คุณรู้สึกไหมว่าเว็บไซต์ WordPress ของคุณยังไม่โดดเด่นอย่างที่ควรจะเป็น? อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ เพราะถ้าคุณเจอปัญหาใดๆ บน WordPress ล่ะก็ แทบจะมีปลั๊กอินที่พร้อมแก้ไขให้ทุกปัญหาอย่างครบถ้วน ระบบ WordPress มีปลั๊กอินมากมายทั้งแบบฟรีและพรีเมียม ที่ช่วยเติมเต็มเว็บไซต์ของคุณให้สมบูรณ์แบบ
ในบทความนี้ SEOGURU ได้รวบรวม “ที่สุดของที่สุด” ปลั๊กอิน (WordPress Plugins) ที่จะช่วยแก้ปัญหาจริง ๆ และเปลี่ยนเว็บไซต์ของคุณให้โดดเด่นเหนือใคร
ปลั๊กอิน WordPress คืออะไร?
WordPress เป็นระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก ครอบคลุมมากกว่า 43% ของเว็บไซต์ทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ต ปลั๊กอิน WordPress คือซอฟต์แวร์ที่เพิ่มฟีเจอร์เฉพาะให้เว็บไซต์ โดยช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งและขยายฟังก์ชันได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเอง ปลั๊กอินใช้งานง่าย และมีปลั๊กอินฟรีหลายหมื่นตัวที่สามารถเพิ่มความสามารถให้เว็บไซต์ของคุณได้โดยไม่ต้องเสียเงิน แต่ปลั๊กอินพรีเมียมหลายตัวก็มีประสิทธิภาพสูงกว่า และบางครั้งปลั๊กอินฟรีอาจต้องอัปเกรดเป็นเวอร์ชันเสียเงินเพื่อใช้งานได้อย่างเต็มที่
ในขณะที่ WordPress เองก็น่าประทับใจอยู่แล้ว การเสริมด้วยปลั๊กอินทำให้แพลตฟอร์มนี้สามารถทำทุกอย่างได้ดีขึ้น ฟีเจอร์ที่ปลั๊กอินสามารถเพิ่มให้ ได้แก่ ปุ่มแชร์โซเชียลมีเดีย การเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วเว็บไซต์ การสร้างแบบฟอร์ม และการจัดการแบ็คอัพเว็บไซต์
ปลั๊กอิน WordPress แบบไหนที่ควรมี?
แม้ว่าแต่ละเว็บไซต์จะมีความต้องการเฉพาะตัว แต่ปลั๊กอินบางประเภทถือว่าเป็นสิ่งที่ “ต้องมี” เช่น ปลั๊กอินสำหรับความปลอดภัย, SEO, แคช, การแบ็คอัพ, แบบฟอร์มติดต่อ และโซเชียลมีเดีย สิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ ป้องกันภัยคุกคาม และสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้ใช้ได้มากขึ้น
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุด
เราได้พิจารณาหลายปัจจัยในการเลือกปลั๊กอินที่ดีที่สุดสำหรับลิสต์นี้ อันดับแรก เราพิจารณาจำนวนการติดตั้งและรีวิว เนื่องจากความคิดเห็นเชิงบวกแสดงถึงการยอมรับของชุมชน ถัดมา เรามองหาตัวเลือกที่ได้รับการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอและรองรับเวอร์ชันล่าสุดของ WordPress สุดท้าย เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและตรวจสอบว่าปลั๊กอินพัฒนาโดยแหล่งที่เชื่อถือได้ นอกเหนือจากเกณฑ์สำคัญเหล่านี้ ทุกปลั๊กอินในลิสต์นี้คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในหมวดหมู่ของมัน
ลิสต์นี้รวมปลั๊กอินที่จำเป็นและตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเว็บไซต์ WordPress ประเภทต่าง ๆ หากคุณมีปัญหา หรือต้องการเพิ่มฟังก์ชันใดๆ หนึ่งในปลั๊กอินเหล่านี้อาจเป็นคำตอบของคุณ
1. Rank Math
ปลั๊กอิน SEO ที่ดีที่สุดสำหรับ WordPress
แม้ว่า WordPress จะเป็นมิตรกับ SEO แต่การติดตั้งปลั๊กอิน SEO ที่ดีนั้นจำเป็นอย่างยิ่งหากคุณต้องการติดอันดับสูงในผลการค้นหา (SERPs) ตัวเลือกอันดับหนึ่งของเราคือ Rank Math ซึ่งเหมาะกับทุกเว็บไซต์ โดยมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น WooCommerce SEO, การติดตาม 404, อินเทอร์เฟซ SEO แบบหน้าเว็บ, ข้อเสนอแนะการสร้างลิงก์ และการเพิ่มประสิทธิภาพคีย์เวิร์ดขั้นสูง นอกจากนี้ยังรวมเข้ากับ Divi Builder ได้อย่างไร้รอยต่อ
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ Rank Math
- แดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย: จัดการ SEO ได้ง่ายดายด้วยอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้
- SEO หน้าเว็บแบบเรียลไทม์: ช่วยให้ปรับปรุง SEO ได้ทันที
- การเพิ่มประสิทธิภาพคีย์เวิร์ดขั้นสูง: ช่วยให้เลือกและจัดอันดับคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- คำแนะนำการสร้างลิงก์: มอบคำแนะนำเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของลิงก์โปรไฟล์
- โมดูลเสริม: รองรับ ACF, AMP, Google Search Console, การเปลี่ยนเส้นทาง และ Schema Markup
ทำไมเราถึงเลือก Rank Math
Rank Math ได้รับการคัดเลือกให้เป็นปลั๊กอินยอดเยี่ยมในลิสต์ของเรา เพราะมันผสมผสานฟีเจอร์ที่ทรงพลังเข้ากับความง่ายในการใช้งานได้อย่างลงตัว เครื่องมือ SEO ตัวนี้ตอบโจทย์ทั้งมือใหม่และมือโปรในสายงาน SEO และยังคงเป็นหนึ่งในปลั๊กอินที่ดีที่สุด ด้วยการอัปเดตและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
ใครเหมาะกับการใช้ Rank Math?
ถ้าคุณเป็นผู้ใช้งานธีม Divi คุณจะต้องหลงรัก Rank Math เพราะมันทำงานร่วมกับ Page Builder ได้อย่างแนบเนียน นอกจากนี้ยังเป็นปลั๊กอินที่ครบเครื่องสำหรับการทำ SEO ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นเขียนบล็อก หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเว็บไซต์ Rank Math ก็พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการ ตั้งแต่การปรับแต่งคีย์เวิร์ดไปจนถึงการรองรับ Schema โดยไม่ทำให้คุณรู้สึกว่าเครื่องมือนี้ซับซ้อนเกินไป
ตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจ: All-in-One SEO, Yoast SEO
รีวิวจากผู้ใช้งาน
ผู้ใช้งานต่างชื่นชอบ Rank Math เพราะมันมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยให้การแข่งขันในสาย SEO ง่ายขึ้น โดยเฉพาะฟีเจอร์ AI ที่นำเทคโนโลยี Generative AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กระบวนการ SEO บน WordPress
ราคา
Rank Math มีเวอร์ชันฟรีที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เริ่มต้นหรือเว็บไซต์ขนาดเล็ก แต่สำหรับผู้ใช้งานขั้นสูงที่ต้องการฟีเจอร์เพิ่มเติมและการสนับสนุนพรีเมียม คุณสามารถเลือกเวอร์ชัน Pro ได้ในราคาเพียง $6.58 ต่อเดือน ที่จะช่วยยกระดับการทำ SEO ของคุณให้ไปสู่จุดสูงสุด
2. UpdraftPlus
สุดยอดปลั๊กอินแบ็คอัพที่เชื่อถือได้สำหรับ WordPress
ต่อไปในลิสต์ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุด เราขอแนะนำ UpdraftPlus หนึ่งในปลั๊กอินแบ็คอัพยอดนิยมที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง มันมาพร้อมกับโซลูชันแบ็คอัพที่ง่ายและเชื่อถือได้ในคลิกเดียว รองรับการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ เช่น Dropbox, Google Drive, Amazon S3 และบริการยอดนิยมอื่น ๆ
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ UpdraftPlus
- แบ็คอัพไปยังพื้นที่จัดเก็บในเครื่องหรือคลาวด์
ให้คุณสำรองข้อมูลเว็บไซต์ไปยังตัวเลือกพื้นที่จัดเก็บที่หลากหลาย ทั้งแบบในเครื่องและคลาวด์ มั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณปลอดภัยและเข้าถึงได้ทุกที่ - การกู้คืนเว็บไซต์ในคลิกเดียว
ฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณกู้คืนเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วเพียงคลิกเดียว ลดปัญหาการหยุดทำงานและความยุ่งยาก - การเข้ารหัสฐานข้อมูล (สำหรับพรีเมียม)
เพิ่มความปลอดภัยให้แบ็คอัพของคุณด้วยการเข้ารหัสฐานข้อมูล ฟีเจอร์นี้มีเฉพาะในเวอร์ชันพรีเมียม - การย้ายเว็บไซต์ (สำหรับพรีเมียม)
ย้ายเว็บไซต์ของคุณไปยังการติดตั้ง WordPress อื่นได้อย่างง่ายดาย เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายหรือคัดลอกเว็บไซต์
ทำไมเราถึงเลือก UpdraftPlus
UpdraftPlus โดดเด่นด้วยความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือ มันให้คุณเลือกพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้หลากหลาย พร้อมทั้งมีฟีเจอร์กู้คืนเว็บไซต์ที่ง่ายดาย เหมาะสำหรับทั้งผู้ใช้มือใหม่และมือโปร
ใครเหมาะกับการใช้ UpdraftPlus?
UpdraftPlus เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการระบบแบ็คอัพที่ปลอดภัย พร้อมตัวเลือกการจัดเก็บข้อมูลที่หลากหลาย รวมถึงการย้ายเว็บไซต์ หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่ให้ความอุ่นใจเรื่องการสำรองข้อมูล UpdraftPlus คือคำตอบที่คุณต้องมีติดเว็บไซต์ไว้
ตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจ: BackupBuddy หรือ VaultPress (ซึ่งตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Jetpack) ก็น่าใช้ไม่แพ้กัน
รีวิวจากผู้ใช้งาน
UpdraftPlus ได้รับคำชมอย่างล้นหลามจากชุมชน WordPress ผู้ใช้ต่างยกย่องในเรื่องความน่าเชื่อถือและการใช้งานที่ง่ายดาย มันช่วยมอบความสบายใจให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ เพราะรู้ว่าเว็บไซต์ของพวกเขาปลอดภัยเสมอ
ราคา
- เวอร์ชันฟรี: ใช้สำหรับการสำรองข้อมูลพื้นฐาน
- เวอร์ชันพรีเมียม: เริ่มต้นที่ $70 ต่อปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การเข้ารหัสฐานข้อมูลและการย้ายเว็บไซต์
3. EWWW Image Optimizer
ปลั๊กอินที่ดีที่สุดสำหรับการบีบอัดภาพอัตโนมัติใน WordPress
ถ้าคุณต้องการปรับแต่งรูปภาพบนเว็บไซต์ให้เหมาะสมที่สุด การใช้ปลั๊กอินสำหรับการปรับแต่งรูปภาพคือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด แม้ว่า WordPress จะมีฟีเจอร์ในตัวสำหรับลดขนาดไฟล์ภาพ แต่บางครั้งก็อาจไม่เพียงพอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เราขอแนะนำ EWWW Image Optimizer
ปลั๊กอินนี้จะช่วย ปรับขนาดภาพอัตโนมัติ และลบข้อมูล Metadata ที่ไม่จำเป็น เพื่อประหยัดพื้นที่และเพิ่มความเร็วให้เว็บไซต์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Lazy Loading และสามารถแปลงไฟล์ PNG และ JPG เป็น WebP ได้อีกด้วย
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ EWWW Image Optimizer
- ควบคุมคุณภาพและระดับการบีบอัดได้อย่างสมบูรณ์แบบ: ปรับแต่งระดับการบีบอัดภาพได้ตามความต้องการ เพื่อหาสมดุลที่ลงตัวระหว่างคุณภาพและขนาดไฟล์
- ลดขนาดไฟล์ภาพที่มีอยู่เดิม: บีบอัดคลังภาพทั้งหมดของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดการใช้งานพื้นที่จัดเก็บและแบนด์วิดท์ได้อย่างมาก
- บีบอัดภาพใหม่โดยอัตโนมัติ: ทุกครั้งที่คุณอัปโหลดภาพใหม่ ปลั๊กอินจะปรับแต่งให้ทันที ทำให้งานของคุณง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
- รองรับรูปแบบ WebP: ใช้รูปแบบ WebP ซึ่งให้คุณภาพภาพที่สูงในขนาดไฟล์ที่เล็กลง พร้อมรองรับไฟล์รูปภาพมาตรฐานอื่น ๆ
ทำไมเราถึงเลือก EWWW Image Optimizer
ปลั๊กอินนี้ติดอันดับหนึ่งในลิสต์ของเราเพราะ ความสามารถในการปรับแต่งภาพที่สมดุลระหว่างคุณภาพและขนาด มันคือเกมเปลี่ยนสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการลดขนาดไฟล์ภาพโดยไม่ทำให้คุณภาพลดลงอย่างชัดเจน
ใครเหมาะกับการใช้ EWWW Image Optimizer?
EWWW Image Optimizer เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการการบีบอัดภาพแบบ ไร้การสูญเสียคุณภาพ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีภาพจำนวนมาก เช่น เว็บไซต์ช่างภาพ บล็อกเกอร์ หรือร้านค้าออนไลน์ ที่ความเร็วและประสิทธิภาพของเว็บไซต์มีความสำคัญมาก
ตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจ: Short Pixel และ Smush
รีวิวจากผู้ใช้งาน
ปลั๊กอินนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากชุมชน WordPress ว่าเป็นเครื่องมือที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้ต่างยกย่องในความง่ายของการใช้งานและความสามารถในการปรับแต่งที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่กระทบต่อคุณภาพของภาพ
ราคา
- เวอร์ชันฟรี: เหมาะสำหรับการใช้งานพื้นฐาน
- เวอร์ชันพรีเมียม: เริ่มต้นที่ $7 ต่อเดือน สำหรับฟีเจอร์ขั้นสูงและการปรับแต่งที่เหมาะกับเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมจำนวนมาก
4.WP Rocket
ปลั๊กอินแคชที่ดีที่สุดสำหรับเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพเว็บไซต์ WordPress
ถ้าคุณต้องการเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ของคุณ WP Rocket คือหนึ่งในปลั๊กอินที่ทรงพลังที่สุดสำหรับงานนี้! ด้วยฟีเจอร์ที่ใช้งานง่าย เช่น การแคชหน้า (Page Caching), การแคชเบราว์เซอร์ (Browser Caching), การปรับแต่งรูปภาพ (Image Optimization), การลดขนาด CSS และ JavaScript รวมถึงการผสานโค้ด (Concatenation) คุณสามารถเพิ่มความเร็วของเว็บไซต์ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางเทคนิคเลย
WP Rocket สามารถสร้างหน้าเว็บแบบคงที่ (Static HTML Pages) และแสดงผลให้ผู้เข้าชม ซึ่งช่วยลดเวลาในการโหลดหน้าเว็บได้อย่างมาก อีกทั้งยังเปิดใช้งาน GZIP Compression เพื่อลดขนาดไฟล์ และฟีเจอร์ Lazy Loading ที่โหลดรูปภาพและวิดีโอเฉพาะเมื่อผู้เข้าชมเลื่อนลงไปยังตำแหน่งนั้น นอกจากนี้ยังช่วยลบข้อมูลที่ไม่จำเป็นในฐานข้อมูล WordPress เช่น การบันทึกแก้ไขโพสต์ (Post Revisions), แบบร่างอัตโนมัติ (Auto Drafts), และคอมเมนต์สแปม เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์โดยรวม
แม้ว่า WP Rocket จะไม่ใช่ปลั๊กอินฟรี แต่ความง่ายในการใช้งานและผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าคุ้มค่ากับราคา $59 อย่างมาก ปลั๊กอินแคชอื่น ๆ อาจมีการตั้งค่าที่ซับซ้อนจนทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย แต่ WP Rocket ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ทุกระดับ ช่วยให้ทุกคนสามารถใช้งานได้อย่างสบายใจ
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ WP Rocket
- การแคชเบราว์เซอร์และแคชหน้า พร้อม GZIP Compression: เพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ด้วยการแคชและบีบอัดไฟล์อย่างมีประสิทธิภาพ
- การลดขนาด CSS และ JavaScript: ลดคำสั่ง HTTP และทำให้โค้ดเว็บไซต์เรียบง่าย ช่วยให้หน้าเว็บโหลดเร็วขึ้น
- การปรับแต่งฐานข้อมูล: ล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็น ทำให้เว็บไซต์เบาและตอบสนองได้รวดเร็วขึ้น
- Lazy Loading: ชะลอการโหลดรูปภาพและวิดีโอจนกว่าผู้ใช้งานจะเลื่อนมาถึง ช่วยเพิ่มความเร็วในครั้งแรกที่หน้าโหลด
ใครเหมาะกับการใช้ WP Rocket?
