก (CPC) และอันดับได้อย่างง่ายดาย

จุดด้อย

เมื่อพิจารณาเป็นเครื่องมือติดตาม SERP อย่างเดียว AWR มีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นในตลาด

ฟีเจอร์เด่น

• การติดตามประวัติอันดับอย่างละเอียด: ติดตามการเปลี่ยนแปลงอันดับของคีย์เวิร์ดในอดีต เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและตัดสินใจเชิงกลยุทธ์จากข้อมูล
• การติดตามการจัดอันดับใน Google Maps: ตรวจสอบผลลัพธ์ SEO ท้องถิ่น โดยติดตามอันดับของรายชื่อธุรกิจใน Google Maps
• การติดตามข้ามแพลตฟอร์ม: ติดตามอันดับคีย์เวิร์ดในระบบปฏิบัติการต่าง ๆ เช่น เดสก์ท็อป Android และ iPhone
• การติดตามหลายเครื่องมือค้นหา: ตรวจสอบอันดับคีย์เวิร์ดบน Google, Yahoo, Bing, YouTube และ Amazon
• รองรับเว็บไซต์ Google ทั้งหมด: ติดตามอันดับคีย์เวิร์ดในทุกเว็บไซต์ของ Google เพื่อการมองเห็นที่ครอบคลุมทั้งภูมิภาคและภาษา
• การติดตามวิดีโอบน Google Videos: ติดตามผลลัพธ์ของวิดีโอบนหน้า SERP ของ Google
• อัปเดตตามคำขอแบบเรียลไทม์: รับข้อมูลการอัปเดตอันดับคีย์เวิร์ดภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากขอข้อมูล
• ข้อมูลปริมาณการค้นหาในแดชบอร์ดหลัก: เข้าถึงข้อมูลปริมาณการค้นหาของแต่ละคีย์เวิร์ดได้โดยตรงจากแดชบอร์ด

ราคา

Advanced Web Ranking มีตัวเลือก 4 แพ็กเกจดังนี้:

• Pro Plan: $99/เดือน รองรับคีย์เวิร์ดสูงสุด 7,000 คำ
• Agency Plan: $199/เดือน รองรับคีย์เวิร์ดสูงสุด 14,500 คำ
• Enterprise Plan: $499/เดือน รองรับคีย์เวิร์ดสูงสุด 35,500 คำ
• Custom Plan: เริ่มต้นที่ $700/เดือน รองรับคีย์เวิร์ดสูงสุด 50,000 คำ

หากเลือกชำระแบบรายปี จะได้รับส่วนลด 10%

#4 SERPWatcher

เหมาะสำหรับ บล็อกเกอร์และทีมขนาดเล็ก

ราคา: เริ่มต้นที่ $49/เดือน พร้อมตัวเลือกฟรีแบบจำกัด

การอัปเดตอันดับ: รายวัน

เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2017 , SERPWatcher เป็นหนึ่งในเครื่องมือ SEO ภายใต้แบรนด์ Mangools ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องการใช้งานที่ง่ายและข้อมูลที่แม่นยำสำหรับแทบทุกภูมิภาค

จุดเด่น

SERPWatcher เป็นเครื่องมือติดตามอันดับที่ออกแบบมาให้สวยงามและเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคุณ เพื่อนร่วมทีม และลูกค้า

จุดด้อย

แผนสูงสุดรองรับคีย์เวิร์ดได้เพียง 1,500 คำเท่านั้น

ฟีเจอร์เด่น

• รายงานแบบโต้ตอบและการแจ้งเตือน: แชร์รายงานแบบโต้ตอบกับลูกค้าหรือเพื่อนร่วมทีม และรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ
• ตัวอย่าง SERP: ดูภาพรวมของหน้า SERP สำหรับแต่ละคีย์เวิร์ดและอุปกรณ์
• รองรับสถานที่ต่าง ๆ: ติดตามอันดับในเมือง เขต ประเทศ และผู้ชมทั่วโลก ด้วยตัวเลือกมากกว่า 50,000 แห่ง
• Performance Index: วัดผลการจัดอันดับของคุณโดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งทั้งหมดที่คุณติดตาม
• Estimated visits: คาดการณ์ปริมาณการเข้าชมแบบออร์แกนิกจากคีย์เวิร์ดที่คุณติดตาม
• Keyword position flow: วิเคราะห์ว่าคีย์เวิร์ดของคุณมีการเปลี่ยนแปลงอันดับขึ้น ลง หรือคงเดิมอย่างไร
• ราคาเข้าถึงได้ง่าย: รับส่วนลด 35% เมื่อสมัครสมาชิกรายปี Mangools เหมาะสำหรับนักสร้างคอนเทนต์และมืออาชีพ SEO อิสระ
• การกระจายตำแหน่งคีย์เวิร์ด: ดูการกระจายของคีย์เวิร์ดในตำแหน่งต่าง ๆ เช่น อันดับ 1 อันดับ 3 อันดับ 10 อันดับ 20 และอันดับ 100