WP Rocket เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการปรับปรุงความเร็วโดยไม่ต้องยุ่งยากกับการตั้งค่า ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญ WP Rocket ตอบโจทย์ด้วยฟีเจอร์ที่ทรงพลังและใช้งานง่าย
ตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจ: สำหรับปลั๊กอินฟรี สามารถใช้ W3 Total Cache หรือ Autoptimize
รีวิวจากผู้ใช้งาน
ชุมชน WordPress ให้การยอมรับ WP Rocket อย่างกว้างขวาง ผู้ใช้ส่วนใหญ่ชื่นชมความง่ายในการใช้งานและผลลัพธ์ที่โดดเด่นในด้านความเร็วเว็บไซต์ มันถูกแนะนำบ่อยครั้งว่าเป็นปลั๊กอินที่ให้ประโยชน์ครบถ้วนและสร้างความแตกต่างได้จริง
ราคา
WP Rocket มีราคาเริ่มต้นที่ $59 ต่อปี ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพเว็บไซต์
5.Divi Builder
สุดยอดปลั๊กอินสำหรับการสร้างเว็บไซต์แบบ Visual Editor
ต่อไปเราขอแนะนำ Divi Builder หนึ่งในปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการออกแบบเลย์เอาต์และดีไซน์เว็บไซต์ในแบบที่คุณต้องการ ผู้ใช้งานสามารถสร้างหน้าเพจและโพสต์ด้วยโมดูลการออกแบบกว่า 200 แบบ เช่น ข้อความ, รูปภาพ, ปุ่ม, สไลเดอร์, แท็บ, วิดีโอ และอื่น ๆ อีกมากมาย
Divi Builder มาพร้อม Visual Builder ที่ใช้งานง่ายแบบลากและวาง (Drag-and-Drop) โดยไม่ต้องเขียนโค้ด คุณสามารถออกแบบหน้าเว็บได้ทันทีผ่านส่วนหน้าของเว็บไซต์
Theme Builder (มีเฉพาะใน Divi Theme ไม่ใช่ในปลั๊กอิน) ช่วยให้คุณสร้างเทมเพลตหน้าเพจที่ปรับแต่งได้เองสำหรับโพสต์ ผลิตภัณฑ์ หมวดหมู่ แท็ก และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ Divi Builder ยังสามารถใช้งานร่วมกับปลั๊กอิน WordPress ชั้นนำได้อย่างลงตัว และใช้งานได้กับธีม WordPress ทุกแบบ ทำให้มันกลายเป็นปลั๊กอินที่ยืดหยุ่นและหลากหลายที่สุดในตลาดตอนนี้
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ Divi Builder
- Drag-and-Drop Visual Builder แบบไม่ต้องเขียนโค้ด: ออกแบบหน้าเว็บไซต์ได้อย่างสวยงามด้วยเครื่องมือที่ใช้งานง่าย แม้ไม่มีทักษะการเขียนโค้ด
- 200+ โมดูลการออกแบบที่ปรับแต่งได้: เลือกและปรับแต่งองค์ประกอบของเว็บไซต์ได้หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
- 2200+ เลย์เอาต์สำเร็จรูป: มีคลังเลย์เอาต์สำเร็จรูปกว่า 2200 แบบ ให้คุณเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
- AI ขั้นสูงใน Divi AI: ฟีเจอร์ AI อัจฉริยะสำหรับการสร้างสรรค์เนื้อหาและการออกแบบ มาพร้อมเครดิตทดลองใช้งานฟรีสำหรับสมาชิก Divi
ใครเหมาะกับการใช้ Divi Builder?
Divi Builder เปรียบเสมือนความฝันที่กลายเป็นจริงสำหรับนักออกแบบกราฟิกและนักพัฒนาเว็บไซต์ที่มองหาเครื่องมือที่ทั้งทรงพลังและใช้งานง่าย ช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามและใช้งานได้จริงได้อย่างไร้ขีดจำกัด นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการสร้างเว็บไซต์อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นบล็อกเกอร์หรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก Divi มอบแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายโดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด Divi ยังเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่เมื่อเทียบกับการออกแบบเว็บไซต์ด้วยบล็อกพื้นฐานของ WordPress หรือ Classic Editor ซึ่งช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ในฝันได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
รีวิวจากผู้ใช้งาน
Divi ได้รับการชื่นชมอย่างต่อเนื่องในชุมชน WordPress สำหรับความยืดหยุ่นและดีไซน์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ ความนิยมนี้สะท้อนถึงประสิทธิภาพของ Divi Builder ในการช่วยให้การสร้างเว็บไซต์เป็นเรื่องง่ายและเต็มไปด้วยตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลาย
ราคา
สมาชิก Divi (ซึ่งรวม Divi Builder Plugin, Divi Theme, Bloom, และ Monarch) มีราคาเริ่มต้นที่ $89 ต่อปี และสามารถใช้ธีมและปลั๊กอินทั้งหมดในแพ็กเกจนี้กับเว็บไซต์ได้ไม่จำกัด
6. WPForms
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างฟอร์มได้ง่าย
WPForms เป็นปลั๊กอินฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับ WordPress ด้วยอินเทอร์เฟซแบบลากและวางที่ใช้งานง่าย มีฟิลด์ฟอร์มให้เลือกถึง 10 แบบ พร้อมเทมเพลตฟอร์มหลากหลาย คุณสามารถสร้างฟอร์มได้ตามต้องการ นอกจากนี้ WPForms ยังมาพร้อมฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น Conditional Logic, Geolocation, Captcha และ การเชื่อมต่ออีเมลอัตโนมัติ ผ่าน Constant Contact และ Uncanny Automator
อีกทั้งยังรองรับ เกตเวย์การชำระเงิน หลากหลาย เช่น Stripe, PayPal และ Square ครบครันทุกฟังก์ชันในที่เดียว
WPForms เป็นปลั๊กอินฟอร์มที่สมบูรณ์แบบสำหรับ WordPress แม้แต่ในเวอร์ชันฟรีก็มีทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการสร้างฟอร์มง่ายๆ อย่างไรก็ตาม หากต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น ฟอร์มหลายหน้า, ฟิลด์เพิ่มเติมอีก 28 แบบ, และการเชื่อมต่อกับ MailChimp, ActiveCampaign, และ Sendinblue คุณจะต้องอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน Pro
จุดเด่นของ WPForms
1. อินเทอร์เฟซแบบลากและวาง
ช่วยให้การสร้างฟอร์มง่ายดายและใช้งานได้ทุกระดับทักษะ
2. เทมเพลตฟอร์มหลากหลาย
มีเทมเพลตที่ตอบโจทย์หลากหลายความต้องการ ทำให้การสร้างฟอร์มรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
3. Conditional Logic
สร้างฟอร์มที่ปรับเปลี่ยนได้ตามข้อมูลที่ผู้ใช้กรอก เพิ่มประสบการณ์ใช้งานและความแม่นยำ
4. เกตเวย์การชำระเงินหลากหลาย
รองรับการชำระเงินผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Stripe, PayPal และ Square
5. ฟอร์มหลายหน้า (Pro)
เหมาะสำหรับแบบสำรวจหรือแบบฟอร์มที่ต้องการรายละเอียดมาก
6. การผสานกับ Divi
ทำให้สามารถออกแบบฟอร์มที่ดูหรูหราในเว็บไซต์ที่ใช้ Divi ได้อย่างง่ายดาย
อ่านรีวิว WPForms Pro เพื่อดูว่าทำไมถึงเป็นโซลูชันฟอร์มที่ใช้มากที่สุดใน WordPress
WPForms เหมาะกับใคร?
WPForms เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการสร้างฟอร์มอย่างง่ายด้วยอินเทอร์เฟซแบบลากและวาง และผู้ที่ต้องการเชื่อมต่อฟอร์มกับซอฟต์แวร์อัตโนมัติทางอีเมลอย่างง่ายดาย เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และนักการตลาดมืออาชีพ ด้วยความง่ายในการใช้งานและฟังก์ชันที่ครบครัน
ทางเลือกที่ดีที่สุด
Gravity Forms และ Fluent Forms
รีวิวจากชุมชนและการให้คะแนน
WPForms ได้รับคำชมอย่างล้นหลามจากชุมชน WordPress ด้วยคะแนนสูงในคลังปลั๊กอิน ผู้ใช้ชื่นชมในความง่ายดาย, ความหลากหลาย, และการเชื่อมต่อที่ยอดเยี่ยม ทำให้ WPForms เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับการสร้างฟอร์มบน WordPress
ราคา
WPForms มีเวอร์ชันฟรี (WPForms Lite) ที่เหมาะสำหรับการสร้างฟอร์มพื้นฐาน โดยเวอร์ชันพรีเมียมเริ่มต้นที่ $99 ต่อปี ซึ่งถือเป็นโซลูชันที่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูงและการเชื่อมต่อเพิ่มเติม
เวอร์ชันพรีเมียมมอบความยืดหยุ่นให้กับผู้ใช้ในหลายด้าน เช่น การสร้างฟอร์มแบบหลายหน้า, การเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอีเมลชั้นนำ, และการใช้ Conditional Logic เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานฟอร์ม
7. LoginWP
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับปรับปรุงกระบวนการเข้าสู่ระบบ
LoginWP เป็นปลั๊กอินสำหรับการรีไดเรกต์ที่ได้รับความนิยม ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถกำหนดเส้นทางผู้ใช้ไปยังหน้าต่างๆ ได้หลังจากเข้าสู่ระบบหรือออกจากระบบ ด้วยปลั๊กอินนี้ คุณสามารถปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้และทำให้กระบวนการเข้าสู่ระบบราบรื่นขึ้น เพราะผู้ใช้สามารถถูกรีไดเรกต์ไปยังหน้าที่ต้องการได้ทันทีหลังจากเข้าสู่ระบบ
นอกจากนี้ คุณยังสามารถสร้างแบบฟอร์มเข้าสู่ระบบที่กำหนดเองได้อย่างง่ายดาย รวมถึงเพิ่มฟิลด์, โลโก้, และข้อความเฉพาะตัวผ่าน ProfilePress ได้อีกด้วย
LoginWP มาพร้อมฟีเจอร์การปรับแต่งขั้นสูง เช่น การกำหนดพารามิเตอร์การเข้าสู่ระบบเฉพาะตัว เช่น การรีไดเรกต์ผู้ใช้ตามที่อยู่ IP หรือไปยังหน้าพิเศษหลังจากเข้าสู่ระบบครั้งแรก
ในเวอร์ชัน Pro, LoginWP ยังรองรับการใช้งานร่วมกับปลั๊กอินยอดนิยมอย่าง LearnDash และ MemberPress ซึ่งช่วยให้คุณสามารถกำหนดเส้นทางผู้ใช้ไปยังหน้าที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ นี่จึงเป็นหนึ่งในปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ราบรื่นและเฉพาะตัว
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ LoginWP
- Redirect Users After Login/Logout
ช่วยให้ผู้ใช้ถูกนำไปยังหน้าที่ต้องการหลังจากเข้าสู่ระบบหรือออกจากระบบได้ง่าย - Create Custom Redirect Rules
คุณสามารถตั้งกฎการรีไดเรกต์ที่ปรับแต่งได้ตามบทบาทผู้ใช้ ความสามารถ หรือกฎทั่วไป เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับเว็บไซต์ของคุณ - Integration with Popular WordPress Plugins
WordPress Plugins รองรับปลั๊กอินสำคัญอย่าง LearnDash, MemberPress, และ WooCommerce เพื่อการใช้งานที่หลากหลายและยืดหยุ่น
LoginWP เหมาะกับใคร?
LoginWP เหมาะสำหรับผู้ดูแลเว็บไซต์ที่ต้องการจัดการการรีไดเรกต์ผู้ใช้หลังจากเข้าสู่ระบบหรือออกจากระบบได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่เป็นระบบสมาชิกหรือระบบการเรียนการสอน (LMS) มันช่วยแก้ปัญหาในการนำทางผู้ใช้ไปยังเนื้อหาหรือหน้าที่เหมาะสมหลังจากเข้าสู่ระบบ
ทางเลือกที่ดีที่สุด
Login With Ajax
รีวิวจากชุมชนและการให้คะแนน
ชุมชน WordPress ให้คำชมอย่างล้นหลามเกี่ยวกับ LoginWP ผู้ใช้ชื่นชอบในความง่ายและความยืดหยุ่นในการสร้างประสบการณ์เฉพาะตัวสำหรับผู้ใช้ แม้แต่ผู้ที่มีทักษะทางเทคนิคจำกัดก็สามารถทำให้เว็บไซต์ดูเป็นมืออาชีพได้
ราคา
LoginWP มีเวอร์ชันฟรีพร้อมฟังก์ชันพื้นฐานที่ใช้งานได้ทุกคน ส่วนเวอร์ชันพรีเมียมเริ่มต้นที่ $49 ต่อปี สำหรับหนึ่งเว็บไซต์ มาพร้อมฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น เงื่อนไขการรีไดเรกต์และตัวแปรเฉพาะตัว
8. MonsterInsights
แดชบอร์ดวิเคราะห์ที่ดีที่สุดสำหรับ WordPress
ถัดมาในรายชื่อปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดคือ MonsterInsights ซึ่งเป็นปลั๊กอิน Google Analytics ที่ได้รับความนิยมสูงสุด MonsterInsights เชื่อมต่อกับ WordPress ได้อย่างราบรื่น มาพร้อมอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย พร้อมรายงานเกี่ยวกับแหล่งที่มาของทราฟฟิก, บทความที่มีประสิทธิภาพสูงสุด, การเข้าชมเว็บไซต์, และการติดตามคลิกบนโทรศัพท์หรืออีเมล
นอกจากนี้ยังรองรับการติดตามการแปลงฟอร์มและฟีเจอร์อื่นๆ ที่ช่วยให้คุณเข้าใจประสิทธิภาพของเว็บไซต์ MonsterInsights ทำให้การเข้าถึงและการตีความข้อมูลจาก Google Analytics ง่ายขึ้นผ่านแดชบอร์ด WordPress โดยเน้นความสะดวกและการรายงานที่ครบถ้วน
นอกจากการให้ข้อมูลวิเคราะห์เว็บไซต์แล้ว MonsterInsights ยังช่วยวิเคราะห์ความเร็วของเว็บไซต์ทั้งบนอุปกรณ์เดสก์ท็อปและมือถือ ฟีเจอร์นี้ช่วยตรวจจับปัญหาต่างๆ และให้คำแนะนำในการปรับปรุงประสิทธิภาพ
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ MonsterInsights
- แดชบอร์ดรายงานที่เรียบง่าย
แสดงข้อมูลวิเคราะห์ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายภายในแดชบอร์ด WordPress - Event Tracking
ติดตามการโต้ตอบเฉพาะของผู้ใช้ เช่น การคลิกปุ่มหรือลิงก์ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมอย่างละเอียด - Track 404 Errors
ระบุและติดตามข้อผิดพลาด 404 เพื่อช่วยแก้ไขลิงก์ที่เสีย เพิ่มประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น - รายงานข้อมูลประชากรอย่างละเอียด
ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ชม ช่วยพัฒนากลยุทธ์การตลาดและการสร้างเนื้อหาเฉพาะกลุ่ม
MonsterInsights เหมาะกับใคร?
MonsterInsights เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการติดตามทราฟฟิกและการโต้ตอบบนเว็บไซต์ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูล Google Analytics ได้ง่าย และติดตามกิจกรรมเฉพาะ เช่น การคลิกลิงก์โทรศัพท์หรืออีเมล ปลั๊กอินนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการปรับปรุงเว็บไซต์โดยอิงจากข้อมูลที่สามารถวัดผลได้ เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ทางเลือกที่ดีที่สุด
Analytify หรือ ExactMetrics
รีวิวจากชุมชนและการให้คะแนน
MonsterInsights ได้รับคำชมอย่างกว้างขวางจากชุมชน WordPress ด้วยคะแนนรีวิวสูง ผู้ใช้ชื่นชมความง่ายในการใช้งานและความสามารถในการสร้างข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์สำหรับการพัฒนาเว็บไซต์
ราคา
MonsterInsights มีเวอร์ชันฟรีสำหรับการใช้งานพื้นฐาน และเวอร์ชันพรีเมียมที่เริ่มต้นเพียง $16.58 ต่อเดือน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟีเจอร์เพิ่มเติมและการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมมากขึ้น
9. Solid Security (SoldWP)
ปลั๊กอินความปลอดภัยที่ดีที่สุดสำหรับ WordPress
ปลั๊กอินความปลอดภัยที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นในการปกป้องเว็บไซต์ WordPress ของคุณให้ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน Solid Security เป็นหนึ่งในปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดในด้านนี้ โดยช่วยป้องกันเว็บไซต์ของคุณจากการโจมตี เช่น การแฮ็ก, การโจมตีแบบ Brute Force และการโจมตีรูปแบบอื่นๆ
การตั้งค่าของ Solid Security ทำได้ง่าย ผู้ใช้ส่วนใหญ่สามารถตั้งค่าเสร็จภายในไม่กี่นาทีด้วย Configuration Wizard นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกความปลอดภัยที่ปรับแต่งได้ตามประเภทของเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ eCommerce, เครือข่าย, องค์กรไม่แสวงหากำไร, บล็อก, พอร์ตโฟลิโอ, หรือเว็บไซต์แบบ Brochure
Solid Security ให้การปกป้องที่ตรงกับความต้องการของคุณ โดยไม่เพิ่มภาระด้วยฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ได้ระดับความปลอดภัยที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด
อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการการป้องกันในระดับที่สูงขึ้น Solid Security เวอร์ชันพรีเมียมคือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ โดยมาพร้อมฟีเจอร์ที่ครอบคลุม เช่น การอัปเดตแพตช์ช่องโหว่อัตโนมัติ, การตรวจสอบมัลแวร์และข้อผิดพลาดของเว็บไซต์, การอัปเดตปลั๊กอินและธีมอัตโนมัติ, การระบุอุปกรณ์ที่พยายามเข้าสู่ระบบ, และความสามารถในการส่งออกการตั้งค่าไปยังเว็บไซต์อื่นที่คุณเป็นเจ้าของ
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ Solid Security
- การป้องกัน Brute Force: ฟีเจอร์นี้ช่วยป้องกันการโจมตีแบบ Brute Force โดยการจำกัดจำนวนครั้งในการเข้าสู่ระบบและบล็อก IP ที่น่าสงสัย
- Firewall Solution: มีไฟร์วอลล์ที่ช่วยบล็อก IP ที่เป็นอันตรายและสามารถตั้งค่าบล็อกตามประเทศ เหมาะสำหรับเว็บไซต์ eCommerce ที่ให้บริการเฉพาะในพื้นที่
- Malware Scanner & Security: มีระบบสแกนมัลแวร์ที่แข็งแกร่ง ช่วยตรวจจับและอัปเดตแพตช์ช่องโหว่อัตโนมัติ พร้อมส่งอีเมลแจ้งเตือนหากต้องดำเนินการด้วยตนเอง
- การตรวจสอบความปลอดภัยและบันทึกข้อมูล: ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดและเก็บบันทึกข้อมูลเพื่อให้คุณเข้าใจสถานะความปลอดภัยของเว็บไซต์
- Login Protection: มีมาตรการป้องกันขั้นสูง เช่น การเปลี่ยน User ID, Database Prefix และ WordPress Salts พร้อมทั้งซ่อน URL เข้าสู่ระบบเพื่อป้องกันการโจมตีจากบอต
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ของ Solid Security ได้ในรีวิวของเรา
Solid Security เหมาะกับใคร?
Solid Security เหมาะสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ WordPress ที่ต้องการโซลูชันความปลอดภัยที่ใช้งานง่ายแต่ทรงพลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความปลอดภัยโดยไม่ต้องมีความรู้ทางเทคนิคมาก เหมาะสำหรับมือใหม่และผู้ที่จริงจังเรื่องการปกป้องเว็บไซต์
ทางเลือกที่ดีที่สุด
Sucuri Security และ Wordfence Security ซึ่งมีฟีเจอร์เด่น เช่น ไฟร์วอลล์, การสแกนมัลแวร์, และการป้องกันเว็บไซต์อย่างครบวงจร
รีวิวจากชุมชนและการให้คะแนน
Solid Security ได้รับการยอมรับในชุมชนว่าเป็นปลั๊กอินที่ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ ผู้ใช้ต่างชื่นชมในมาตรการป้องกันที่ครอบคลุมและการสนับสนุนที่ดี Solid Security เดิมคือปลั๊กอิน iThemes Security ที่ได้รับการรีแบรนด์ใหม่ ทำให้เป็นหนึ่งในเครื่องมือความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือที่สุดในตลาด
ราคา
Solid Security มีเวอร์ชันพื้นฐานฟรีที่ครอบคลุมความต้องการด้านความปลอดภัยพื้นฐาน สำหรับผู้ที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง แผนพรีเมียมเริ่มต้นที่ $99 ต่อปี
10. WP-Optimize
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการเพิ่มความเร็วและการปรับแต่งฐานข้อมูล
WP-Optimize ถือเป็นหนึ่งในปลั๊กอินเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วที่ดีที่สุดสำหรับ WordPress เครื่องมือทรงพลังนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสิทธิภาพโดยการเพิ่มประสิทธิภาพฐานข้อมูลและลบข้อมูลที่ไม่จำเป็น WP-Optimize สามารถทำงานได้หลากหลาย เช่น การลบคอมเมนต์และการแก้ไขโพสต์ที่ไม่ต้องการ การเพิ่มประสิทธิภาพตารางฐานข้อมูล และการบีบอัดรูปภาพ
นอกจากนี้ WP-Optimize ยังมีฟีเจอร์ขั้นสูงที่ช่วยให้คุณสามารถตั้งเวลาล้างฐานข้อมูลเป็นประจำ แคชหน้าหรือโพสต์บนเว็บไซต์ โหลดภาพแบบ Lazy Load และลดขนาดไฟล์ CSS, JS, และ HTML ฟีเจอร์การแคชเหล่านี้ช่วยเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ ทำให้ผู้เยี่ยมชมได้รับประสบการณ์การใช้งานที่รวดเร็ว
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ WP-Optimize
- Scheduled Database Cleanups: ช่วยให้คุณตั้งเวลาล้างฐานข้อมูลได้อย่างยืดหยุ่นและอัตโนมัติ ทำให้การดูแลฐานข้อมูลสะดวกยิ่งขึ้น
- Minify CSS and Javascript: ลดขนาดไฟล์ CSS และ Javascript เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์
- Remove Unwanted Comments: ลบคอมเมนต์ที่ไม่จำเป็น เช่น สแปม ช่วยให้ฐานข้อมูลเบาและจัดการง่ายขึ้น
- Optimize Database Tables: เพิ่มประสิทธิภาพตารางฐานข้อมูลเพื่อสุขภาพและความเสถียรของเว็บไซต์โดยรวม
WP-Optimize เหมาะกับใคร?
WP-Optimize เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปลั๊กอินอเนกประสงค์ที่รวมความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพฐานข้อมูลและการแคชไว้ในตัวเดียว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพ อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายทำให้เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และผู้ใช้งานขั้นสูง
ทางเลือกที่ดีที่สุด: WP Rocket, Nitro Pack
รีวิวจากชุมชนและการให้คะแนน
WP-Optimize ได้รับคะแนนสูงสำหรับทั้งเวอร์ชันฟรีและพรีเมียม ผู้ใช้ชื่นชมในความสามารถในการปรับปรุงเว็บไซต์โดยไม่ต้องใช้โค้ด ช่วยเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพได้อย่างมีประสิทธิผล
ราคา
WP-Optimize มีเวอร์ชันฟรีที่มาพร้อมฟีเจอร์พื้นฐาน เช่น การล้างฐานข้อมูล, การแคชเว็บไซต์, และการลดขนาดไฟล์ CSS และ JS สำหรับฟีเจอร์ขั้นสูง เวอร์ชันพรีเมียมเริ่มต้นที่ $49 ต่อปี
11. CleanTalk
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันสแปม
ถัดมาคือ CleanTalk หนึ่งในปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการควบคุมสแปม ปลั๊กอินนี้ใช้เทคนิคหลากหลายเพื่อระบุและบล็อกสแปมอย่างรวดเร็ว เช่น การวิเคราะห์เนื้อหา, การวิเคราะห์ IP, และการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ เช่นเดียวกับปลั๊กอินป้องกันสแปมอื่นๆ CleanTalk จะตรวจสอบคอมเมนต์และการลงทะเบียนกับฐานข้อมูลของผู้ส่งสแปมที่รู้จัก
นอกจากนี้ CleanTalk ยังให้การป้องกันแบบเรียลไทม์ต่อเทคนิคสแปมใหม่ๆ และที่กำลังเกิดขึ้น หนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ CleanTalk คือความสามารถในการเข้ารหัสข้อมูลการติดต่อ ซึ่งทำให้สแปมครอว์เลอร์ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูล เช่น ที่อยู่อีเมลและข้อมูลสำคัญอื่นๆ ที่อยู่ในเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณได้ ช่วยให้ข้อมูลเหล่านั้นปลอดภัย
CleanTalk เป็นปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการควบคุมสแปมในทุกรูปแบบบนเว็บไซต์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มลงทะเบียน, คอมเมนต์, หรือฟอร์มติดต่อ นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับฟอร์มของบุคคลที่สาม เช่น การสมัครสมาชิก Mailchimp ได้อย่างราบรื่น เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณปลอดสแปม
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ CleanTalk
- ติดตั้งง่าย: ขั้นตอนการติดตั้งและตั้งค่าทำได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้ทุกระดับทักษะ
- ไม่มี CAPTCHA หรือการยืนยันผู้ใช้แบบอื่น: เพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้โดยไม่ต้องเผชิญกับ CAPTCHA
- ป้องกันสแปมแบบเรียลไทม์: ให้การป้องกันที่ต่อเนื่องและเชิงรุกต่อสแปม
- รายงานกิจกรรมสแปมอย่างละเอียด: มีการวิเคราะห์และรายงานข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับกิจกรรมสแปมบนเว็บไซต์
CleanTalk เหมาะกับใคร?
CleanTalk เหมาะสำหรับผู้ใช้ WordPress ที่ต้องเผชิญกับสแปมจำนวนมากในฟอร์มและคอมเมนต์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปกป้องเว็บไซต์จากสแปมโดยไม่กระทบต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายทำให้ CleanTalk เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทั้งมือใหม่และผู้ใช้ขั้นสูงที่ต้องการจัดการสแปมอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องยุ่งยากทางเทคนิค
ทางเลือกที่ดีที่สุด
Akismet เป็นปลั๊กอิน WordPress ที่ได้รับความนิยมเช่นกัน ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายและประสิทธิภาพในการบล็อกคอมเมนต์และแทร็กแบ็คสแปม
รีวิวจากชุมชนและการให้คะแนน
CleanTalk ได้รับการชื่นชมอย่างสูงในด้านประสิทธิภาพ ความง่ายในการใช้งาน และการสนับสนุนลูกค้าที่มีคุณภาพ ผู้ใช้ชื่นชอบเพราะตั้งค่าเพียงครั้งเดียวและทำงานได้ดีเยี่ยมโดยไม่ต้องกังวล อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบกับผู้ให้บริการโฮสต์เว็บไซต์ของคุณก่อนติดตั้ง เนื่องจากบางโฮสต์อาจไม่อนุญาตให้ใช้งานปลั๊กอินนี้ด้วยเหตุผลเฉพาะของพวกเขา
ราคา
CleanTalk มีเวอร์ชันปลั๊กอินฟรีพร้อมแผนพรีเมียมที่คุ้มค่า โดยเริ่มต้นเพียง $8 ต่อปี สำหรับเว็บไซต์หนึ่งแห่ง แต่ใครจะตีราคาได้สำหรับความสบายใจที่ได้จากการกำจัดคอมเมนต์สแปมไปหมดสิ้น?
12. Blubrry PowerPress
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนา Podcast เติบโต
Blubrry คือโซลูชันที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเปลี่ยนเว็บไซต์ WordPress ของคุณให้กลายเป็นแพลตฟอร์มPodcast ที่ทรงพลัง
ปลั๊กอิน Podcast นี้มาพร้อมกับฟีเจอร์มากมายที่ทำให้การสร้างพอดแคสต์เป็นเรื่องง่าย
- มีการตั้งค่า SEO ในตัว รวมถึง Schema และ metadata ของแต่ละตอน ช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งพอดแคสต์ของคุณให้ถูกค้นหาโดยเครื่องมือค้นหาได้อย่างง่ายดาย
- คุณสามารถปรับแต่งคำนำหน้า RSS Feed เพื่อควบคุมการนำเสนอพอดแคสต์ของคุณได้มากขึ้น
- มีตัวเล่นพอดแคสต์ให้เลือกหลากหลาย เพื่อให้คุณสามารถปรับแต่งประสบการณ์การฟังให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ฟัง
ไม่ว่าคุณจะต้องการเครื่องเล่นแบบง่ายๆ หรือเครื่องเล่นที่ให้ผู้ฟังสามารถดาวน์โหลดตอนต่างๆ ดูโน้ตของแต่ละตอน หรือสมัครสมาชิกบริการต่างๆ Blubrry ก็มีให้คุณครบครัน นอกจากนี้ คุณยังสามารถฝังวิดีโอได้ทั้งแบบไฟล์วิดีโอในเว็บไซต์ของคุณเอง หรือจากบัญชี Blubrry หรือ YouTube ของคุณ ภายในเครื่องเล่นวิดีโอเฉพาะของพวกเขา ด้วย Blubrry คุณจะมีทุกสิ่งที่จำเป็นในการสร้างและโปรโมตพอดแคสต์ของคุณอยู่ในแพ็คเกจเดียวที่สะดวกสบาย
สิ่งที่ชอบเกี่ยวกับ Blubrry PowerPress
- โฮสต์ตอนพอดแคสต์ใน WordPress : เผยแพร่และจัดการพอดแคสต์ของคุณได้ง่ายๆ จากเว็บไซต์ WordPress ของคุณเอง
- ข้อมูลสถิติพอดแคสต์เชิงลึก : เข้าถึงสถิติขั้นสูงเพื่อทำความเข้าใจประสิทธิภาพของพอดแคสต์ของคุณอย่างลึกซึ้ง
- เครื่องมือ SEO ในตัว : เพิ่มการมองเห็นของพอดแคสต์ของคุณด้วยคุณสมบัติการปรับปรุง SEO
- รองรับไฟล์เสียงและวิดีโอหลายรูปแบบ : ความสามารถในการทำงานกับรูปแบบสื่อต่างๆ ตอบสนองความต้องการด้านการทำพอดแคสต์ที่หลากหลาย
- เครื่องมือการสมัครรับข้อมูล : รวมถึงวิดเจ็ตแถบด้านข้าง สำหรับการสมัครรับข้อมูลในตัว และตัวสร้างหน้าสมัครรับข้อมูลที่แก้ไขได้ ทำให้ง่ายสำหรับผู้ฟังของคุณในการติดตามพอดแคสต์ของคุณ
Blubrry PowerPress เหมาะกับใครมากที่สุด?
Blubrry PowerPress เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ใช้ WordPress ที่มีส่วนร่วมในการทำพอดแคสต์อย่างจริงจัง และต้องการการผสานรวมการโฮสต์และการจัดการพอดแคสต์ที่ราบรื่นภายในเว็บไซต์ของตนเอง เป็นเครื่องมือที่โฮสต์ด้วยตนเองที่ยอดเยี่ยมซึ่งมอบพลังและความยืดหยุ่นให้กับผู้ใช้มากขึ้น
ทางเลือกที่ดีที่สุด: Seriously Simple Podcasting (โดย Castos) และ Buzzsprout (รีวิวและคะแนนจากชุมชน)
Blubrry เป็นปลั๊กอินยอดนิยมเนื่องจากเป็นหนึ่งในปลั๊กอินเฉพาะกลุ่มไม่กี่ตัวที่จัดการพอดแคสต์โดยใช้เว็บไซต์ WordPress ที่โฮสต์ด้วยตนเอง วิธีนี้ชาญฉลาดและสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้เมื่อคุณขยายขนาดพอดแคสต์
ราคา
Blubrry PowerPress มีให้ใช้งานฟรี โดยมีใบอนุญาตแบบพรีเมียมเริ่มต้นที่ 12 ดอลลาร์ต่อเดือน แผนพรีเมียมมีพื้นที่เก็บข้อมูลและฟีเจอร์เพิ่มเติม โดยมีระดับราคาที่แตกต่างกันเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ทุกแผนมาพร้อมกับแบนด์วิธไม่จำกัด สถิติพรีเมียม และอื่นๆ อีกมากมาย
13. Advanced Ads
ปลั๊กอิน WordPress สำหรับสร้างรายได้จากโฆษณา
ปลั๊กอินสุดเจ๋งตัวใหม่ สำหรับ WordPress ช่วยคุณวางโฆษณาได้ง่ายๆ !