ราคา

Mangools มีตัวเลือกแพ็กเกจ 4 แบบ:

• Entry: €29/เดือน เหมาะสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ขนาดเล็ก
• Basic: €49/เดือน เหมาะสำหรับเว็บไซต์สื่อขนาดกลาง
• Premium: €69/เดือน เหมาะสำหรับทีมขนาดเล็กและเอเจนซี่
• Agency: €129/เดือน เหมาะสำหรับเอเจนซี่ขนาดกลางและทีมในองค์กร

สมัครรายปี รับส่วนลด 35%

#5 Ahrefs

เหมาะสำหรับ การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด

ราคา: เริ่มต้นที่ $99/เดือน พร้อมบัญชีฟรีแบบจำกัด

การอัปเดตอันดับ: รายวัน

Ahrefs ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 และกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ผู้เชี่ยวชาญ SEO นิยมใช้มากที่สุด ด้วย Ahrefs Rank Tracker คุณสามารถจัดการข้อมูลจำนวนมากได้อย่างง่ายดายเพื่อการติดตามตำแหน่งคีย์เวิร์ด

จุดเด่น

ความสามารถในการจัดเรียงและกรองข้อมูลจำนวนมากเพื่อสร้างข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์ พร้อมรายงานที่ออกแบบมาอย่างทันสมัย

จุดด้อย

หากต้องการการติดตามรายวัน คุณจะต้องจ่ายค่าบริการเสริมระหว่าง $100/เดือน ถึง $250/เดือน ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่เลือก มิฉะนั้นการติดตามจะอัปเดตเป็นรายสัปดาห์

ฟีเจอร์เด่น

• การติดตามอันดับแบบกำหนดเวลา: ตั้งค่าการสแกนอัตโนมัติในช่วงเวลาที่กำหนดเพื่อรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับประสิทธิภาพเว็บไซต์ในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา
• การออกแบบที่ยอดเยี่ยม: แดชบอร์ดและรายงานออกแบบมาให้ดูง่าย ช่วยให้คุณมองเห็นประสิทธิภาพอันดับได้ในทันทีโดยไม่สับสนกับข้อมูลมากเกินไป
• การแบ่งส่วนข้อมูล: Ahrefs มีตัวเลือกการกรองข้อมูลหลากหลาย ช่วยให้คุณเจาะลึกข้อมูลที่ต้องการสำหรับการวิเคราะห์
• แท็กและการจัดกลุ่ม: จัดระเบียบคีย์เวิร์ดที่ติดตามเป็นกลุ่มหรือเพจ เพื่อดูจำนวนคีย์เวิร์ดที่คุณมีในแต่ละ URL ได้อย่างรวดเร็ว
• การวิเคราะห์คู่แข่ง: เปรียบเทียบตำแหน่งคีย์เวิร์ดของคุณกับคู่แข่งเพื่อหาโอกาสในการปรับปรุง
• การติดตามอันดับในท้องถิ่น: ติดตามอันดับคีย์เวิร์ดในท้องถิ่นได้ถึง 190 ประเทศ
• การติดตามฟีเจอร์ SERP: ตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ของฟีเจอร์ SERP ที่คุณได้อันดับ และเปรียบเทียบกับข้อความที่คุณครอบครอง เพื่อช่วยระบุเพจที่ต้องปรับปรุง

ราคา

Ahrefs มีแพ็กเกจ 4 แบบให้เลือก:

• Lite: $99/เดือน เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปหรือธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการติดตามอันดับเว็บไซต์และวิเคราะห์คีย์เวิร์ดขั้นพื้นฐาน
• Standard: $179/เดือน ออกแบบมาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์คู่แข่งและการค้นคว้าคอนเทนต์
• Advanced: $399/เดือน เหมาะสำหรับเอเจนซี่และธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการเครื่องมือ SEO แบบครบวงจร เช่น การวิจัยคีย์เวิร์ดขั้นสูง การตรวจสอบเว็บไซต์ และการติดตามอันดับสำหรับหลายโปรเจกต์
• Agency: $999/เดือน เหมาะสำหรับเอเจนซี่และองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความต้องการ SEO อย่างกว้างขวาง พร้อมฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การเข้าถึง API รายงานแบบ White-label และการเพิ่มขีดจำกัดข้อมูลและโปรเจกต์

สิทธิพิเศษ รับฟรี 2 เดือนเมื่อเลือกแผนรายปี บัญชีฟรีไม่มีสิทธิ์ใช้งานฟีเจอร์การติดตามอันดับ

#6 SEO PowerSuite

ตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด

ราคา: เริ่มต้นที่ $149/ปี สำหรับแพ็กเกจแบบชำระเงิน พร้อมตัวเลือกใช้ฟรีแบบจำกัด

การอัปเดตอันดับ: รายวัน

SEO PowerSuite ก่อตั้งโดย Aleh Barysevich ในปี 2005 โดยมุ่งเน้นความคุ้มค่าและการใช้งานที่ครบถ้วน หากคุณไม่รังเกียจการใช้แอปพลิเคชันเดสก์ท็อป SEO PowerSuite เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัล

จุดเด่น

คุณสามารถติดตามคีย์เวิร์ดได้ไม่จำกัดในทุกแพ็กเกจแบบชำระเงิน ทำให้เป็นเครื่องมือที่คุ้มค่าที่สุดในรายการนี้

จุดด้อย

SEO PowerSuite ต้องติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป

ฟีเจอร์เด่น

• ติดตามอันดับในหลายเครื่องมือค้นหา: รองรับการติดตามคีย์เวิร์ดในเครื่องมือค้นหาหลายแห่ง เช่น Google, Yahoo, Bing, YouTube และ Yandex
• อัปเดตแบบเรียลไทม์: รับการอัปเดตอันดับแบบเรียลไทม์เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งคีย์เวิร์ด
• รายงานเชิงลึก: สร้างรายงานรายละเอียดเกี่ยวกับอันดับคีย์เวิร์ด การวิเคราะห์คู่แข่ง และตัวชี้วัดประสิทธิภาพ SEO
• การวิเคราะห์คู่แข่ง: เปรียบเทียบอันดับคีย์เวิร์ดของคุณกับคู่แข่งเพื่อหาโอกาสปรับปรุง
• การติดตามท้องถิ่นและระดับโลก: ติดตามอันดับคีย์เวิร์ดในพื้นที่เฉพาะหรือในประเทศต่างๆ เพื่อเข้าถึงผู้ชมทั้งในท้องถิ่นและระดับสากล
• แดชบอร์ดที่ปรับแต่งได้: สร้างแดชบอร์ดติดตามอันดับส่วนบุคคลเพื่อติดตามตัวชี้วัดหลักและแสดงภาพรวมประสิทธิภาพ SEO
• วิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง: ศึกษาข้อมูลอันดับย้อนหลังเพื่อค้นหาแนวโน้มและรูปแบบการทำงานของคีย์เวิร์ด
• การรวมกับเครื่องมืออื่นๆ: เชื่อมต่อกับเครื่องมือ SEO PowerSuite อื่นๆ ได้ในราคาคุ้มค่า

ราคา

SEO PowerSuite มีแพ็กเกจราคา 3 แบบให้เลือก:

• ฟรี: ติดตามคีย์เวิร์ดได้ไม่จำกัด แต่ไม่สามารถบันทึกโปรเจกต์ เหมาะสำหรับการทดสอบหรือใช้งานแบบครั้งเดียว
• Professional License: $149/ปี เหมาะสำหรับทีมงานในองค์กรและเจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการแพ็กเกจเริ่มต้น
• Enterprise License: $349/ปี เหมาะสำหรับเอเจนซี่และทีมงานขนาดใหญ่ที่ต้องการการควบคุมรายงานที่หลากหลาย