ปลั๊กอิน ตัวนี้จะช่วยให้คุณแทรกโฆษณาจากแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Google AdSense , Google Ad Manager, Media.net และโฆษณาจาก Amazon ได้อย่างง่ายดาย
Advanced Ads จะช่วยลดความยุ่งยากในการวางโฆษณาบนเว็บไซต์ WordPress ของคุณ ด้วยระบบการตรวจจับพื้นที่ว่างและเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้โฆษณามีคนเห็นมากที่สุด
การสร้างโฆษณาครั้งแรกด้วย Advanced Ads นั้นง่ายดายมาก คู่มือเริ่มต้นใช้งานแบบตรงไปตรงมาจะแนะนำให้คุณเลือกตำแหน่งที่ต้องการวางโฆษณาและประเภทของโฆษณาที่ต้องการแสดง นอกจากนี้ คุณยังสามารถตั้งค่าเงื่อนไขการแสดงผลได้ เช่น จะแสดงโฆษณาบนทุกหน้า หรือเฉพาะหน้าบางหน้า หรือแม้แต่กำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มบุคคลเฉพาะ
สิ่งที่เราชื่นชอบเกี่ยวกับ Advanced Ads
- รองรับหลายช่องทาง : Advanced Ads สามารถรองรับโฆษณาจากเครือข่ายต่างๆ รวมถึง Google AdSense ทำให้มั่นใจได้ถึงความเข้ากันได้ที่จำเป็น
- ตัวเลือกการวางตำแหน่งที่หลากหลาย : ปลั๊กอินนี้ช่วยให้สามารถวางตำแหน่งโฆษณาได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณควบคุมได้ว่าโฆษณาจะปรากฏที่ใดในเว็บไซต์ของคุณ
- ตัวช่วยสร้างโฆษณาใช้งานง่าย : อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย รวมถึงตัวช่วยสร้างโฆษณา ทำให้กระบวนการตั้งค่าโฆษณาเป็นไปอย่างง่ายดาย เข้าถึงได้ง่ายแม้สำหรับผู้เริ่มต้น
- เงื่อนไขการแสดงผลแบบกำหนดเอง : ให้ตัวเลือกการแสดงผลที่ยืดหยุ่น ปรับแต่งการมองเห็นโฆษณาตามประเภทอุปกรณ์และตำแหน่งที่ตั้งของผู้ใช้
Advanced Ads เหมาะกับการใช้งานยังไง ?
Advanced Ads เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการวิธีการที่ง่ายและเป็นระบบในการจัดการและแสดงโฆษณาจากหลายๆ เครือข่าย รวมถึง Google AdSense ด้วย การตั้งค่าที่ใช้งานง่ายและตัวเลือกในการวางตำแหน่งโฆษณาที่ปรับแต่งได้ ทำให้ปลั๊กอินนี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้เริ่มต้น นอกจากนี้ ปลั๊กอินนี้ยังมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการการกำหนดเป้าหมายและการปรับแต่งการแสดงโฆษณาอย่างแม่นยำตามข้อมูลประชากรของผู้ใช้และเนื้อหาของเว็บไซต์
ทางเลือกอื่นที่ดี : สำหรับฟังก์ชันที่คล้ายคลึงกัน ลองพิจารณา Ad Inserter หรือ AdRotate
รีวิวและคะแนนจากผู้ใช้
ผู้ใช้หลายคนชื่นชมความง่ายในการใช้งานและฟีเจอร์ที่มีประสิทธิภาพ บางคนอาจพูดถึงการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับฟีเจอร์ขั้นสูง แต่โดยรวมแล้ว ข้อเสนอแนะเป็นไปในทางบวกอย่างมาก และเทคโนโลยีการโฆษณาโดยธรรมชาติมีความซับซ้อนอยู่แล้ว
14. Pretty Links
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับจัดการลิงก์พันธมิตร
ต่อมา Pretty Links เป็นปลั๊กอินยอดนิยม สำหรับการทำ Affiliate Marketing บน WordPress ที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างลิงค์แบบกำหนดเองที่มีแบรนด์เฉพาะสำหรับเว็บไซต์ของตนเอง
- ลิงค์เหล่านี้ มักจะสั้นกว่าและจำง่ายกว่า URL ดั้งเดิม ทำให้แชร์บนโซเชียลมีเดียได้ง่ายขึ้น
- การใช้ Pretty Links เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาดที่ดีในการเติบโตธุรกิจของคุณ
Pretty Links ยังมีฟีเจอร์การติดตามและจัดการลิงค์ภายในแดชบอร์ดของ WordPress ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบจำนวนคลิกและสถิติอื่นๆ จาก Google Analytics ที่เกี่ยวข้องกับลิงค์ของพวกเขาได้ ซึ่งจะช่วยวัดประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดหรือติดตามความสำเร็จของหน้าเว็บไซต์ใดๆ
แต่คุณจะต้องอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน Pro เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์การรายงาน
สิ่งที่ชื่นชอบเกี่ยวกับ Pretty Links
- การจัดการลิงก์ที่น่าสนใจ : Pretty Links ช่วยให้ผู้ใช้แปลง URL ที่ยาวและยุ่งยากให้เป็นลิงค์ที่สั้นลงและเป็นมิตรกับแบรนด์มากขึ้น ทำให้ลิงค์โดยรวมดูดีขึ้น
- ใช้งานง่าย : ปลั๊กอินนี้ได้รับการยกย่องว่าใช้งานง่าย ทำให้การจัดการและสร้างลิง์ใหม่ภายใน WordPress เป็นเรื่องง่าย
- ผสานรวมกับ Google Analytics ได้อย่างราบรื่น : มันผสานรวมกับ Google Analytics ได้อย่างราบรื่น มอบข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเกี่ยวกับประสิทธิภาพของลิงก์และการมีส่วนร่วมของผู้ใช้
- การติดตามและจัดการลิงก์ที่มีประสิทธิภาพ : Pretty Links มีเครื่องมือการติดตามและจัดการที่แข็งแกร่ง ซึ่งจำเป็นสำหรับการตรวจสอบประสิทธิภาพของลิงก์และการปรับเปลี่ยนที่จำเป็น
Pretty Links เหมาะสำหรับใคร?
Pretty Links เป็นตัวช่วยชั้นยอด สำหรับนักการตลาดพันธมิตรและบล็อกเกอร์ที่ต้องการจัดการและปกปิดลิงก์พันธมิตรของตนอย่างมีประสิทธิภาพ ความสามารถในการย่อและสร้างแบรนด์ให้กับ URL ทำให้เกิดลิงก์ที่น่าเชื่อถือและน่าคลิกมากขึ้น ปลั๊กอินนี้ยังเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามประสิทธิภาพของลิงก์ของตน เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์การตลาดของพวกเขามีประสิทธิผล
รีวิวและคะแนนเสียงของชุมชน : ThirstyAffiliates
Pretty Links ได้รับการตอบรับที่ดีในชุมชน ผู้ใช้ชื่นชมฟังก์ชันการทำงานในการสร้างลิงก์ที่น่าสนใจและจัดการได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการตลาดแบบพันธมิตร ความง่ายในการใช้งานและประสิทธิผลในการจัดการลิงก์ของปลั๊กอินมักถูกเน้นย้ำ
ราคา
Pretty Links มีเวอร์ชันฟรี ที่รวมฟีเจอร์การจัดการลิงก์พื้นฐานไว้ให้ใช้ คุณสามารถอัปเกรดเป็นใบอนุญาตแบบพรีเมียมได้ในราคาเริ่มต้นที่ 249 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี สำหรับผู้ที่ต้องการฟังก์ชันการทำงานขั้นสูง
15. Blog2Social
ปลั๊กอิน WordPress สำหรับโพสต์บนโซเชียลมีเดียที่ดีที่สุด
ถ้าคุณต้องการเผยแพร่เนื้อหาของคุณอย่างมีประสิทธิภาพทั้งบน WordPress และโซเชียลมีเดีย Blog2Social คือปลั๊กอินที่เหมาะสมที่สุด ปลั๊กอินโซเชียลมีเดียที่ยอดเยี่ยมนี้ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของคุณและกำหนดเวลาโพสต์ WordPress ของคุณให้ปรากฏบนเครือข่ายต่างๆ เช่น Facebook, Twitter, Instagram, Pinterest และ LinkedIn ด้วย Blog2Social คุณสามารถปรับปรุงกระบวนการสร้างเนื้อหาของคุณได้อย่างง่ายดายและเข้าถึงผู้ชมของคุณได้ทุกแพลตฟอร์ม
ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีวางแผนและจัดระเบียบเนื้อหาโซเชียลมีเดียของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ ปฏิทินโซเชียลมีเดียของ Blog2Social เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง ช่วยให้คุณกำหนดเวลาโพสต์ของคุณเพื่อเผยแพร่ในวันที่และเวลาที่กำหนด ฟีเจอร์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับกลยุทธ์การตลาดแบบครบวงจร (Omnichannel) และสามารถช่วยคุณประหยัดเวลาและแรงงานได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าฟีเจอร์ปฏิทินโซเชียลมีเดียนี้มีให้ใช้งานเฉพาะกับใบอนุญาตแบบพรีเมียมเท่านั้น
สิ่งที่ชื่นชอบเกี่ยวกับ Blog2Social
- การกำหนดเวลาโพสต์ WordPress ไปยังโซเชียลมีเดีย : Blog2Social ช่วยลดความยุ่งยากในการแชร์โดยอนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดเวลาโพสต์ WordPress ข้ามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ
- ความสามารถในการโพสต์อัตโนมัติ : ปลั๊กอินนี้ช่วยให้การแชร์โพสต์เป็นไปโดยอัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน
- แชร์โพสต์ซ้ำ : ให้ความยืดหยุ่นในการแชร์โพสต์ซ้ำ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงเนื้อหาของคุณให้สูงสุด
- ปฏิทินการแชร์โซเชียล : มีปฏิทินที่สะดวกสบายในการจัดการและมองเห็นตารางเวลาการโพสต์โซเชียลมีเดียของคุณ
Blog2Social เหมาะสำหรับใคร ?
Blog2Social เหมาะที่สุด สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ WordPress และบล็อกเกอร์ที่ต้องการปรับปรุงกลยุทธ์โซเชียลมีเดียของตนเอง โดยช่วยประหยัดเวลาในการจัดการโซเชียลมีเดียหลายๆ แพลตฟอร์มด้วยการกำหนดเวลาโพสต์โดยตรงจาก WordPress ปลั๊กอินนี้ ยังยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการวิธีการเผยแพร่และคัดเลือกเนื้อหาอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างการปรากฏตัวออนไลน์ที่สม่ำเสมอ
ทางเลือกอื่นที่ดี: Revive Old Posts และ Social Media Auto Publish Community Reviews and Ratings
โดยทั่วไป ผู้ใช้มีความคิดเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับ Blog2Social โดยชื่นชมความง่ายในการใช้งานและฟีเจอร์การกำหนดเวลาโพสต์ที่มีประสิทธิภาพ ปลั๊กอินนี้ได้รับการยกย่องในด้านความสามารถในการโพสต์และคัดเลือกเนื้อหาโดยอัตโนมัติจากแหล่งต่างๆ ซึ่งช่วยเสริมกลยุทธ์โซเชียลมีเดีย ในขณะที่ผู้ใช้ชื่นชมเวอร์ชันฟรี สำหรับฟังก์ชันพื้นฐาน บางคนก็ชี้ให้เห็นว่าฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การโพสต์อัตโนมัติ เป็นส่วนหนึ่งของเวอร์ชันพรีเมียม
ราคา
Blog2Social มีให้ใช้งานฟรี โดยมีฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น การแชร์แบบกำหนดเองและการกำหนดเวลาโพสต์ด้วยตนเอง สำหรับฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การโพสต์อัตโนมัติและการคัดเลือกเนื้อหา คุณสามารถเลือกใช้แผนพรีเมียมได้ โดยเริ่มต้นที่ $11 ต่อเดือน
16. Social Post Feed
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับฝั่ง Social Feeds
กำลังมองหาปลั๊กอินเพื่อเชื่อมต่อ Facebook (หรือ Instagram) เข้ากับเว็บไซต์ WordPress ของคุณอยู่ใช่ไหม? ไม่ต้องมองหาที่ไหนไกลอีกแล้ว Social Post Feed คือคำตอบของเราในรายการปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุด
ปลั๊กอิน Facebook นี้ช่วยให้คุณแสดงฟีด Facebook ของคุณได้โดยตรงบนเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นจากเพจหรือกลุ่ม หนึ่งในข้อดีที่สุดของ Social Post Feed คือ ไม่ได้ใช้ iFrames ซึ่งไม่ดีต่อ SEO เนื่องจากฟีดไม่ได้อยู่ใน iFrame เครื่องมือค้นหาจึงสามารถคืบคลาน (crawl) ฟีดที่ฝังอยู่ได้ ทำให้เครื่องมือค้นหาสามารถเข้าใจ (และจัดอันดับ) เว็บไซต์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น
Social Post Feed ช่วยให้คุณสร้างฟีดโซเชียลมีเดียได้ไม่จำกัดทั่วทั้งเว็บไซต์ของคุณ โดยอนุญาตให้ผู้ใช้กดไลค์โพสต์ และหากผู้ใช้ต้องการแสดงความคิดเห็น พวกเขาจะถูกนำไปยัง Facebook นอกจากนี้ คุณยังมีตัวเลือกในการปรับแต่งมากมายเพื่อเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลของฟีด ปรับสี และอื่นๆ อีกมากมาย
สิ่งที่ชื่นชอบเกี่ยวกับ Social Post Feed
- ฝังฟีด Facebook บน WordPress : Social Post Feed ช่วยให้คุณรวมฟีด Facebook เข้ากับเว็บไซต์ WordPress ได้อย่างราบรื่น มอบเนื้อหาที่สดใหม่และน่าสนใจ
- ตัวเลือกการแสดงผลและฟีดหลายรูปแบบ : ปลั๊กอินนี้มีตัวเลือกการปรับแต่งมากมาย สำหรับการแสดงผลฟีด Facebook ของคุณ ทำให้เข้ากับการออกแบบเว็บไซต์ของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ
- ไม่มี Iframes (เป็นมิตรกับ SEO) : เนื่องจากไม่ใช้ Iframes ปลั๊กอินจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ของเว็บไซต์ของคุณโดยการรักษาเนื้อหาให้สดใหม่และสามารถค้นหาได้โดยเครื่องมือค้นหา
- แสดงเพจหรือกลุ่มในฟีด : คุณสามารถแสดงฟีดจากหลายเพจหรือหลายกลุ่มบน Facebook เพิ่มความหลากหลายให้กับการมีส่วนร่วมในโซเชียลมีเดียบนเว็บไซต์ของคุณ
Social Post Feed เหมาะสำหรับใคร ?
Social Post Feed มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ WordPress ที่ต้องการรวมการมีส่วนร่วมบน Facebook เข้ากับเว็บไซต์ของตนโดยตรง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้โดยการแสดงโพสต์โซเชียลมีเดียและรักษาเนื้อหาเว็บไซต์ของพวกเขาให้สดใหม่ ปลั๊กอินนี้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่ต้องการแสดงกิจกรรมโซเชียลมีเดียของแบรนด์อย่างราบรื่น
ทางเลือกที่ดีที่สุด : พิจารณาปลั๊กอิน เช่น 10Web Social Post Feed และ Feed Them Social สำหรับฟังก์ชันการทำงานที่คล้ายคลึงกัน
รีวิวและคะแนนจากชุมชน
ผู้ใช้ชื่นชมอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและความสะดวกในการผสานรวมฟีด Facebook เข้ากับเว็บไซต์ WordPress ของพวกเขา ปลั๊กอินนี้มักจะได้รับการสังเกตเห็นสำหรับตัวเลือกการปรับแต่งและการออกแบบที่ตอบสนอง ทำให้สามารถปรับให้เข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ ได้
ราคา
Social Post Feed มีให้ใช้งานแบบฟรี ซึ่งมีฟีเจอร์พื้นฐานสำหรับฝังโพสต์ Facebook แต่ถ้าต้องการฟังก์ชันที่ล้ำลึกกว่านี้ ก็มีแพ็คเกจแบบพรีเมียมให้เลือก โดยเริ่มต้นที่ราคา $98 ต่อปี
17. FluentCRM
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุด สำหรับสร้างระบบ CRM ที่ปรับแต่งได้เอง
FluentCRM คือ ปลั๊กอิน CRM สำหรับ WordPress ที่น่าประทับใจ ซึ่งให้โซลูชันการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) แบบครบวงจร สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ WordPress ด้วย FluentCRM การจัดการฐานข้อมูลลูกค้า การสร้างแคมเปญอีเมลแบบเฉพาะกลุ่ม และการอัตโนมัติการทำงานด้านการขายและการตลาดของคุณจะกลายเป็นเรื่องง่ายดาย — ทั้งหมดนี้ทำได้จากภายในแดชบอร์ด WordPress ของคุณเอง ทำให้การใช้ประโยชน์จาก CRM อย่างเต็มที่เป็นเรื่องง่าย ส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ดีขึ้นและธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
FluentCRM เป็นปลั๊กอิน WordPress ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณจัดการลูกค้าและดำเนินการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีฟีเจอร์สำคัญดังนี้
- การแบ่งกลุ่มลูกค้า : แบ่งกลุ่มลูกค้าตามความสนใจหรือพฤติกรรม เพื่อส่งข้อความที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย
- ระบบอัตโนมัติ : สร้างลำดับขั้นตอนการตลาดอัตโนมัติ เช่น ส่งอีเมลต้อนรับลูกค้าใหม่, ส่งอีเมลตามช่วงเวลา, หรือส่งข้อเสนอพิเศษ
- ติดตามลูกค้า : ติดตามกิจกรรมและพฤติกรรมของลูกค้า เช่น การเปิดอีเมล การคลิกลิงค์
- สร้างรายงาน : วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด
- สร้างและส่งอีเมลแคมเปญ : สร้างอีเมลได้ง่ายดายด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย
- ร่วมกับปลั๊กอินอื่นๆ : เช่น WooCommerce, LearnDash, Zapier ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น
ข้อดีของ FluentCRM
- สร้างแคมเปญอีเมลที่มีประสิทธิภาพ : ช่วยสร้างอีเมลที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น
- จัดการฐานข้อมูลลูกค้าได้ง่าย : ใช้งานง่าย สะดวกในการติดตามข้อมูลลูกค้า
- ระบบอัตโนมัติช่วยประหยัดเวลา : ลดขั้นตอนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพการตลาด
- แบ่งกลุ่มลูกค้าและติดตามลูกค้าได้อย่างแม่นยำ : ช่วยให้เข้าใจลูกค้าและปรับกลยุทธ์ได้ตรงจุด
เหมาะสำหรับใคร?
- เจ้าของธุรกิจที่ต้องการ CRM และเครื่องมืออีเมล มาร์เก็ตติ้ง ที่ใช้งานง่ายภายใน WordPress
- เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ใช้ WooCommerce
- ธุรกิจที่ต้องการเพิ่มยอดขายและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
ทางเลือกอื่น Groundhogg และ Jetpack CRM
รีวิวจากผู้ใช้งาน
โดยทั่วไป ผู้ใช้งานให้ความเห็นเชิงบวกกับ FluentCRM ชื่นชมในเรื่องอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ระบบสร้างลำดับขั้นตอนอัตโนมัติที่ยอดเยี่ยม และฟีเจอร์ที่ครอบคลุม การผสดงานกับปลั๊กอินอื่นๆ ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น แม้ว่าการตั้งค่าและการจัดการอาจต้องใช้เวลา แต่ FluentCRM ก็คุ้มค่ากับการลงทุน
ราคา
FluentCRM มีเวอร์ชันฟรีที่ครอบคลุมฟังก์ชัน CRM และการตลาดทางอีเมลหลากหลายรูปแบบ ใบอนุญาตแบบพรีเมียมซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ขั้นสูงกว่า เริ่มต้นที่ $129 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
18. OptinMonster
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างป๊อปอัป
OptinMonster เป็นเครื่องมืออเนกประสงค์ที่จัดอยู่ในอันดับปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุด ซึ่งทำหน้าที่เป็นปลั๊กอินป๊อปอัป การสมัครรับอีเมล และปลั๊กอินนับถอยหลังได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยเทมเพลตที่ปรับแต่งได้หลากหลาย ตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายขั้นสูง และฟีเจอร์วิเคราะห์และรายงานที่ทรงพลัง OptinMonster มอบชุดเครื่องมือที่ครบครันสำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์และเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
OptinMonster: เครื่องมือสร้างป๊อปอัปที่ครบครันสำหรับการตลาดออนไลน์
การออกแบบที่หลากหลายและปรับแต่งได้ OptinMonster นำเสนอตัวเลือกการออกแบบป๊อปอัปที่หลากหลายผ่านคลังเทมเพลตที่กว้างขวาง คุณสามารถปรับแต่งฟอนต์ สี และรูปภาพในเทมเพลตต่างๆ ให้สอดคล้องกับสไตล์และเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่ใช่เพียงเท่านี้ OptinMonster ยังสามารถผสานการทำงานกับ SeedProd ได้อย่างราบรื่น ทำให้คุณสร้างหน้า Landing Page ควบคู่ไปกับป๊อปอัปได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณวางกลยุทธ์การตลาดที่ครอบคลุม ช่วยเพิ่มอัตราการแปลง (Conversion Rates) และขยายธุรกิจของคุณได้
ข้อดีของ OptinMonster
ป๊อปอัป, แบบฟอร์มสมัครอีเมล, และตัวจับเวลานับถอยหลัง : OptinMonster เชี่ยวชาญในการสร้างป๊อปอัปที่ดึงดูดใจ แบบฟอร์มสมัครอีเมลที่หลากหลาย และตัวจับเวลานับถอยหลังแบบไดนามิก ช่วยเพิ่มการสร้างรายชื่อผู้สนใจและการมีส่วนร่วมของลูกค้า
เครื่องมือสร้างป๊อปอัปแบบลากและวาง : ปลั๊กอินนี้มาพร้อมกับตัวสร้างป๊อปอัปแบบลากและวางที่ใช้งานง่าย ทำให้การออกแบบป๊อปอัปและฟอร์มที่ปรับแต่งได้เป็นเรื่องง่าย
เทมเพลตสำเร็จรูปหลายร้อยแบบ : มีคลังเทมเพลตสำเร็จรูปจำนวนมาก ช่วยให้คุณเริ่มต้นสร้างแคมเปญได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การผสานรวมกับเครื่องมือการตลาดผ่านอีเมล : OptinMonster สามารถผสานรวมกับบริการการตลาดผ่านอีเมลยอดนิยมได้อย่างลงตัว ทำให้การสร้างรายชื่ออีเมลและการดูแลลูกค้าเป้าหมายเป็นเรื่องง่าย
เครื่องมือวิเคราะห์และรายงานที่ทรงพลัง : ปลั๊กอินนี้มอบเครื่องมือวิเคราะห์และรายงานอย่างละเอียด ช่วยให้คุณเข้าใจประสิทธิภาพของแคมเปญและการมีส่วนร่วมของผู้ชม
การผสานรวมกับ SeedProd : การผสานรวมนี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างหน้า Landing Page และการปรับแต่งอัตราการแปลง
OptinMonster เหมาะกับใคร?
OptinMonster เหมาะสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการสร้างป๊อปอัปและแคมเปญการตลาดที่ปรับแต่งได้อย่างง่ายดาย การผสานรวมกับเครื่องมือการตลาดยอดนิยม เช่น SeedProd ทำให้เป็นตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายชื่อผู้สนใจและเพิ่มอัตราการแปลง ไม่ว่าจะเป็นบล็อกเกอร์หรือเจ้าของร้านค้าออนไลน์ ปลั๊กอินนี้ก็ใช้งานได้ดีทั้งในด้านความเรียบง่ายและประสิทธิภาพ
ทางเลือกอื่น : Bloom , Thrive Leads
รีวิวจากผู้ใช้งาน
ความคิดเห็นจากผู้ใช้งานส่วนใหญ่เกี่ยวกับ OptinMonster เป็นไปในทางบวก โดยเน้นถึงความง่ายในการใช้งาน คุณสมบัติที่หลากหลาย และประสิทธิภาพในการสร้างลูกค้าเป้าหมาย ผู้ใช้ชื่นชอบตัวสร้างป๊อปอัปแบบลากและวาง และเทมเพลตที่มีให้เลือกมากมาย ซึ่งช่วยให้การสร้างแคมเปญเป็นเรื่องง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม มีบางความคิดเห็นที่กล่าวถึงข้อกังวลเรื่องราคา ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ดีในการพิจารณาทางเลือกอื่นๆ
ราคา
OptinMonster มีเวอร์ชันฟรีที่มาพร้อมฟังก์ชันพื้นฐานสำหรับการสร้างและจัดการแคมเปญ นอกจากนี้ ยังมีไลเซนส์แบบพรีเมียมซึ่งเริ่มต้นที่ $192 ต่อปี สำหรับผู้ที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูงเพิ่มเติม
19. Envira Gallery
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับแสดงแกลเลอรีรูปภาพ
ถัดมาเรามีหนึ่งในปลั๊กอินแกลเลอรีรูปภาพที่ดีที่สุด—Envira Gallery ปลั๊กอินที่ทรงพลังนี้ช่วยให้คุณอัปโหลดภาพและวิดีโอได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับอินเทอร์เฟซลากและวางที่ใช้งานง่ายสำหรับการจัดเรียงรูปภาพใหม่ Envira Gallery ยังให้คุณปรับแต่งการตั้งค่าหลายอย่าง เช่น จำนวนคอลัมน์ในแกลเลอรี เปิดใช้งานการโหลดภาพแบบขี้เกียจ (Lazy Loading) เพื่อให้หน้าเว็บโหลดได้เร็วขึ้น แสดงภาพในรูปแบบ Lightbox และตั้งค่าขนาดภาพที่กำหนดเองตามความต้องการของคุณ
ในขณะที่เวอร์ชันฟรีของปลั๊กอินนี้ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างแกลเลอรีรูปภาพ แต่เวอร์ชัน Pro จะยกระดับไปอีกขั้นด้วยฟีเจอร์เสริมมากมาย ด้วย Envira Gallery Pro คุณสามารถสร้างแกลเลอรีวิดีโอได้ง่ายดาย และเพิ่มไอคอนแชร์โซเชียลสำหรับแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Facebook, Twitter และ Pinterest นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลาย เช่น การตั้งค่าที่รองรับการใช้งานบนมือถือ การแบ่งหน้าด้วย Ajax การสร้างอัลบั้ม และการเพิ่มแท็กเพื่อเสริม SEO
ข้อดีของ Envira Gallery
แกลเลอรีรูปภาพไม่จำกัด : Envira Gallery ช่วยให้คุณสามารถสร้างแกลเลอรีรูปภาพได้ไม่จำกัด มอบความยืดหยุ่นในการจัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์
การแสดงผลในรูปแบบ Lightbox : ปลั๊กอินนี้รองรับฟังก์ชัน Lightbox ที่ช่วยให้ภาพแสดงในหน้าต่างป็อปอัปเพื่อประสบการณ์การดูที่สมจริงและน่าสนใจ
ตัวเลือกการปรับแต่งขั้นสูง : Envira Gallery มอบตัวเลือกการปรับแต่งหลากหลาย ให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งรูปลักษณ์และการทำงานของแกลเลอรีให้ตรงกับความต้องการเฉพาะ
แกลเลอรีวิดีโอ, การแชร์โซเชียล และการแบ่งหน้าแบบ Ajax (เฉพาะ Pro) : เวอร์ชัน Pro เพิ่มฟังก์ชันการทำงานใหม่ ๆ เช่น แกลเลอรีวิดีโอ ปุ่มแชร์โซเชียล และการแบ่งหน้า Ajax ที่มีประสิทธิภาพเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้
Envira Gallery เหมาะกับใคร?
Envira Gallery เหมาะสำหรับผู้ใช้ WordPress ที่ต้องการเพิ่มแกลเลอรีรูปภาพลงในเว็บไซต์ของตน โดยเฉพาะศิลปิน ช่างภาพ และธุรกิจที่ต้องการแสดงเนื้อหาภาพอย่างมีระเบียบ ปลั๊กอินนี้ยังมีความยืดหยุ่นในรูปแบบและเทมเพลตต่าง ๆ ทำให้การใช้งานสะดวกง่ายดาย
ทางเลือกอื่น : NextGEN Gallery และ 10Web’s Photo Gallery หากคุณใช้ Divi เราขอแนะนำให้พิจารณา Gallery Layout และ Divi Gallery Extended จาก Marketplace
รีวิวจากผู้ใช้งาน
Envira Gallery ได้รับความนิยมจากชุมชน WordPress และได้รับคำชมในเรื่องของความง่ายในการใช้งาน ตัวเลือกแกลเลอรีที่หลากหลาย และการออกแบบที่ตอบสนองต่ออุปกรณ์ต่างๆ ผู้ใช้ได้เน้นถึงความสะดวกในการสร้างและจัดการแกลเลอรี รวมถึงความหลากหลายของรูปแบบและตัวเลือกการปรับแต่งที่มีให้
ราคา
Envira Gallery มีเวอร์ชันฟรีที่เหมาะสำหรับความต้องการแกลเลอรีพื้นฐาน ในขณะที่แผนพรีเมียมจะมาพร้อมฟีเจอร์ขั้นสูงเพิ่มเติม โดยใบอนุญาตพรีเมียมเริ่มต้นที่ $79 ต่อปี สำหรับตัวเลือกแกลเลอรีที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
20. WPML
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการแปลเว็บไซต์ทั้งหมด
WordPress Multilingual (WPML) เป็นปลั๊กอินแปลภาษาสำหรับ WordPress ที่ช่วยให้เว็บไซต์สามารถแปลเป็นมากกว่า 65 ภาษา ด้วย WPML เจ้าของเว็บไซต์สามารถสร้างเนื้อหาหลายภาษา ทำให้ผู้เยี่ยมชมสามารถสลับภาษาได้ตามต้องการ ปลั๊กอินนี้มาพร้อมฟีเจอร์หลายอย่างที่ช่วยในการจัดการเนื้อหาหลายภาษา เช่น การจัดการการแปล, การแปลข้อความ, และวิดเจ็ตสลับภาษา
WPML สามารถใช้งานร่วมกับปลั๊กอินและธีมอื่นๆ รวมถึงตัวเลือกยอดนิยมอย่าง Divi ด้วย WPML ธุรกิจและบุคคลสามารถแปลเนื้อหาทั้งหมดของเว็บไซต์ได้ง่ายดาย ตั้งแต่หน้าและโพสต์ ไปจนถึงเมนูและหมวดหมู่ต่างๆ และสามารถสร้างภาษาเฉพาะเช่น ฝรั่งเศสแคนาดาหรือสเปนเม็กซิโกโดยใช้ตัวแก้ไขภาษา แม้ว่า WPML จะเป็นปลั๊กอินพรีเมียม แต่ฟีเจอร์ที่มีประสิทธิภาพและความง่ายในการใช้งานทำให้มันเป็นปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการแปล และคุ้มค่ากับการลงทุน
ข้อดีของ WPML
ภาษาต่างๆ บนโพสต์และหน้า : WPML ช่วยให้ผู้ใช้เลือกภาษาอื่นๆ สำหรับโพสต์และหน้าต่างๆ ได้ ทำให้การจัดการเนื้อหาหลายภาษาเป็นเรื่องที่ยืดหยุ่น
ตัวแก้ไขแปลอัตโนมัติ (เฉพาะ Pro) : เวอร์ชัน Pro ของ WPML มีตัวแก้ไขการแปลที่ใช้งานง่าย เพื่อทำให้กระบวนการแปลรวดเร็วและสะดวกขึ้น
การแปลข้อความ (เฉพาะ Pro) : ฟีเจอร์นี้ช่วยให้แปลข้อความที่ใช้ในธีมและปลั๊กอินของ WordPress ทำให้ได้ประสบการณ์ที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ
การจัดการการแปล (เฉพาะ Pro) : เวอร์ชัน Pro ของ WPML มาพร้อมเครื่องมือการจัดการการแปลที่ครอบคลุม ทำให้การจัดการโครงการหลายภาษาที่ซับซ้อนเป็นเรื่องง่าย
การแปลประเภทโพสต์ที่กำหนดเอง เมนู รูปภาพ หมวดหมู่ และสื่อ : WPML สามารถแปลองค์ประกอบต่างๆ ของ WordPress ได้ เช่น ประเภทโพสต์ที่กำหนดเอง เมนู รูปภาพ วิดเจ็ต หมวดหมู่ และสื่อ
WPML เหมาะสำหรับใคร?