แพ็กเกจแบบหลายปีมีส่วนลดสูงสุด 34%

#7 SEOmonitor

เหมาะสำหรับ การพยากรณ์ผลลัพธ์ SEO

ราคา: เริ่มต้นที่ $109/เดือน พร้อมทดลองใช้งาน 3 เดือน

การอัปเดตอันดับ: รายวัน

SEOmonitor ก่อตั้งโดย Cosmin Negrescu ในปี 2012 โดยเน้นการพยากรณ์ที่ชาญฉลาดสำหรับคีย์เวิร์ดเป้าหมาย SEOmonitor มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้เอเจนซี่ SEO เพิ่มการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับลูกค้าและรักษาความสัมพันธ์ระยะยาว

จุดเด่น

SEOmonitor มีแดชบอร์ดที่แสดงข้อมูลการเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างสะดวก โดยตัวชี้วัดสำคัญคือคะแนนโอกาส (Opportunity Score) ที่ผสานข้อมูลการค้นหา SERP และอันดับเข้าด้วยกัน

จุดด้อย

ส่วนติดต่อผู้ใช้อาจให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์ แต่ต้องใช้เวลาเรียนรู้และปรับตัว

ฟีเจอร์เด่น

• การวิจัยคีย์เวิร์ดอัตโนมัติ: ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปริมาณการค้นหาและความยากของคีย์เวิร์ดเพื่อช่วยประเมินความสามารถในการแข่งขัน
• ตัวชี้วัดโอกาส: ฟีเจอร์นี้ช่วยจัดลำดับความสำคัญของคีย์เวิร์ดที่มีโอกาสสร้างการเข้าชมในระยะเวลาอันสั้น
• คะแนนการมองเห็น: วัดการมองเห็นของคีย์เวิร์ดกลุ่มหนึ่งใน Google อย่างแม่นยำ
• การพยากรณ์ธุรกิจ: ประเมินผลลัพธ์ในอนาคตโดยอิงจากข้อมูล และสร้างข้อเสนอ SEO ตามผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้
• การทบทวนประสิทธิภาพเนื้อหา: วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเนื้อหาภายนอกที่ชี้ไปยังเว็บไซต์ พร้อมตัวชี้วัด เช่น คะแนนโดเมน การแชร์ในโซเชียลมีเดีย และอัตราการแปลง
• ข้อมูลการเข้าชมแบบออร์แกนิก: โดยการรวมเข้ากับ Google Analytics และ Adobe SiteCatalyst SEOmonitor ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการแปลงและรายได้จากการเข้าชมแบบออร์แกนิก

ราคา

SEO Monitor เสนอแผนพื้นฐาน (Base Plan) ในราคา 109 ดอลลาร์ต่อเดือน พร้อมตัวเลือกเสริม ได้แก่:

• การติดตามรายวัน: 33 ดอลลาร์ต่อเดือน สำหรับการติดตามรายวันและการตรวจสอบเนื้อหา
• การอัปเดตการเข้าชม: 11 ดอลลาร์ต่อเดือน สำหรับการเชื่อมโยงระหว่างการวิเคราะห์การแปลงและคำหลักรายวัน

แผนรายปีให้ส่วนลด 17%

#8 Local Viking

เหมาะสำหรับการติดตามแผนที่ SEO ในพื้นที่

• ราคา: เริ่มต้นที่ $39/เดือน ไม่มีช่วงทดลองใช้ฟรีหรือบัญชีฟรี
• การอัปเดตอันดับ: ทุกๆ 48 ชั่วโมง

Local Viking ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 เป็นโซลูชันครบวงจร สำหรับการจัดการและติดตามประสิทธิภาพของ Google Business Profiles (GBP) โดยบริหารจัดการลิสต์มากกว่า 300,000 รายการทั่วโลก

จุดเด่น

จุดเด่นของ Local Viking คือ มีแผนที่พื้นที่ทางภูมิศาสตร์พร้อมจุดกริด เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของคำหลัก ในพื้นที่เป้าหมายของคุณ ด้วยข้อมูลนี้ คุณสามารถปรับปรุงโปรไฟล์ Google My Business ของคุณเพื่อเพิ่มการมองเห็นในภูมิภาคใกล้เคียง