WPML เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการให้บริการกลุ่มผู้ชมที่พูดหลายภาษา/หลายชาติ โดยช่วยในการจัดการความหลากหลายของภาษา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการปรับเนื้อหาตามบริบทและภาษาในวัฒนธรรมต่างๆ ปลั๊กอินนี้มีประโยชน์สำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ บล็อก และธุรกิจที่ต้องการสื่อสารกับลูกค้าหลายกลุ่มทั่วโลก
ทางเลือกอื่น : TranslatePress , Weglot , Polylang
รีวิวจากผู้ใช้งาน
WPML ได้รับการรีวิวในเชิงบวกจากผู้ใช้สำหรับฟีเจอร์การแปลที่ครบครันและอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ผู้ใช้ชื่นชมในความสามารถในการทำงานร่วมกับธีมและปลั๊กอิน WordPress หลายตัว รวมถึงการออกแบบที่เหมาะสมกับ SEO อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางรายได้รายงานปัญหากับปลั๊กอิน เช่น อินเทอร์เฟซที่ซับซ้อนและปัญหาบางประการกับการทำงานร่วมกับองค์ประกอบอื่นๆ ของ WordPress
ราคา
ราคา WPML เริ่มต้นที่ €39 ต่อปีสำหรับแผน Multilingual Blog ซึ่งเป็นโซลูชันพื้นฐานสำหรับบล็อก WordPress ที่รองรับหลายภาษา แผน Multilingual CMS มีราคา €99 สำหรับฟีเจอร์ที่มีความสามารถมากขึ้น ซึ่งรวมถึง Addon ทั้งหมดที่มีและใบอนุญาตสำหรับเว็บไซต์ 3 แห่ง แผน Multilingual Agency มีราคา €199 โดยมีฟีเจอร์เหมือนกับแผน CMS แต่มีใบอนุญาตไม่จำกัดจำนวนเว็บไซต์
21. WP Mail SMTP
ปลั๊กอิน SMTP ที่ดีที่สุดสำหรับ WordPress
WP Mail SMTP เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับปลั๊กอิน SMTP ที่มอบวิธีการส่งอีเมลผ่าน WordPress ที่น่าเชื่อถือและปลอดภัย โดยแตกต่างจากฟังก์ชันส่งอีเมลเริ่มต้นใน WordPress อย่าง PHP mail() ที่อาจไม่เสถียร WP Mail SMTP ช่วยให้การส่งอีเมลของเว็บไซต์มีความเสถียรและมั่นใจมากขึ้น ด้วยการกำหนดเส้นทางอีเมลผ่านวิธีการส่งที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น ส่งผลให้การสื่อสารทางอีเมลภายใน WordPress มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น
WP Mail SMTP มีตัวช่วยตั้งค่าที่ทำให้การตั้งค่า SMTP ง่ายขึ้น ผู้ใช้งานสามารถส่งอีเมลผ่านผู้ให้บริการที่ต้องการได้ในไม่กี่ขั้นตอน โดยปลั๊กอินนี้รองรับผู้ให้บริการอีเมลหลากหลาย เช่น SendLayer, Sendinblue, Gmail, Mailgun, SendGrid และ Zoho Mail นอกจากนี้ยังรองรับการติดตั้งแบบ Multisite และมีรายงานการติดตามอีเมลสำหรับทั้งเว็บไซต์และอีเมลจาก WooCommerce
ข้อดีของ WP Mail SMTP
ตัวช่วยตั้งค่าที่ใช้งานง่าย: ปลั๊กอินนี้มีตัวช่วยการตั้งค่าที่เข้าใจง่าย ทำให้การเชื่อมต่อกับบริการ SMTP ต่างๆเป็นเรื่องง่าย
รองรับผู้ให้บริการอีเมลชั้นนำ: WP Mail SMTP รองรับผู้ให้บริการอีเมลหลากหลาย เพื่อความยืดหยุ่นและง่ายต่อการผสานรวม
การติดตามอีเมล: มีระบบติดตามอีเมลที่ช่วยตรวจสอบการส่งอีเมลและการมีส่วนร่วมกับอีเมล
รองรับระบบ Multisite: ปลั๊กอินนี้รองรับเครือข่าย WordPress Multisite เพื่อการจัดการอีเมลจากหลายเว็บไซต์ในที่เดียว
WP Mail SMTP เหมาะสำหรับใคร
WP Mail SMTP เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้งาน WordPress ที่ต้องการโซลูชัน SMTP ที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะผู้ดูแลเว็บไซต์หลายแห่งหรือร้านค้า WooCommerce การตั้งค่าที่ง่ายและการรองรับผู้ให้บริการอีเมลหลากหลายทำให้เป็นปลั๊กอินที่น่าใช้งาน
ทางเลือกอื่น : Fluent SMTP และ Easy WP SMTP
รีวิวจากผู้ใช้งาน
WP Mail SMTP ได้รับการรีวิวเชิงบวกในด้านความเรียบง่าย ความสะดวกในการตั้งค่า และความสามารถในการแก้ปัญหาการส่งอีเมล ผู้ใช้ชื่นชอบระบบบันทึกอีเมลและรายงานที่ละเอียด ซึ่งช่วยให้สามารถติดตามและปรับปรุงการส่งอีเมลได้
ราคา
WP Mail SMTP มีเวอร์ชันฟรีที่ครอบคลุมการใช้งาน SMTP พื้นฐาน สำหรับฟีเจอร์ขั้นสูงเพิ่มเติม เช่น บันทึกอีเมล การติดตาม และการสนับสนุนระดับพรีเมียม ราคาเริ่มต้นที่ $99 ต่อปี
22. WP Activity Log
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการติดตามกิจกรรมของผู้ใช้
WP Activity Log เป็นปลั๊กอิน WordPress ที่ทรงพลัง ซึ่งช่วยให้คุณตรวจสอบและติดตามการเปลี่ยนแปลงบนเว็บไซต์ของคุณ เช่น การอัปเดตเนื้อหา การเข้าสู่ระบบและออกจากระบบของผู้ใช้ และอื่นๆอีกมากมาย ถือว่าเป็นปลั๊กอินบันทึกกิจกรรมที่ยอดเยี่ยมและยังทำหน้าที่เป็นปลั๊กอินรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งอีกด้วย เนื่องจากสามารถเก็บบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโพสต์และหน้า การแจ้งเตือนผู้ใช้ และการอัปเดตต่างๆ ซึ่งช่วยให้คุณระบุและตอบสนองต่อภัยคุกคามด้านความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ด้วย WP Activity Log คุณสามารถติดตามเวลา ผู้ใช้ และที่อยู่ IP ของแต่ละเหตุการณ์ที่บันทึกไว้ในล็อกได้อย่างง่ายดาย ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณย้อนกลับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาบนเว็บไซต์ของคุณได้ โดยรวมแล้ว WP Activity Log ถือเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในการรักษาความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของเว็บไซต์ WordPress โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเว็บไซต์มีผู้ใช้หลายคนหรือจัดการข้อมูลที่มีความสำคัญ
ข้อดีของ WP Activity Log
การติดตามกิจกรรมผู้ใช้แบบเรียลไทม์: WP Activity Log โดดเด่นในด้านการติดตามกิจกรรมของผู้ใช้ ซึ่งช่วยให้คุณรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการบนเว็บไซต์ทันที
การแจ้งเตือนและรายงานอย่างละเอียด: ปลั๊กอินนี้สร้างการแจ้งเตือนและรายงานอย่างละเอียด ช่วยให้ผู้ดูแลเว็บไซต์รับทราบกิจกรรมที่เกิดขึ้น
การระบุผู้ใช้และที่อยู่ IP: ปลั๊กอินสามารถระบุผู้ใช้และที่อยู่ IP ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มความสามารถในการตรวจสอบและรักษาความปลอดภัย
WP Activity Log เหมาะสำหรับใคร
WP Activity Log เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ดูแลเว็บไซต์ที่ต้องการตรวจสอบกิจกรรมของผู้ใช้ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้หลายคนหรือจำเป็นต้องรักษาความปลอดภัยสูง ปลั๊กอินนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามการเปลี่ยนแปลงและป้องกันการละเมิดความปลอดภัย
ทางเลือกอื่น : ปลั๊กอินอย่าง Sucuri Security และ Wordfence Security ก็มีความสามารถในการติดตามกิจกรรมเช่นกัน
รีวิวจากผู้ใช้งาน
WP Activity Log ได้รับการตอบรับในเชิงบวกจากชุมชน WordPress โดยผู้ใช้ชื่นชมคุณสมบัติการติดตามที่ครอบคลุม และรายละเอียดที่มีให้ในบันทึกกิจกรรม ผู้ใช้มักเน้นว่าปลั๊กอินนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ราคา
WP Activity Log มีเวอร์ชันฟรีที่ครอบคลุมฟีเจอร์การติดตามกิจกรรมพื้นฐาน ในขณะที่ใบอนุญาตแบบพรีเมียมเริ่มต้นที่ $99 ต่อปี ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์การติดตามขั้นสูง ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกิจกรรมผู้ใช้และมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดีขึ้น
23. Strong Testimonials
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการรวบรวมและแสดงคำรับรอง
หนึ่งในปลั๊กอิน WordPress สำหรับแสดงคำรับรองที่ดีที่สุดคือ Strong Testimonials ซึ่งช่วยให้คุณแสดงความคิดเห็นจากลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย พร้อมตัวเลือกการแสดงผลที่หลากหลาย เช่น การปรับแต่งพื้นหลัง ฟอนต์ และสี ปลั๊กอินนี้มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย มาพร้อมฟีเจอร์มาตรฐาน เช่น ตัวสร้างแบบฟอร์มและเครื่องมือแก้ไข นอกจากนี้ คุณยังสามารถจัดเรียงคำรับรองใหม่ด้วยตนเองให้เหมาะสมตามความต้องการได้อีกด้วย
Strong Testimonials เป็นปลั๊กอินที่ช่วยให้สามารถผสานการทำงานกับปลั๊กอินภาษาต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว ทำให้คุณสามารถแสดงคำรับรองจากลูกค้าในหลากหลายภาษาได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกการแสดงผลหลายแบบ เช่น รูปแบบกริด (Grid), เมสันรี (Masonry), คารูเซล (Carousel) และสไลเดอร์ (Slider) ให้คุณเลือกแสดงคำรับรองได้ตามความต้องการ
และหากยังไม่พอ Strong Testimonials เวอร์ชัน Pro ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการนำเข้าคำรับรองจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Facebook, Google, Yelp และอื่นๆโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและทำให้คำรับรองของคุณอัปเดตอยู่เสมอ
ข้อดีของ Strong Testimonials
รูปแบบการแสดงผลที่หลากหลาย: มีตัวเลือกการแสดงคำรับรองหลายแบบ เพื่อรองรับความต้องการด้านการออกแบบที่หลากหลาย
สร้างฟอร์มคำรับรอง: สามารถสร้างฟอร์มที่กำหนดเองเพื่อเก็บคำรับรองโดยตรงผ่านเว็บไซต์ของคุณ
ตัวเลือกการออกแบบ: มีตัวเลือกการปรับแต่งที่ครอบคลุม เช่น สี ฟอนต์ และรูปภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับการสร้างแบรนด์ในเว็บไซต์
รองรับการแปลภาษา: เข้ากันได้กับ WPML, Polylang และ WPGlobus ทำให้เหมาะสำหรับเว็บไซต์หลายภาษา
Strong Testimonials เหมาะสำหรับใคร?
Strong Testimonials เหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจและผู้ดูแลเว็บไซต์ที่ต้องการเพิ่มยอดขายหรือการทำธุรกรรมด้วยการแสดงหลักฐานทางสังคม (Social Proof) ปลั๊กอินนี้ยังช่วยให้การรวบรวมคำรับรองจากลูกค้าเป็นเรื่องง่ายผ่านฟอร์มที่ปรับแต่งเอง
ทางเลือกอื่น : Real Testimonials และ Stars Testimonials
รีวิวจากผู้ใช้งาน
ผู้ใช้งานต่างชื่นชม Strong Testimonials สำหรับการใช้งานที่ง่ายและความมีประสิทธิภาพในการแสดงคำรับรอง ได้รับคำชมสำหรับความสามารถในการปรับให้เข้ากับธีมต่างๆ และการจัดการที่ใช้งานง่าย
ราคา
Strong Testimonials มีเวอร์ชันฟรีที่ครอบคลุมฟีเจอร์พื้นฐานหลากหลาย ส่วนเวอร์ชันพรีเมียมที่มีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การป้องกันสแปมและเทมเพลตเพิ่มเติม ราคาเริ่มต้นที่ $29
24. GiveWP
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการรับบริจาคเพื่อการกุศล
GiveWP เป็นปลั๊กอินสำหรับการบริจาคบน WordPress ที่ช่วยให้องค์กรการกุศล มูลนิธิ และองค์กรต่างๆ สามารถรับบริจาคได้ คุณสามารถปรับแต่งฟอร์มการบริจาค จัดการผู้บริจาคและการบริจาค และรับการชำระเงินผ่าน PayPal, Stripe และ Authorize.net ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น เป้าหมายการบริจาค รายงาน และการแจ้งเตือนทางอีเมลช่วยให้คุณติดตามการบริจาคและเชื่อมต่อกับผู้สนับสนุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
GiveWP มีขั้นตอนการตั้งค่าที่ไม่ยุ่งยากด้วยวิซาร์ดที่ช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์และฟอร์มการบริจาคได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังรองรับการบริจาคแบบรายเดือน, ให้ใบเสร็จในรูปแบบ PDF และอนุญาตให้ใช้ฟิลด์ที่กำหนดเองในฟอร์มการบริจาค ทำให้กระบวนการบริจาคสะดวกและง่ายดายสำหรับทั้งผู้บริจาคและองค์กร GiveWP ถือเป็นหนึ่งในปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการตั้งค่าและจัดการการบริจาคบนเว็บไซต์ของคุณ
ข้อดีของ GiveWP
หลายช่องทางการชำระเงิน: GiveWP รองรับช่องทางการชำระเงินหลายประเภท เพิ่มความหลากหลายในการรับบริจาค
ตั้งเป้าหมายการบริจาค: สามารถตั้งเป้าหมายการบริจาคและแสดงผลบนเว็บไซต์ ช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการระดมทุน
รายงานที่ครอบคลุม: ปลั๊กอินนี้สร้างรายงานที่ละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมการบริจาค เพื่อให้ข้อมูลที่มีค่าในการดำเนินการต่อไป
การแจ้งเตือนอีเมลที่กำหนดเอง: มีฟีเจอร์การแจ้งเตือนทางอีเมลที่สามารถปรับแต่งได้ เพื่อให้ผู้บริจาคได้รับข้อมูลและเชื่อมต่อกับกิจกรรมการระดมทุน
ฟอร์มการบริจาคที่กำหนดเอง: ผู้ใช้สามารถสร้างฟอร์มการบริจาคที่ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะของแคมเปญการระดมทุน
GiveWP เหมาะสำหรับใคร?
GiveWP เหมาะสำหรับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและผู้ระดมทุนรายบุคคลที่ต้องการโซลูชันครบวงจรสำหรับการรับบริจาคบนเว็บไซต์ WordPress ของพวกเขา ความสามารถในการปรับแต่งการออกแบบฟอร์มและการผสานรวมกับช่องทางการชำระเงินหลายประเภททำให้เป็นเครื่องมือที่หลากหลายสำหรับกิจกรรมการระดมทุนต่างๆ
ทางเลือกอื่น : WP Simple Pay และ Charitable
รีวิวจากผู้ใช้งาน
GiveWP ได้รับคำชมในเชิงบวก โดยเฉพาะในเรื่องของอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและฟีเจอร์หลากหลาย ซึ่งได้รับการยอมรับในด้านความสามารถในการติดตามการบริจาคและการตั้งค่าฟอร์มการบริจาคที่หลากหลาย การสนับสนุนและการอัปเดตที่ต่อเนื่องจากทีมงาน GiveWP ยังเป็นจุดเด่นที่ผู้ใช้ชื่นชอบ
ราคา
GiveWP มีเวอร์ชันฟรีที่มีฟังก์ชันพื้นฐานสำหรับการรับบริจาค สำหรับฟีเจอร์ขั้นสูง แผนพรีเมียมเริ่มต้นที่ $149 ต่อปี ซึ่งรวมถึงช่องทางการชำระเงินเพิ่มเติม เครื่องมือรายงานที่ละเอียด และความสามารถในการปรับแต่งที่เพิ่มขึ้น
25. Easy Digital Downloads
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
ถัดไป เราขอแนะนำปลั๊กอินที่สำคัญสำหรับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดิจิทัล – Easy Digital Downloads ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในปลั๊กอินอีคอมเมิร์ซที่ดีที่สุด EDD เป็นสิ่งที่ต้องมี!!
ไม่ว่าคุณจะวางแผนที่จะขายอีบุ๊ก เพลง กราฟิก หรือผลิตภัณฑ์ดิจิทัลอื่นๆ ด้วยปลั๊กอินนี้ คุณสามารถสร้างหน้าผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่กำหนดเองได้อย่างง่ายดาย เข้าถึงข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับยอดขายและรายได้ผ่านการรายงานโดยละเอียด
ใช้คุณสมบัติรถเข็นสินค้าในตัวของ EDD เพื่อรับการชำระเงิน นอกจากนี้ การรวมโปรแกรมพันธมิตรยังเป็นเรื่องง่าย เนื่องจากมีการออกแบบให้สามารถใช้งานได้กับ Affiliate WP
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ Easy Digital Downloads
- จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดิจิทัล: ปลั๊กอินนี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัล เช่น อีบุ๊ก เพลง และอื่นๆ จากเว็บไซต์ WordPress ของคุณโดยตรง
*WordPress ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง เข้าไปหาคำตอบได้ที่นี่ - แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเฉพาะ: Easy Digital Downloads ถูกปรับแต่งสำหรับอีคอมเมิร์ซดิจิทัล มอบแพลตฟอร์มเฉพาะเมื่อเทียบกับโซลูชันอีคอมเมิร์ซทั่วไป
- รายงานยอดขายและลูกค้าโดยละเอียด: มอบเครื่องมือรายงานที่ครอบคลุมเพื่อตรวจสอบยอดขาย กิจกรรมของลูกค้า และเมตริกสำคัญอื่นๆ ของร้านค้าดิจิทัลของคุณ
- ผสานรวมกับปลั๊กอินยอดนิยม: ปลั๊กอินนี้สามารถผสานรวมกับปลั๊กอิน WordPress ยอดนิยมอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความหลากหลาย
ทำไมต้องเลือก Easy Digital Downloads
Easy Digital Downloads เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับบุคคลหรือธุรกิจ ที่ขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัลทางออนไลน์ อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและคุณสมบัติต่างๆ ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหาโซลูชันอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะสำหรับสินค้าดิจิทัล
ตัวเลือกอื่นๆที่น่าสนใจ: WP Simple Pay และ WPForms Pro ยังมีช่องทางสำหรับการขายดิจิทัล แต่มีชุดคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
รีวิวจากผู้ใช้งาน
ผู้ใช้จำนวนไม่น้อยต่างชื่นชม Easy Digital Downloads ในเรื่องของความง่ายในการใช้งาน ความยืดหยุ่น และส่วนขยายที่หลากหลาย การผสานรวมอย่างราบรื่นระหว่าง WordPress และเกตเวย์การชำระเงินต่างๆ ได้รับการเน้นย้ำว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก ผู้ใช้หลายรายรู้สึกขอบคุณสำหรับโซลูชันที่ง่ายกว่าสำหรับผลิตภัณฑ์ดิจิทัลของพวกเขาเมื่อเทียบกับ WooCommerce
ราคา
Easy Digital Downloads มีเวอร์ชันฟรีที่เหมาะสมสำหรับร้านค้าอีคอมเมิร์ซดิจิทัลแบบง่ายๆ แผนพรีเมียม เริ่มต้นที่ 199 ดอลลาร์ต่อปี มีให้สำหรับผู้ที่ต้องการคุณสมบัติและส่วนขยายขั้นสูง
26. Echo Knowledge Base
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับฐานความรู้การสนับสนุนลูกค้า
Echo Knowledge Base จะช่วยให้คุณสร้างฐานความรู้สำหรับเว็บไซต์ WordPress ของคุณได้ เนื่องจากมีเทมเพลตมากกว่า 24 รูปแบบ รวมถึงไอคอนมากกว่า 500 รายการในการสร้าง นอกจากนี้ ยังตั้งค่าสำหรับการได้หลายภาษา ทำให้เป็นโซลูชันที่เหมาะสมสำหรับเว็บไซต์ที่มีผู้ชมระดับสากล
การตั้งค่าต่างๆเป็นเรื่องง่าย ด้วยตัวช่วยตั้งค่าของ Echo ตัวช่วยนี้จะแนะนำคุณตลอดกระบวนการสร้างประเภทโพสต์ที่กำหนดเอง เลือกเทมเพลต และเลือกสไตล์การนำทางที่คุณต้องการ กระบวนการตั้งค่าที่ใช้งานง่ายนี้หมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคใดๆ เพื่อเริ่มต้นใช้งาน
ในเวอร์ชั่นพรีเมียมมีคุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับการแก้ไขลิงก์และการรวมคะแนนและรีวิว โดยรวมแล้ว Echo Knowledge Base เป็นปลั๊กอินวิกิที่ทรงพลังและหลากหลาย ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการสร้างฐานความรู้ที่ครอบคลุมสำหรับเว็บไซต์ WordPress ของคุณ เรียนรู้วิธีตั้งค่า Echo Knowledge Base กับเว็บไซต์ Divi ของคุณ
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ Echo Knowledge Base
- ตัวเลือกการปรับแต่งหลากหลาย: Echo Knowledge Base มีตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลาย รับรองว่าฐานความรู้ของคุณ สอดคล้องกับการออกแบบและแบรนด์ของเว็บไซต์ของคุณ
- รองรับการใช้งานหลายภาษา: ด้วยการรองรับหลายภาษา ทำให้เป็นโซลูชันที่เหมาะสมสำหรับเว็บไซต์ที่ให้บริการผู้ชมระดับสากล
- เทมเพลตที่หลากหลาย: ด้วยเทมเพลตมากกว่า 24 รูปแบบ Echo Knowledge Base มอบตัวเลือกการออกแบบที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของคุณ
Echo Knowledge Base เหมาะสำหรับใคร ?
Echo Knowledge Base เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องสร้างฐานความรู้หรือวิกิที่ครอบคลุม ตัวเลือกการปรับแต่งที่กว้างขวางทำให้สามารถปรับให้เข้ากับสไตล์และวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ที่แตกต่างกันได้ ปลั๊กอินนี้ยังเหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการการสนับสนุนหลายภาษา รับรองการเข้าถึงและการเข้าถึงที่กว้างขึ้น
ตัวเลือกอื่นๆที่น่าสนใจ: WP Knowledge Base
รีวิวจากผู้ใช้งาน
Echo Knowledge Base ได้รับรีวิวเชิงบวกอย่างท่วมท้นจากผู้ใช้ ได้รับการยกย่องในด้านอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและตัวเลือกการปรับแต่งที่กว้างขวาง ทำให้เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับการสร้างและจัดการฐานความรู้
ราคา
Echo Knowledge Base มีเวอร์ชันฟรีพร้อมคุณสมบัติพื้นฐาน แผนพรีเมียมเริ่มต้นที่ 46 ดอลลาร์ต่อปี โดยมีคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การแก้ไขลิงก์และการรวมคะแนนและรีวิว การต่ออายุเริ่มต้นที่ 33 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้
27. MemberPress
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับเว็บไซต์ในระบบสมาชิก
รายการถัดไปของเราสำหรับปลั๊กอิน WordPress ที่น่าสนใจที่สุดในตอนนี้อย่าง MemberPress ทำหน้าที่เป็นปลั๊กอินสมาชิกและปลั๊กอินระบบการจัดการการเรียนรู้ (LMS) ที่ยอดเยี่ยม ด้วย MemberPress คุณสามารถสร้างเว็บไซต์สมาชิกที่ใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการแสดงข้อมูลและเนื้อหา การตั้งค่า paywall การสร้างหลักสูตรและแบบทดสอบ การเสนอการดาวน์โหลดไฟล์ และการจัดการระดับสมาชิกหลายระดับ
นอกเหนือจากคุณสมบัติหลักแล้ว MemberPress ยังมีฟังก์ชันการทำงานอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งรวมถึงการสร้างเพจราคาที่ปรับแต่งได้โดยใช้ Divi การเข้าถึงการรายงานที่ครอบคลุมสำหรับข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเกี่ยวกับการเป็นสมาชิก รายได้ และเมตริกการมีส่วนร่วม โปรแกรมพันธมิตรในตัวผ่าน Easy Affiliate
เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกแนะนำลูกค้าใหม่ และการผสานรวมกับบริการอีเมลการตลาดยอดนิยม เช่น AWeber, Mailchimp และอีกมากมาย เรามีคู่มือที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์ MemberPress เรายังมีชุดบทความสองตอนเกี่ยวกับการใช้ Divi และ MemberPress ร่วมกัน
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ MemberPress
- มีระดับสมาชิกหลายระดับ: MemberPress ช่วยให้คุณสร้างระดับสมาชิกได้ไม่จำกัด พร้อมตัวเลือกราคาและกฎการเข้าถึงที่หลากหลาย มอบความยืดหยุ่นอย่างมาก
- รองรับผู้ให้บริการชำระเงิน: รองรับผู้ให้บริการชำระเงินต่างๆ รวมถึง Apple Pay, Google Pay และบัตรเครดิต อำนวยความสะดวกในการชำระเงินที่หลายช่องทาง
- การสร้างหลักสูตรและแบบทดสอบ: ความสามารถในการสร้างหลักสูตรและแบบทดสอบเป็น ฟังก์ชั่นการทำงาที่โดดเด่น ช่วยเพิ่มมูลค่าของเว็บไซต์สมาชิกได้อย่างมาก
- การหยดเนื้อหา: คุณสมบัตินี้จะปล่อยเนื้อหาออกมาทีละเล็กทีละน้อย ช่วยให้สมาชิกมีส่วนร่วม เข้าใจเกี่ยวกับผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น
- การดาวน์โหลดดิจิทัล: MemberPress ช่วยให้สามารถจัดเตรียมการดาวน์โหลดดิจิทัล เพิ่มอีกชั้นของเนื้อหาสำหรับสมาชิก
- การผสานรวมกับ Divi: สามารถผสานรวมกับ Divi ได้อย่างราบรื่น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบและประสบการณ์ของผู้ใช้
MemberPress เหมาะสำหรับใคร?
MemberPress เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการและนักการศึกษาที่กำลังสร้างเว็บไซต์สมาชิก มอบโซลูชันที่ครอบคลุมสำหรับการสร้างระดับสมาชิก การจัดการการสมัครสมาชิก และการขายหลักสูตร ความยืดหยุ่นในการชำระเงินและการจัดการเนื้อหาทำให้เหมาะสมกับเว็บไซต์ที่หลากหลาย ตั้งแต่แพลตฟอร์มการศึกษาไปจนถึงชุมชนที่ใช้เนื้อหาเป็นหลัก
ตัวเลือกอื่นๆที่น่าสนใจ: LearnDash และ Wishlist Member
รีวิวจากผู้ใช้งาน
MemberPress ได้รับการยกย่องอย่างสูงสำหรับชุดคุณสมบัติที่ครอบคลุมและความง่ายในการใช้งาน ผู้ใช้ชื่นชมการผสานรวมอย่างราบรื่นกับเครื่องมือและบริการต่างๆ ทำให้เป็นตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับการสร้างเว็บไซต์สมาชิก
ราคา
MemberPress เป็นปลั๊กอินพรีเมียม ซึ่งไม่มีเวอร์ชันฟรี แผนพื้นฐานเริ่มต้นที่ 359 ดอลลาร์ต่อปีสำหรับใบอนุญาตไซต์เดียว
28. FunnelKit
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างช่องทางการแปลง
Funnelkit เป็นปลั๊กอินสร้างลีดที่ใช้งานง่าย ซึ่งมีเทมเพลตและเครื่องมือสำหรับสร้างและปรับแต่งหน้าการตลาด ผู้ใช้สามารถสร้างหน้ารับสมัครสมาชิก หน้าขายสินค้า หน้าขอบคุณ หน้าลงทะเบียนเว็บ และอื่นๆ ได้อย่างง่ายดายโดย ไม่ต้องใช้ทักษะการเขียนโค้ดหรือการออกแบบ ปลั๊กอินนี้มีตัวแก้ไขแบบลากและวางที่ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งองค์ประกอบต่างๆ เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ ปุ่ม และแบบฟอร์มได้
Funnelkit นำเสนอการทดสอบ A/B นอกเหนือจากตัวแก้ไขภาพที่ใช้งานง่าย คุณสมบัตินี้ช่วยให้ผู้ใช้ทดสอบว่าเวอร์ชันใดของหน้ามีประสิทธิภาพดีกว่า นอกจากนี้ Funnelkit ยังมีการออกแบบและโมดูลสำเร็จรูปสำหรับธีมยอดนิยม เช่น Divi, Elementor, Oxygen และ Gutenberg ซึ่งทำให้การผสานรวมกับธีม WordPress Website Builders ที่มีอยู่ของคุณเป็นเรื่องง่าย
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ FunnelKit
- ตัวแก้ไขหน้าแบบลากและวาง: FunnelKit มีตัวแก้ไขแบบลากและวาง ช่วยให้ผู้ใช้สร้างหน้าเว็บได้โดยไม่ต้องมีความรู้ในการเขียนโค้ด
- การทดสอบ A/B: ปลั๊กอินนี้มีคุณสมบัติการทดสอบ A/B ช่วยให้สามารถปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้
- เมตริกการวิเคราะห์และการติดตาม: มอบเมตริกการวิเคราะห์และการติดตามที่ครอบคลุม เพื่อประเมินประสิทธิภาพของความพยายามทางการตลาดของคุณ
- เทมเพลตที่ปรับแต่งได้: FunnelKit มีเทมเพลตที่เข้ากันได้กับธีมยอดนิยม รวมถึง Divi
FunnelKit เหมาะสำหรับใคร?
FunnelKit เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักการตลาดและเจ้าของเว็บไซต์ ที่ต้องการสร้างหน้าการตลาด มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและการผสานรวมกับ Divi ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานกับเทมเพลตการออกแบบสำเร็จรูป ปลั๊กอินนี้เหมาะกับความต้องการทางการตลาดที่หลากหลาย ตั้งแต่การสร้างเพจลงจอดไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพช่องทางการขาย
ตัวเลือกอื่นๆที่น่าสนใจ: WPFunnels
รีวิวจากผู้ใช้งาน
FunnelKit มีประสิทธิภาพในการสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพช่องทางการตลาด มีความง่ายในการใช้งานและคุณสมบัติการทดสอบ A/B ที่มีประสิทธิภาพ
ราคา
FunnelKit มีเวอร์ชันฟรีพร้อมฟังก์ชันการทำงานที่จำเป็น ในส่วนของ เวอร์ชันโปร มีการทำงานของฟังก์ชั้นคุณสมบัติขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์โดยละเอียดและตัวเลือกการปรับแต่งเพิ่มเติม เริ่มต้นที่ 129 ดอลลาร์ต่อปี
29. Realtyna WPL
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการแสดงรายการอสังหาริมทรัพย์ MLS
Realtyna WPL เป็นปลั๊กอินอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบคลุมสำหรับ WordPress ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างและปรับแต่งเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ของตนเอง ให้ตรงกับแบรนด์และความต้องการทางธุรกิจได้ มีตัวเลือกมากมายสำหรับการจัดการรายการทรัพย์สิน รวมถึงคุณสมบัติต่างๆ เช่น การค้นหาตามตำแหน่ง ฟิลด์ที่ปรับแต่งได้ รูปภาพและวิดีโอทรัพย์สิน และตัวเลือกการค้นหาขั้นสูงอื่นๆ
นอกเหนือจากความสามารถในการสร้างและปรับแต่งเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์มีความน่าสนใจ Realtyna WPL ยังมอบเครื่องมือการจัดการอสังหาริมทรัพย์ขั้นสูงแก่ผู้ใช้ ซึ่งรวมถึงการจัดการทรัพย์สิน การสร้างลีด และ CRM ช่วยให้นายหน้าอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ สามารถสร้างรายการได้
ประโยชน์หลักอย่างหนึ่งของ Realtyna WPL คือ ไม่จำเป็นต้องใช้ปลั๊กอิน IDX ที่มีราคาแพง ก็ทำให้เป็นโซลูชันที่คุ้มค่าสำหรับการจัดการรายการอสังหาริมทรัพย์และขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ ในส่วนของวิธีใช้งานยังมีคู่มือ ที่แนะนำวิธีการใช้งานทีละขั้นตอนทำให้สร้างเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ด้วย Divi และ Realtyna WPL ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ Realtyna WPL
- การค้นหาตามตำแหน่ง: Realtyna WPL โดดเด่นในการให้ความสามารถในการค้นหาตามตำแหน่งสำหรับรายการอสังหาริมทรัพย์
- ไม่ขึ้นกับซอฟต์แวร์ IDX: ช่วยให้สามารถสร้างและจัดการรายการทรัพย์สินได้อย่างอิสระ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ IDX
- พารามิเตอร์การค้นหาที่ปรับแต่งได้: ปลั๊กอินนี้มีพารามิเตอร์การค้นหาที่ปรับแต่งได้สำหรับการค้นหาทรัพย์สินที่ปรับแต่งเอง
- รูปภาพและวิดีโอทรัพย์สิน: รองรับการรวมรูปภาพและวิดีโอในรายการ เพิ่มความน่าสนใจให้กับภาพ
- เครื่องมือสร้างลีดและ CRM: รวมถึงเครื่องมือสำหรับสร้างลีดและการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งมีความสำคัญสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
- การสร้างรายการตัวแทน: Realtyna WPL ช่วยให้นายหน้าอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ สามารถสร้างและจัดการรายการของตนเอง ส่งเสริมแพลตฟอร์มแบบร่วมมือกัน
Realtyna WPL เหมาะสำหรับใคร?