จุดด้อย

Local Viking ไม่มีทดลองใช้ฟรี และระบบการกำหนดราคาแบบเครดิตอาจทำให้สับสน

ฟิเจอร์เด่น

• การกำหนดเป้าหมายตามสถานที่: ศึกษาการจัดอันดับธุรกิจของคุณในพื้นที่เฉพาะเจาะจง โดยระบุพิกัดละติจูดและลองจิจูด
• การติดตามบนมือถือและเดสก์ท็อป: ติดตามการจัดอันดับธุรกิจของคุณทั้งบนมือถือและคอมพิวเตอร์ เพื่อให้มุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการมองเห็นธุรกิจของคุณออนไลน์
• การติดตามประวัติศาสตร์การจัดอันดับ: ดูประสิทธิภาพในอดีตของ Google Business Profile ของคุณ เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและวัดความสำเร็จของความพยายามด้าน SEO ในพื้นที่ของคุณ
• รายงานครอบคลุม: สร้างรายงานแบบโต้ตอบและรับการแจ้งเตือน เพื่อให้คุณและทีมของคุณได้รับการอัปเดตเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอันดับของคุณ
• การตรวจสอบจุดด้วยตนเองอย่างง่าย: Local Viking ให้ลิงค์โดยตรงในแดชบอร์ดของคุณ ช่วยให้คุณตรวจสอบผลการค้นหาในพื้นที่ได้ด้วยตนเองเมื่อใดก็ตามที่ต้องการ
• การติดตาม GeoGrid: มองเห็นและวิเคราะห์การจัดอันดับธุรกิจ ของคุณจากพิกัดหลายจุดเมื่อเทียบกัน

ราคา

Local Viking มี 5 แพ็กเกจ

• Single: 39 $/เดือน เหมาะสำหรับจัดการสถานที่เดียว
• Starter: 59 $/เดือน เหมาะสำหรับจัดการธุรกิจท้องถิ่นได้สูงสุด 10 แห่ง
• Pro: 99 $/เดือน เหมาะสำหรับทีมเล็กๆ และเอเจนซี่ที่จัดการสูงสุด 20 โปรไฟล์
• Agency: 149 $/เดือน ออกแบบมาสำหรับเอเจนซี่ขนาดกลางและธุรกิจที่จัดการสูงสุด 40 โปรไฟล์
• Enterprise: 200 $/เดือน สำหรับเอเจนซี่ขนาดใหญ่ที่จัดการสูงสุด 70 รายการ

สมัครสมาชิกรายปี รับฟรี 2 เดือน

#9 Nozzle

เหมาะกับการสร้างภาพข้อมูล

• ราคา: เริ่มต้นที่ $59 ต่อเดือน มีช่วงทดลองใช้ 14 วัน
• การอัปเดตอันดับ: ตามความต้องการ (On-demand)

Nozzle ถูกสร้างขึ้นในปี 2014 เพื่อสร้างโซลูชัน การติดตามอันดับที่ดีกว่า สำหรับเอเจนซี่ SEO ของพวกเขา ปัจจุบัน Nozzle เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ดีที่สุด สำหรับการแสดงข้อมูลและข้อมูลเชิงลึก

จุดเด่น

ความสามารถในการแสดงข้อมูลของ Nozzle นั้นยอดเยี่ยม โดยมีวิดเจ็ตการรายงานรายละเอียดภายในแดชบอร์ดเพื่อให้คุณสามารถตีความและวิเคราะห์ข้อมูล การจัดอันดับคีย์เวิร์ดได้อย่างง่ายดาย

จุดด้อย

ด้วยข้อมูลจำนวนมากที่มีอยู่ อินเทอร์เฟซผู้ใช้สามารถล้นหลามและต้องใช้เวลาในการเรียนรู้

ฟีเจอร์เด่น

• การเข้าถึงฟีเจอร์ครบครัน: Nozzle มีทุกฟีเจอร์ในทุกระดับราคา ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ใช้ระดับใดหรือขนาดธุรกิจของคุณเป็นอย่างไร คุณก็สามารถสัมผัสประสบการณ์ทุกอย่างที่ Nozzle นำเสนอได้
• รายงานเชิงลึก: วิดเจ็ตของ Nozzle บน Dashboard นำเสนอรายงานที่ละเอียดสูงและปรับแต่งได้
• ดึงข้อมูลตามต้องการ: คุณสามารถรีเฟรชข้อมูลการจัดอันดับตามต้องการ ช่วยให้คุณได้รับข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับประสิทธิภาพของคำหลัก
• Nozzle Vission: ภาพหน้าจอแบบ interactive ของ SERPs และการคำนวณเฉพาะเพื่อประมาณการ CTR และปริมาณการเข้าชม
• การแสดงข้อมูลเชิงภาพที่ทรงพลัง: Nozzle โดดเด่นในการแสดงข้อมูลเชิงภาพ นำเสนอเมตริกประสิทธิภาพในรูปแบบกราฟและตารางที่ตอบสนองและปรับแต่งได้สูง
• การดึงข้อมูลตามกำหนดเวลา: กำหนดเวลาการดึงข้อมูลได้บ่อยเท่าทุกๆ 5 นาที มอบระดับความละเอียดสูง
• แดชบอร์ดที่ปรับแต่งได้: ปรับแต่ง Dashboard และ widgets รายงานของคุณเพื่อเน้นเมตริกที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ

ราคา

Nozzle มี 6 แพ็คเกจราคา:

• Basic: 59 $/เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจ SEO ในระดับงานอดิเรก
• Advanced: 119 $/เดือน เหมาะสำหรับเจ้าของเว็บไซต์เฉพาะทางและนักการตลาดพันธมิตร
• Pro: 299 $/เดือน เหมาะสำหรับเอเจนซี่ขนาดเล็ก
• Pro Plus: 599 $/เดือน เหมาะสำหรับเอเจนซี่ขนาดกลาง
• Business basic: 1,119 $/เดือน เหมาะสำหรับเอเจนซี่ขนาดใหญ่
• Business advanced: 2,999 $/เดือน เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่มาก

ซื้อแบบรายปีลดราคา 16%

#10 Pro Rank Tracker

เหมาะสำหรับผู้เชี่ยวชาญ SEO

• ราคา: เริ่มต้นที่ 49 $ ต่อเดือน พร้อมทดลองใช้ฟรี 14 วัน
• การอัพเดทอันดับ: ตามความต้องการ (On-demand)

Pro Rank Tracker (PRT) เป็นเครื่องมือติดตามอันดับ SEO และรายงานผลที่เชี่ยวชาญสูง เปิดตัวในปี 2014 โดย Eyal Aftabi เครื่องมือนี้ ให้รายงานที่ละเอียดและตัวเลือกการแจ้งเตือน ทำให้คุณสามารถติดตามอันดับคีย์เวิร์ดข้ามเครื่องมือค้นหาต่างๆ และตรวจสอบประสิทธิภาพในอดีต

จุดเด่น

• รายงานละเอียดมาก: รายงานมีความละเอียดสูง ช่วยให้คุณเข้าใจข้อมูลได้อย่างลึกซึ้ง
• การแจ้งเตือนอัตโนมัติ: คุณสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนทางอีเมลเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงอันดับหรือเหตุการณ์สำคัญอื่นๆ ได้

จุดด้อย

ขาดความยืดหยุ่นในการตั้งค่าภูมิภาค: คุณไม่สามารถตั้งค่าภูมิภาคทั่วโลก สำหรับคำหลักได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์ที่มีผู้ชมทั่วโลก

ฟีเจอร์เด่น

• ติดตามประวัติการจัดอันดับแบบครอบคลุม: ติดตามประสิทธิภาพทางประวัติศาสตร์ของคำหลักของคุณได้อย่างง่ายดาย ระบุแนวโน้ม และตัดสินใจโดยใช้ข้อมูล
• ติดตามรายชื่อ Google Maps: ติดตามความพยายามด้าน SEO ในพื้นที่ของคุณอย่างใกล้ชิด โดยตรวจสอบอันดับของรายชื่อธุรกิจของคุณบน Google Maps
• การติดตามข้ามแพลตฟอร์ม: ติดตามอันดับคำหลักข้ามระบบปฏิบัติการต่างๆ รวมถึงเดสก์ท็อป Android และ iOS
• การติดตามหลายเครื่องมือค้นหา: ติดตามอันดับคำหลักข้าม Google, Yahoo, Bing, YouTube และ Amazon
• รองรับเว็บไซต์ Google ทั้งหมด: ติดตามอันดับคำหลักบนเว็บไซต์ Google ทั้งหมด รับประกันการมองเห็นที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาคและภาษาต่างๆ
• การติดตามวิดีโอบน Google Videos: ติดตามประสิทธิภาพของวิดีโอของคุณบน SERP ของ Google Videos
• ข้อมูลปริมาณการค้นหาในแดชบอร์ดหลัก: เข้าถึงข้อมูลปริมาณการค้นหาสำหรับแต่ละคำหลักโดยตรงจากแดชบอร์ดหลัก ทำความเข้าใจความนิยมและการแข่งขันของคำหลักเป้าหมายของคุณเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ SEO ของคุณ