Realtyna WPL เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงตัวแทนที่ต้องการวิธีที่มีประสิทธิภาพในการจัดการรายการทรัพย์สินและการโต้ตอบกับลูกค้า ความสามารถของปลั๊กอินมีการทำงานโดยไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์ IDX ทำให้เป็นเครื่องมือที่ไม่เหมือนใคร มีประสิทธิภาพที่สูงสำหรับเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ มีประโยชน์สำหรับการให้ฐานข้อมูลทรัพย์สินที่ครอบคลุมและสามารถค้นหาได้แก่ลูกค้า
ตัวเลือกอื่นๆที่น่าสนใจ: Estatik
รีวิวจากผู้ใช้งาน
Realtyna WPL ได้รับคะแนนจากผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับความสามารถในการค้นหาตามตำแหน่งและความง่ายในการใช้งานในการจัดการรายการอสังหาริมทรัพย์ ผู้ใช้ชื่นชมคุณสมบัติที่ครอบคลุมและความยืดหยุ่นในการจัดการทรัพย์สิน
ผู้ใช้บางรายได้เน้นย้ำถึงความสามารถของปลั๊กอินในการสร้างรายการที่มีรายละเอียด อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานใหม่อาจต้องศึกษาวิธีการใช้งานให้ละเอียด เนื่องจากมีฟังก์ชั้นการทำงานที่หลากหลาย
ราคา
Realtyna WPL มีเวอร์ชันฟรีพร้อมฟังก์ชันการทำงานพื้นฐาน ใบอนุญาตโปรสามารถใช้งานได้ตลอดชีพในราคา 199 ดอลลาร์
30. GeoDirectory
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างไดเร็กทอรีออนไลน์
GeoDirectory ตัวช่วยให้ผู้ใช้สร้างไดเร็กทอรีธุรกิจตามตำแหน่ง เช่น Yelp ซึ่งผู้เข้าชมสามารถค้นหาธุรกิจโดยใช้ส่วนต่อประสานแผนที่แบบโต้ตอบด้วย GeoDirectory ผู้ใช้สามารถจัดการรายชื่อธุรกิจ ตำแหน่ง และหมวดหมู่ได้อย่างง่ายดาย ทำให้เป็นโซลูชันที่เหมาะสมสำหรับบริษัทและองค์กรที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ไดเร็กทอรีที่แข็งแกร่ง
GeoDirectory นำเสนอตัวเลือกการค้นหาที่ปรับแต่งได้สำหรับผู้ใช้ โดยมีตัวกรองต่างๆ เช่น ตำแหน่ง หมวดหมู่ คะแนน และอื่นๆ ช่วยให้ผู้เข้าชมค้นหาธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย นอกจากนี้เวอร์ชันโปรยังมีตัวเลือกการสร้างรายได้ รวมถึงรายชื่อแบบชำระเงินและรายชื่อที่โดดเด่น
เพื่อช่วยให้บริษัทสร้างรายได้และปรับปรุงการมองเห็นออนไลน์ GeoDirectory ยังผสานรวมกับปลั๊กอินยอดนิยม เช่น Ninja Forms และ Users WP ช่วยให้ผู้ใช้สามารถลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบเพื่อสร้างรายชื่อธุรกิจของตนเอง ดูคู่มือของเราในการสร้างเว็บไซต์ไดเร็กทอรีด้วย GeoDirectory
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ Geo Directory
- แผนที่แบบโต้ตอบ: GeoDirectory รวมคุณสมบัติแผนที่แบบโต้ตอบ ทำให้ง่ายสำหรับผู้ใช้ในการค้นหาธุรกิจหรือหน่วยงานในไดเร็กทอรี
- การค้นหาที่ปรับแต่งได้: ปลั๊กอินนี้มีตัวเลือกการค้นหาที่ปรับแต่งได้ เพิ่มประสบการณ์การใช้งานและความแม่นยำในการค้นหา
- รีวิวที่ส่งโดยผู้ใช้: อนุญาตให้ผู้ใช้แสดงความคิดเห็น ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนและให้ข้อเสนอแนะที่มีค่า
- คุณสมบัติการสร้างรายได้: ในเวอร์ชันโปร GeoDirectory รวมถึงตัวเลือกการสร้างรายได้ เช่น รายชื่อแบบชำระเงินและรายชื่อที่โดดเด่น มอบโอกาสในการสร้างรายได้
- เป็นมิตรกับ SEO: ออกแบบมาให้เป็นมิตรกับ SEO ช่วยให้ไดเร็กทอรีของคุณติดอันดับในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาได้ดีขึ้น
- ตัวเลือกการปรับแต่งจำนวนมาก: มีตัวเลือกการปรับแต่งที่กว้างขวาง เพื่อให้ตรงกับแบรนด์ของไซต์ รับรองประสบการณ์ผู้ใช้ที่สอดคล้องกัน
- ใช้งานง่าย: เป็นที่รู้จักกันดีในด้านอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ทำให้เข้าถึงได้ทั้งผู้เริ่มต้นและผู้ใช้ขั้นสูง
- การผสานรวมกับปลั๊กอินอื่นๆ: ผสานรวมกับ Ninja Forms, UsersWP และ AyeCode Connect มอบฟังก์ชันการทำงานและความยืดหยุ่นที่ขยายออกไป
GeoDirectory เหมาะสำหรับใคร?
GeoDirectory เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่สร้างไดเร็กทอรีธุรกิจออนไลน์ที่ครอบคลุม คุณสมบัติแผนที่แบบโต้ตอบและการค้นหาที่ปรับแต่งได้ เหมาะสมกับธุรกิจที่ต้องการแสดงรายการของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ ปลั๊กอินนี้ยังเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้จากไดเร็กทอรีของตนเองผ่านรายชื่อแบบชำระเงิน
ตัวเลือกอื่นๆที่น่าสนใจ: Directorist และ Business Directory
รีวิวจากผู้ใช้งาน
GeoDirectory ได้รับการยกย่องในด้านอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ใช่งานร่วมกับ Google Maps ได้อย่างง่ายดาย ผู้ใช้หลายคนยังให้ข้อมูลว่า GeoDirectory สามารถใช้งานร่วมกับเว็บไซต์ได้หลายแบบ ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักพัฒนาและเจ้าของเว็บไซต์ที่จัดการหลายเว็บไซต์หรือไดเร็กทอรี
ราคา
GeoDirectory มีเวอร์ชันฟรีและตัวเลือกพรีเมียม โดยมีแผนราคาต่างๆ เริ่มต้นที่ 139 ดอลลาร์ต่อปี
31. Omnisend
ปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการตลาดผ่านอีเมลและ SMS
Omnisend เป็นปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับการตลาดผ่านอีเมลและ SMS ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับพ่อค้า-แม่ค้า ออนไลน์
แพลตฟอร์มนี้มีการเชื่อมต่อที่ดีกับ WordPress และ WooCommerce ทำให้การตั้งค่าและการจัดการแคมเปญการตลาดผ่านอีเมลเป็นเรื่องง่ายตั้งแต่เริ่มต้น นอกจากนี้ ยังมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและชุดฟีเจอร์ที่ทรงพลังครบครัน ทำให้มันเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับพ่อค้าออนไลน์ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาด
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ Omnisend
เน้นการค้าขายออนไลน์ : Omnisend ถูกออกแบบมาสำหรับพ่อค้าออนไลน์โดยเฉพาะ ทำให้การเพิ่มยอดขายและขยายกลุ่มผู้ชมเป็นเรื่องง่ายขึ้น
การใช้งานง่าย : อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายทำให้การสร้างและจัดการแคมเปญและอัตโนมัติเป็นเรื่องง่าย
ฟีเจอร์ที่ครบครัน : Omnisend มอบเครื่องมือที่ทรงพลังหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำงานอัตโนมัติ การแบ่งกลุ่มลูกค้า และเทมเพลตอีเมลและฟอร์มกว่า 350 แบบที่ดูเป็นมืออาชีพ ช่วยให้คุณสามารถสร้างการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและน่าประทับใจได้อย่างง่ายดาย
บริการ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด : บริการตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ปัญหาของคุณจะถูกแก้ไขภายในเวลาไม่เกิน 3 นาที จะได้รับการช่วยเหลือด้วยความเป็นมืออาชีพอยู่เสมอ
Omnisend เหมาะสำหรับใคร ?
Omnisend เหมาะอย่างยิ่งสำหรับพ่อค้าออนไลน์ที่ต้องการเพิ่มยอดขายและขยายกลุ่มลูกค้าด้วยอีเมลที่ออกแบบอย่างสวยงามและข้อความ SMS ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับลูกค้าได้อย่างตรงจุดและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
มันคือทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจที่มองหาคำตอบที่ได้ผลและใช้งานง่าย ซึ่งถูกออกแบบมาอย่างลงตัวสำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ ช่วยให้คุณเติบโตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
รีวิวจากผู้ใช้งาน
ผู้ใช้ WordPress ต่างชื่นชอบความง่ายในการใช้งาน และฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อ eCommerce โดยเฉพาะ ทำให้ Omnisend ได้รับคะแนนถึง 4.9 จาก 5 คะแนน นอกจากนี้ยังได้รับการรีวิวที่ดีเยี่ยมใน G2 และ Capterra อีกด้วย! ความพึงพอใจของผู้ใช้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเหนือระดับของ Omnisend ที่ช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
ราคา
สำหรับการใช้ฟรี สามารถใช้ได้ 250 รายการ ส่วนแบบพรีเมี่ยม เริ่มต้นเพียงแค่ 16 ดอลลาร์ต่อเดือน และที่สำคัญ! ตัวปลั๊กอินสามารถใช้งานได้ฟรีอีกด้วย
32. Icegram Express
ปลั๊กอินที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลและพัฒนาลูกค้าใน WordPress! ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าใหม่ หรือการทำให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำ ปลั๊กอินนี้จะช่วยให้คุณดูแลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Icegram Express เป็นปลั๊กอินสำหรับการตลาดทางอีเมลและการดูแลลูกค้าใน WordPress ที่ยอดเยี่ยมมาก! มันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวผลิตภัณฑ์จาก Icegram ที่ช่วยในการเก็บรวบรวมและดูแลลูกค้าใหม่ๆ ที่เข้ามาที่ธุรกิจของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าของคุณตั้งแต่เริ่มต้นได้อย่างเต็มที่
สำหรับ Icegram Express มันช่วยให้คุณเก็บรวบรวมลูกค้า ดูแลสมาชิก และเพิ่มการแปลงผู้ใช้ได้ทันทีจากการติดตั้ง WordPress ของคุณ! บอกเลยว่า Mailchimp ต้องหลีกทางให้กับความง่ายและประสิทธิภาพของ Icegram Express จริงๆ
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ Icegram Express
การเก็บข้อมูลลูกค้าง่าย : สร้างฟอร์มสมัครที่ดึงดูดสายตาและเข้ากันได้อย่างลงตัวกับการออกแบบเว็บไซต์ ทุกฟอร์มจะไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้เยี่ยมชมได้อย่างไม่น่าเชื่อ
การออกแบบอีเมลล์ : ไม่ต้องเขียนโค้ดเลย! สร้างอีเมลที่ดีที่สุดที่เข้าถึงใจผู้ชมเว็บไซต์ได้ง่ายๆ ด้วยตัวแก้ไขแบบลากและวางที่ใช้งานได้อย่างสะดวกและเข้าใจง่าย ทำให้งานออกแบบอีเมลเป็นเรื่องสนุกและไม่ยุ่งยาก
การทำงานอัตโนมัติ : ตั้งค่าการทำงานอัตโนมัติตามพฤติกรรมและการกระตุ้นของผู้ใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าสมาชิกของคุณจะได้รับข้อความที่ตรงใจในเวลาที่เหมาะสมที่สุด
การเชื่อมต่อกับ WordPress ที่ง่าย : Icegram Express เชื่อมต่อกับเว็บไซต์ WordPress ได้อย่างลงตัว ทำให้ทุกขั้นตอนการทำงานง่ายขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น ไม่มีความยุ่งยากในการตั้งค่าซับซ้อนอีกต่อไป!
การช่วยเหลือที่ดี : มีทีมงานที่คอยช่วยเหลือ และสนับสนุนอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร สามารถติดต่อได้ตลอดเวลา
Icegram Express เหมาะกับใคร ?
ผู้ที่หลงรัก WordPress จะต้องชอบ Icegram Express อย่างแน่นอน เพราะมันมอบความสะดวกสบายและฟีเจอร์ที่ทำให้สร้างเว็บไซต์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
มันช่วยแก้ไขปัญหาหลายๆ จุดที่ยุ่งยากให้ง่ายขึ้น ในขณะที่เชื่อมต่อกับเว็บไซต์ WordPress ได้อย่างสะดวกสบาย ใครที่ต้องการสร้างและส่งแคมเปญอีเมลจาก WordPress จะต้องชื่นชอบแน่นอน
และถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่เลือกใช้ Icegram การใช้ Express ทุกอย่างก็จะเป็นเรื่องง่าย
รีวิวจากผู้ใช้งาน
รีวิวสำหรับ Icegram Express ล้วนแล้วแต่เป็นไปในทางบวก สะท้อนให้เห็นถึงชื่อเสียงในฐานะปลั๊กอินการตลาดทางอีเมลที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพสำหรับ WordPress ที่ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกมั่นใจ
มันเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากสำหรับผู้ใช้งาน WordPress ที่กำลังมองหาวิธีเสริมสร้างความมั่นคงให้กับการตลาดผ่านอีเมลของพวกเขา เพราะมันจะช่วยยกระดับการทำงานให้ง่ายขึ้นและเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ ด้วยอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ฟีเจอร์ที่ทรงพลัง และการสนับสนุนที่ทุ่มเท Icegram Express จะช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ ดูแลสมาชิกอย่างใกล้ชิด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ราคา
แผนฟรีของ Icegram Express ก็สามารถใชังานได้เพียงพอต่อความต้องการได้ แต่ แผน Pro หรือ Max เริ่มต้นที่ $129 ต่อปี ก็จะได้ฟีเจอร์การทำงานที่ครอบคลุมมากกว่า
การเปรียบเทียบหาปลั๊กอินที่ดีที่สุด ดีอย่างไร
การเปรียบเทียบหรือ หาปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุด เพื่อนำมาใช้สำหรับเว็บไซต์นั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ทำงานได้ตามความต้องการและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
คุณสมบัติที่ดีที่สุดของปลั๊กอิน WordPress
ปลั๊กอิน 3 อันดับต้นๆ ที่ทาง SEO GURU แนะนำ ควรมีใช้งานในทุกๆเว็บไซต์ของคุณ ไม่จำเป็นต้องใช้แบบเสียเงิน เพียงใช้แค่เวอร์ชันฟรีก็ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์ของคุณ มีคุณภาพมากขึ้น
สำหรับท่านใดที่ต้องการ ปรึกษาการทำ SEO ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ อยู่ในอันดับต้นๆ ในหน้าแรกได้ สามารถติดต่อได้ที่ SEO GURU