ราคา

Ahrefs Pro Rank Tracker มี 3 แพ็คเกจราคา:

• Starter: ราคา $49/เดือน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่มีความต้องการติดตามคำหลักไม่มากนัก
• Pro: ราคา $109/เดือน ออกแบบมาสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ที่ต้องการโควต้าคำหลักเพิ่มเติมและฟีเจอร์สำหรับลูกค้า
• Agency: ราคา $180/เดือน สำหรับผู้ที่ต้องการโควต้าคำหลักจำนวนมาก ฟังก์ชันระดับเอเจนซี่ และการช่วยเหลือเพิ่มเติม

แผนซื้อประจำปีจะมีส่วนลด 20%

เลือกเครื่องมือติดตามอันดับคีย์เวิร์ดแล้วหรือยัง? นี่คือ 3 ตัวเลือกยอดนิยมของเรา

1. Semrush : โซลูชันแบบครบวงจรที่ดีที่สุด สำหรับทีมทุกขนาด อำนาจการทำงานสูงมาก Dashboard การติดตามอันดับสามารถปรับแต่งได้สูงและให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคู่แข่งที่สามารถนำไปใช้ได้จริง นอกจากนี้ ยังผสานรวมกับเครื่องมือการตลาด 55+ เครื่องมือของ Semrush ดังนั้นคุณจึงมีทุกสิ่งที่คุณต้องการ
2. Google Search Console : หากคุณมีเว็บไซต์ ให้ใช้ Google Search Console มันฟรี และแม้ว่าจะมีข้อจำกัด แต่ก็เป็นข้อมูลการค้นหาที่แม่นยำที่สุดที่คุณจะได้รับ
3. SERPWatcher: หากคุณเป็นมือใหม่ด้าน SEO เป็นบล็อกเกอร์ หรือบริษัทที่ปรึกษาขนาดเล็ก SERPWatcher คือทางเลือกที่ดีที่สุด มีแผนราคาที่ไม่แพงและอินเทอร์เฟซที่สวยงาม ช่วยให้คุณเริ่มติดตามคีย์เวิร์ดได้ง่ายดาย และเช่นเดียวกับ Semrush การสมัครสมาชิกทำให้คุณสามารถเข้าถึงชุดเครื่องมือ SEO ของ Mangools ได้

หากคุณยังลังเลเกี่ยวกับ Semrush ลองดูรีวิว Semrush 2024 ฉบับเต็มของเรา Leigh McKenzie นักการตลาดด้านการเติบโตและที่ปรึกษาด้าน SEO ตั้งแต่ปี 2016 จะพาคุณไปดูคุณสมบัติหลักทั้งหมด เขาจะพาคุณไปเบื้องหลังวิธีการใช้ Semrush เพื่อสร้างรายได้หลายล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับลูกค้าของเขา

“มันไม่ยุติธรรมเลยที่จะสอดแนมคู่แข่งของคุณด้วยรายละเอียดมากขนาดนี้ แต่ นั่นคือคุณค่าของการใช้เครื่องมือ SEO อันทรงพลังอย่าง Semrush ถ้าคุณไม่ทำ คู่แข่งของคุณก็อาจจะทำกับคุณ – Leigh McKenzie”

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 200 ปัจจัยในการทำอันดับ SEO เรียบเรียงเป็นหัวข้อมาให้คุณได้อ่านเข้าใจง่าย

ความรู้ดีๆ มีให้เยอะเราได้รวบรวมมาให้คุณทั้ง บทความและเคล็ดลับการทำอันดับ SEO ที่เหล่าบริษัท SEOGURU ให้คุณได้อ่านกันที่นี่ โดยหากคุณกำลังมองหาผู้รับทำ SEO ยังไงให้ติดอันดับ เว็บมีปัญหา อยากจะสอบถามเพิ่มเติมสอบถามมาได้ที่ ปรึกษา seoguru กันฟรี